"จุดต่ำสุดของชีวิตแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน"
แต่จุดต่ำสุดของชีวิตผมไม่ใช่การอยู่ในคุกนะครับ
แต่มันคือการที่ผมต้องนั่งเฉยๆ และถูกตัดผมจนหมดหัว จิตใจและความรู้สึกของผมตอนนั้นมันยากที่จะอธิบาย
---EP.2---
หลังจากกักตัวครบ 15 วัน เจ้าหน้าที่เรือนจำจะทำการตรวจ ATK เมื่อตรวจเสร็จแล้วจะนำตัวผู้ต้องขังใหม่เข้าไปในแดนแรกรับ
แดนแรกรับ = ผู้ต้องขังใหม่ทุกคน จะต้องอยู่แดนนี้เป็นเวลา 30 วัน เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตและการอยู่ภายในเรือนจำ
เอาล่ะทุกคน หัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ต้องเจอกับอะไรอีก
แดนแรกรับเป็นอาคารในที่ร่ม ภายในโล่ง (ภาพจำลองด้านล่าง)
จากภาพแล้วเมื่อผ่านประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่จะให้คนเก่าทุกคนไปอยู่หลังเส้นแดง และคนที่ลงมาจากห้องกักก็จะอยู่อีกฝั่งนึง เพื่อให้คนเก่าได้ดูว่า รู้จักคนใหม่หรือไม่...เคยเป็นคู่กรณีหรือมีเรื่องราวกันมาก่อนไหม ทำแบบนี้เพื่อป้องกันการทะเลาะกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ผมผู้ซึ่งโดดเดี่ยวยืนหันหน้าไป เจอกับสายตาจากผู้ชายพันกว่าคน ในหัวคิดแต่ว่า "ฉันจะต้องพบเจอกับอะไรอีก และฉันจะอยู่อย่างไรต่อไป"
ขอย้อนกลับไปตอนกักตัวนิดนึง 15 วันของผมที่อยู่ในห้องกักตัว ผ่านความเครียด ความเสียใจ การร้องไห้มาทุกคืน จากชีวิตภายนอกที่แสนสบาย เล่นมือถือดู Ticktok เลื่อนฟีด Instagram มาอยู่จุดนี้จุดที่ไม่มีมือถือความรู้สึกมันแย่มากจริงๆนะทุกคน
เอาหละ ผมบอกกับตัวเอง ต้องอยู่ให้ได้ มันคงเป็นบททดสอบนึงในชีวิต จะต้องผ่านมันไปได้สิ.....
เวลา 11:30 น. คือเวลาทานข้าวเที่ยง "ข้าวมื้อแรกในคุก" หลังจากลงมาจากห้องกักตัว...
การเป็นอยู่ในแดนแรกรับ อยากให้ทุกคนนึกถึงการไปเข้าค่ายลูกเสือ มันค่อนข้างคล้ายกันเหมือนเราไปเข้าค่ายเลย
การทานข้าวเป็นถาดหลุมที่มีข้าวและกับข้าว 2 อย่าง (ในคุกที่มักจะมีคนพูดว่า กินข้าวแดง ไม่มีแล้วนะครับเป็นข้าวสีขาว ไม่แข็งแต่ก็ไม่ได้นุ่มเท่ากับข้าวหอมมะลิที่ผมเคยกินตอนอยู่ข้างนอก)
โอเค๊... มือแรก แกงผักกาดขาวใส่ไก่กับหมูยอทอด (กับข้าวที่มีแต่น้ำแกงและผักกาด ไม่มีเนื้อไก่เลย) แต่ก็ยังดีกว่ากินข้าวในถุงร้อน พอกินเสร็จต่อแถวเอาถาดไปเก็บ
เอาหละ ก่อนกินข้าวเย็นในเวลา 14:00 น. สิ่งที่ผมกังวลที่สุดก็มาถึง #การอาบน้ำ
13:00 น. ได้เวลาอาบน้ำ ตอนนั้นผมยืนนิ่งๆและคิดว่าตัวเองจะทำยังไง ทุกคนจินตนาการตามนะครับ ผมเข้าไปในเรือนจำด้วยตัวเปล่า ชุดชุดเดียว ไม่มีผ้าเช็ดตัว ไม่มีสบู่ ไม่มีอะไรเลย
เจ้าหน้าที่เป่านกหวีด มาต่อแถวอาบน้ำรอบละ 50 คน วนไปจนครบจำนวนคนในแดน แรกรับ
ลักษณะโรงอาบน้ำก็เป็นฝักบัวติดๆกัน ยืนอาบน้ำ
เปิดน้ำ 2 รอบ
รอบที่ 1 เปิดน้ำเสร็จให้ตัวเราเปียก พอตัวเปียกก็ถูสบู่สระผม
รอบที่ 2 ก็คือการล้างแชมพูและสบู่ออกจากตัว
(เปิดน้ำต่อรอบประมาณ 2-3 นาที) นั่นหมายความว่า 5-6 นาที ทุกคนต้องอาบน้ำเสร็จแล้ว
เอาสิ ลืมการอาบน้ำแบบเดิมๆไปได้เลย
**ชีวิตของฉันผู้ซึ่งเปิดเพลงฟังในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้ตัวเปียก สระผม ต่อด้วยครีมนวดผม ปั้มครีมอาบน้ำใส่ใยขัดตัว ขัดทั่วตัวจนฟองเต็มตัว เกลือขัดผิวสคับต่อและก็ทาโลชั่นทั่วทั้งตัว** สิ่งเหล่านี้ของฉันหายไปเลย 555+
ทุกคนคงมีคำถามว่า ผมจะแก้ผ้าไหม อ๋อ...พักก่อน!!
ผมก็ใส่กางเกงในอาบน้ำหละครับ แต่ผู้ชายอีกพันกว่าคนคือ แก้ผ้าหมด มองไปทางไหนก็มีแต่ จุดนี้ทุกคนคงคิดว่า ดีสิ...ได้เห็นแบบนั้น หากอยู่ตรงนั้นจริงๆ จะรู้ว่า มันเยอะจนน่ากลัว จนเวียนหัว มีทุกขนาด... ใหญ่ กลางเล็ก ตกแต่ง ใส่มุก ใส่แคปซูล ตอนนั้นไม่ได้โฟกัสเลยครับ คิดแต่ว่า ทำยังไงให้รอดและผ่านตรงนี้ไปได้
ขออนุญาติขอบคุณเพื่อนคนนึงที่ได้พบข้างใน ชื่อว่า พี่เอ คดีครอบครองยาเสพติด เป็น LGBTQ เหมือนกัน พี่แกเข้ามาทักทายผมและ เอาสบู่ เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ยืมใช้
"พี่เอ" นี่หละครับ เพื่อนคนแรกที่รู้จัก และพี่คนนี้แหละครับ คือ คนที่ทำให้รู้จักกับคนที่ผมเรียกว่า ความรักที่ผมตามหามาตลอด แต่จะพบอย่างไรนั้น เดี๋ยวจะเล่าไปจนถึงตอนนั้นนะครับ
พออาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดสีน้ำตาลที่ทางเรือนจำมีให้เปลี่ยน จากนั้นทานข้าวเย็นครับ
พอทานข้าวเย็นเสร็จ คนใหม่จะถูกจำแนกห้องครับ LGBTQ จะถูกไปอยู่ห้องนึงรวมกัน ส่วนผู้ชายทั่วไปก็จะอยู่กับผู้ชายด้วยกัน
15:30 น. ได้เวลาขึ้นห้องนอน เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าการนอนเป็นอย่างไรแต่สำหรับตอนที่ผมเข้าไปมันพัฒนาแล้วนะครับ มีฟูกปูนอน ไม่ได้นอนกับพื้นเหมือนตอนห้องกักตัว พอขึ้นไปถึงบนห้อง ก็นำฟูกมาปูเต็มทั้งห้องและนอนติดกัน...เป็นอย่างที่เขาว่าครับประมาณ 2-3 กระเบื้องต่อคน "ชีวิตของฉันจากที่นอน 6 ฟุต ท๊อปเปอร์ขนห่าน กลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน" ตอนนี้ ไหล่ซ้ายติดกับคนข้างซ้ายไหล่ขวาติดกับคนข้างขวา 😭
การขึ้นเรือนนอน มีกฏระเบียบอยู่ว่า
เมื่อขึ้นเรือนนอน 16:00 น. - 18:00 น. ห้ามพูดคุยกัน ต่างคนต่างอยู่กับตัวเอง และสามารถคุยกันได้
ตอน 18:00 น. - 21:00 น. เมื่อถึงเวลา 21.00 น. ต่างคนต่างนอน และทุกคนจะตื่นนอน 06:00 น. ในตอนเช้าเพื่อนับยอดจำนวนคน และเจ้าหน้าที่จะเปิดประตูห้องให้ลงไปทำกิจวัตรในตอนเช้าคือการแปรงฟันและเข้าแถวเคารพธงชาติ
เมื่อเคารพธงชาติ ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็จะปล่อยอิสระให้กับเราทั้งวัน คุยทำความรู้จักกัน *เธอโดนคดีอะไรมา ทำไมถึงโดน เธอชื่ออะไร อยู่แถวไหน *
ผมก็อยู่กับพี่เอ แกก็พาไปรู้จักคนนั้นคนนี้ และ 1 ใน นั้นคือ ผู้ชายคนนึง ชื่อว่า กอล์ฟ พี่เอรู้จักกอล์ฟเพราะว่า เข้ามาในเรือนจำวันเดียวกันเลยกักตัวด้วยกันระหว่างที่กักตัว 15 วัน พี่เอก็ทำความรู้จักกับทุกคนเพราะตอนกักตัวเราจะไม่มีอะไรทำนอกจากนอนกับกิน (ฟิวแบบสมัยเรา ติดโควิดและไปกักตัวที่โรงแรม)
พี่เอ แนะนำให้รู้จักกอล์ฟ เขาเป็นผู้ชายผิวสีแทน สูง นิสัยเขาดีมากๆ เคยเข้ามาครั้งแรกเหมือนกัน พูดคุยทำความรู้จักกันตามปกติ
ชีวิตในเรือนจำ ก็จะวนอยู่แบบนี้ทุกวัน บางวันก็อาจจะมีกิจกรรม ออกกำลังกาย 10 ท่าพยายมอะไรต่างๆบ้าง แต่หลักๆจะมี ดังต่อไปนี้
ตื่น 06:00 น. แปรงฟัน
08:00 น. เคารพธงชาติ
ทานข้าวเช้า
ทานข้าวเที่ยง
ทานข้าวเย็น
ขึ้นเรือนนอน 15:30 น.
นอกจาก วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดทางราชการ หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ จะให้อิสระที่มากกว่ากับทุกคนคือการได้ดูหนังดูภาพยนตร์จากทีวี ได้เล่นตะกร้อ ฟุตบอล วอลเลย์บอล แล้วแต่ว่าใครจากทำอะไร มันคือวันหยุดของเรา
และนั่นก็เป็นการใช้ชีวิตภายในเรือนจำ
ณ ตอนนี้เวลาผ่านมา 20 วัน นับจากวันที่ 30 พฤจิกายนที่ผมเข้ามา และผมมีกำหนดออกศาล เพื่อพิจารณาคดี (นัดพร้อม สืบพยาน) ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565
แดนแรกรับหรือแดน 4 วันญาติเยี่ยมคือ วันจันทร์
ผมยังจำได้ดีวันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565
การเยี่ยมญาติเจ้าหน้าที่จะประกาศชื่อตั้งแต่ 8:30 น. เป็นต้นไป เป็นรอบๆ ซึ่งตัวผมเองก็คงไม่มีใครไปเยี่ยมเพราะไม่มีใครทราบเลยว่าผมอยู่ที่นี่ ผมยังไม่สามารถติดต่อใครได้เลย
แต่แล้ว!! 14:30 น. รายชื่อญาติเยี่ยมในรอบที่ 57 ปรากฎว่า ผมมีชื่อญาติเยี่ยม ที่ประตูแดนก่อนออกไปเยี่ยมญาติ ทุกคนสามารถเช็ครายชื่อคนที่มาเยี่ยมที่ประตูแดนได้
#ทุกคนจะต้องแก้ผ้าตรวจร่างกายออกจากแดนต้องไม่มีอะไรติดตัวไปและเมื่อกลับมาจากเยี่ยมญาติก่อนจะเข้าแดนก็ต้องไม่มีอะไรติดตัวกลับมาเข้ามาในแดนเช่นกัน
ใช่แล้วครับทุกคน.... คนที่มาเยี่ยม คือ ภูมิ จำเลยที่ 1
แต่ภูมิไม่ได้มาเยี่ยมคนเดียว พ่อภูมิ แม่ภูมิ น้าภูมิมาด้วย เข้าเยี่ยมผมทั้ง 4 คน
ถ้าทุกคนคิดว่า ดีจัง แฟนกลับมาเยี่ยม พาครอบครัวมาด้วย ใช่ครับตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น
แต่พอผมยกหูโทรศัพท์ คนแรกที่คุยกับผมก็คือภูมิ
เรามองเห็นกันนะครับ ผ่านกระจกใส ภูมิพูดอะไรไม่ออกร้องไห้เห็นเราในสภาพที่เขาไม่เคยเห็น ทรงผมหัวเกรียน ใส่เสื้อผ้าประหนึ่งเป็นนักโทษเช่นเดียวกับคนอื่น พ่อของภูมิจึงดึงโทรศัพท์ไปเพื่อคุยกับผม (ในใจผมคิดว่า พ่อภูมิจะต้องขอเบอร์ติดต่อญาติเรา เพื่อช่วยประสานให้เราได้ประกันตัว)
******แต่เปล่าเลยครับ ******* พ่อภูมิบอกว่า อายุภูมิยังน้อย ปริญญาตรีก็ยังไม่จบ ถามผมว่า ต้องการอะไร อีก 3 วันที่การออกศาลจะมาถึงให้ผมรับสารภาพและปัดภูมิพ้นความผิดได้ไหม....ขออนาคตที่ดีให้กับลูกเค้า
ผมน้ำตาใหลเลยครับ
และมีเสียงดังอยู่ภายในใจว่า "คุณอยากให้อนาคตที่เหลือของลูกคุณดีแล้ว อนาคตของผมล่ะผมก็ต้องการอนาคตผมเหมือนกัน "
แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะคิดว่า
หากพูดออกไป จะเป็นการมีปากเสียงกันและทะเลาะกันซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องใช้ประโยชน์จากพวกเขาให้ได้ เพื่อติดต่อญาติหรือคนที่ผมสนิทและสามารถพาตัวผมออกไปจากตรงนี้
ผมจึงไม่ตอบโต้อะไร
พ่อภูมิยังพูดต่ออีกว่า ไหนๆคุณก็ติดไปแล้ว ถือว่าเห็นแก่ภูมิมันเถอะนะ .....
ทุกคนมาถึงตอนนี้ ทุกคนคิดว่า ผมจะตอบพ่อภูมิว่าอย่างไร และการกลับมาของภูมิครั้งนี้ ถ้าทุกคนเป็นผมทุกคนจะทำยังไง .... ติดต่อ EP.3 🩷 นะครับ ว่าผมจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
#ใน EP หน้าจะเป็นการสิ้นสุดคดีความ มาดูกันครับ ผมรอดมาได้อย่างไร และผมได้เจอความรักที่เรียกว่ารักจริงๆ รักที่ไม่ต้องใช้เงินเปย์ รักที่เฝ้าตามหามาตลอด เริ่มต้นอย่างไร ฝากติดตามด้วยนร้าทุกคน 🩷❤️
EP.2 ครั้งหนึ่งในเรือนจำ ฉันได้พบรักที่ฉันตามหามาตลอด "จุดต่ำสุดในชีวิตของผม"
แต่จุดต่ำสุดของชีวิตผมไม่ใช่การอยู่ในคุกนะครับ
แต่มันคือการที่ผมต้องนั่งเฉยๆ และถูกตัดผมจนหมดหัว จิตใจและความรู้สึกของผมตอนนั้นมันยากที่จะอธิบาย
---EP.2---
หลังจากกักตัวครบ 15 วัน เจ้าหน้าที่เรือนจำจะทำการตรวจ ATK เมื่อตรวจเสร็จแล้วจะนำตัวผู้ต้องขังใหม่เข้าไปในแดนแรกรับ
แดนแรกรับ = ผู้ต้องขังใหม่ทุกคน จะต้องอยู่แดนนี้เป็นเวลา 30 วัน เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตและการอยู่ภายในเรือนจำ
เอาล่ะทุกคน หัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ต้องเจอกับอะไรอีก
แดนแรกรับเป็นอาคารในที่ร่ม ภายในโล่ง (ภาพจำลองด้านล่าง)
จากภาพแล้วเมื่อผ่านประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่จะให้คนเก่าทุกคนไปอยู่หลังเส้นแดง และคนที่ลงมาจากห้องกักก็จะอยู่อีกฝั่งนึง เพื่อให้คนเก่าได้ดูว่า รู้จักคนใหม่หรือไม่...เคยเป็นคู่กรณีหรือมีเรื่องราวกันมาก่อนไหม ทำแบบนี้เพื่อป้องกันการทะเลาะกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ผมผู้ซึ่งโดดเดี่ยวยืนหันหน้าไป เจอกับสายตาจากผู้ชายพันกว่าคน ในหัวคิดแต่ว่า "ฉันจะต้องพบเจอกับอะไรอีก และฉันจะอยู่อย่างไรต่อไป"
ขอย้อนกลับไปตอนกักตัวนิดนึง 15 วันของผมที่อยู่ในห้องกักตัว ผ่านความเครียด ความเสียใจ การร้องไห้มาทุกคืน จากชีวิตภายนอกที่แสนสบาย เล่นมือถือดู Ticktok เลื่อนฟีด Instagram มาอยู่จุดนี้จุดที่ไม่มีมือถือความรู้สึกมันแย่มากจริงๆนะทุกคน
เอาหละ ผมบอกกับตัวเอง ต้องอยู่ให้ได้ มันคงเป็นบททดสอบนึงในชีวิต จะต้องผ่านมันไปได้สิ.....
เวลา 11:30 น. คือเวลาทานข้าวเที่ยง "ข้าวมื้อแรกในคุก" หลังจากลงมาจากห้องกักตัว...
การเป็นอยู่ในแดนแรกรับ อยากให้ทุกคนนึกถึงการไปเข้าค่ายลูกเสือ มันค่อนข้างคล้ายกันเหมือนเราไปเข้าค่ายเลย
การทานข้าวเป็นถาดหลุมที่มีข้าวและกับข้าว 2 อย่าง (ในคุกที่มักจะมีคนพูดว่า กินข้าวแดง ไม่มีแล้วนะครับเป็นข้าวสีขาว ไม่แข็งแต่ก็ไม่ได้นุ่มเท่ากับข้าวหอมมะลิที่ผมเคยกินตอนอยู่ข้างนอก)
โอเค๊... มือแรก แกงผักกาดขาวใส่ไก่กับหมูยอทอด (กับข้าวที่มีแต่น้ำแกงและผักกาด ไม่มีเนื้อไก่เลย) แต่ก็ยังดีกว่ากินข้าวในถุงร้อน พอกินเสร็จต่อแถวเอาถาดไปเก็บ
เอาหละ ก่อนกินข้าวเย็นในเวลา 14:00 น. สิ่งที่ผมกังวลที่สุดก็มาถึง #การอาบน้ำ
13:00 น. ได้เวลาอาบน้ำ ตอนนั้นผมยืนนิ่งๆและคิดว่าตัวเองจะทำยังไง ทุกคนจินตนาการตามนะครับ ผมเข้าไปในเรือนจำด้วยตัวเปล่า ชุดชุดเดียว ไม่มีผ้าเช็ดตัว ไม่มีสบู่ ไม่มีอะไรเลย
เจ้าหน้าที่เป่านกหวีด มาต่อแถวอาบน้ำรอบละ 50 คน วนไปจนครบจำนวนคนในแดน แรกรับ
ลักษณะโรงอาบน้ำก็เป็นฝักบัวติดๆกัน ยืนอาบน้ำ
เปิดน้ำ 2 รอบ
รอบที่ 1 เปิดน้ำเสร็จให้ตัวเราเปียก พอตัวเปียกก็ถูสบู่สระผม
รอบที่ 2 ก็คือการล้างแชมพูและสบู่ออกจากตัว
(เปิดน้ำต่อรอบประมาณ 2-3 นาที) นั่นหมายความว่า 5-6 นาที ทุกคนต้องอาบน้ำเสร็จแล้ว
เอาสิ ลืมการอาบน้ำแบบเดิมๆไปได้เลย
**ชีวิตของฉันผู้ซึ่งเปิดเพลงฟังในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้ตัวเปียก สระผม ต่อด้วยครีมนวดผม ปั้มครีมอาบน้ำใส่ใยขัดตัว ขัดทั่วตัวจนฟองเต็มตัว เกลือขัดผิวสคับต่อและก็ทาโลชั่นทั่วทั้งตัว** สิ่งเหล่านี้ของฉันหายไปเลย 555+
ทุกคนคงมีคำถามว่า ผมจะแก้ผ้าไหม อ๋อ...พักก่อน!!
ผมก็ใส่กางเกงในอาบน้ำหละครับ แต่ผู้ชายอีกพันกว่าคนคือ แก้ผ้าหมด มองไปทางไหนก็มีแต่ จุดนี้ทุกคนคงคิดว่า ดีสิ...ได้เห็นแบบนั้น หากอยู่ตรงนั้นจริงๆ จะรู้ว่า มันเยอะจนน่ากลัว จนเวียนหัว มีทุกขนาด... ใหญ่ กลางเล็ก ตกแต่ง ใส่มุก ใส่แคปซูล ตอนนั้นไม่ได้โฟกัสเลยครับ คิดแต่ว่า ทำยังไงให้รอดและผ่านตรงนี้ไปได้
ขออนุญาติขอบคุณเพื่อนคนนึงที่ได้พบข้างใน ชื่อว่า พี่เอ คดีครอบครองยาเสพติด เป็น LGBTQ เหมือนกัน พี่แกเข้ามาทักทายผมและ เอาสบู่ เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ยืมใช้
"พี่เอ" นี่หละครับ เพื่อนคนแรกที่รู้จัก และพี่คนนี้แหละครับ คือ คนที่ทำให้รู้จักกับคนที่ผมเรียกว่า ความรักที่ผมตามหามาตลอด แต่จะพบอย่างไรนั้น เดี๋ยวจะเล่าไปจนถึงตอนนั้นนะครับ
พออาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดสีน้ำตาลที่ทางเรือนจำมีให้เปลี่ยน จากนั้นทานข้าวเย็นครับ
พอทานข้าวเย็นเสร็จ คนใหม่จะถูกจำแนกห้องครับ LGBTQ จะถูกไปอยู่ห้องนึงรวมกัน ส่วนผู้ชายทั่วไปก็จะอยู่กับผู้ชายด้วยกัน
15:30 น. ได้เวลาขึ้นห้องนอน เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าการนอนเป็นอย่างไรแต่สำหรับตอนที่ผมเข้าไปมันพัฒนาแล้วนะครับ มีฟูกปูนอน ไม่ได้นอนกับพื้นเหมือนตอนห้องกักตัว พอขึ้นไปถึงบนห้อง ก็นำฟูกมาปูเต็มทั้งห้องและนอนติดกัน...เป็นอย่างที่เขาว่าครับประมาณ 2-3 กระเบื้องต่อคน "ชีวิตของฉันจากที่นอน 6 ฟุต ท๊อปเปอร์ขนห่าน กลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน" ตอนนี้ ไหล่ซ้ายติดกับคนข้างซ้ายไหล่ขวาติดกับคนข้างขวา 😭
การขึ้นเรือนนอน มีกฏระเบียบอยู่ว่า
เมื่อขึ้นเรือนนอน 16:00 น. - 18:00 น. ห้ามพูดคุยกัน ต่างคนต่างอยู่กับตัวเอง และสามารถคุยกันได้
ตอน 18:00 น. - 21:00 น. เมื่อถึงเวลา 21.00 น. ต่างคนต่างนอน และทุกคนจะตื่นนอน 06:00 น. ในตอนเช้าเพื่อนับยอดจำนวนคน และเจ้าหน้าที่จะเปิดประตูห้องให้ลงไปทำกิจวัตรในตอนเช้าคือการแปรงฟันและเข้าแถวเคารพธงชาติ
เมื่อเคารพธงชาติ ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็จะปล่อยอิสระให้กับเราทั้งวัน คุยทำความรู้จักกัน *เธอโดนคดีอะไรมา ทำไมถึงโดน เธอชื่ออะไร อยู่แถวไหน *
ผมก็อยู่กับพี่เอ แกก็พาไปรู้จักคนนั้นคนนี้ และ 1 ใน นั้นคือ ผู้ชายคนนึง ชื่อว่า กอล์ฟ พี่เอรู้จักกอล์ฟเพราะว่า เข้ามาในเรือนจำวันเดียวกันเลยกักตัวด้วยกันระหว่างที่กักตัว 15 วัน พี่เอก็ทำความรู้จักกับทุกคนเพราะตอนกักตัวเราจะไม่มีอะไรทำนอกจากนอนกับกิน (ฟิวแบบสมัยเรา ติดโควิดและไปกักตัวที่โรงแรม)
พี่เอ แนะนำให้รู้จักกอล์ฟ เขาเป็นผู้ชายผิวสีแทน สูง นิสัยเขาดีมากๆ เคยเข้ามาครั้งแรกเหมือนกัน พูดคุยทำความรู้จักกันตามปกติ
ชีวิตในเรือนจำ ก็จะวนอยู่แบบนี้ทุกวัน บางวันก็อาจจะมีกิจกรรม ออกกำลังกาย 10 ท่าพยายมอะไรต่างๆบ้าง แต่หลักๆจะมี ดังต่อไปนี้
ตื่น 06:00 น. แปรงฟัน
08:00 น. เคารพธงชาติ
ทานข้าวเช้า
ทานข้าวเที่ยง
ทานข้าวเย็น
ขึ้นเรือนนอน 15:30 น.
นอกจาก วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดทางราชการ หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ จะให้อิสระที่มากกว่ากับทุกคนคือการได้ดูหนังดูภาพยนตร์จากทีวี ได้เล่นตะกร้อ ฟุตบอล วอลเลย์บอล แล้วแต่ว่าใครจากทำอะไร มันคือวันหยุดของเรา
และนั่นก็เป็นการใช้ชีวิตภายในเรือนจำ
ณ ตอนนี้เวลาผ่านมา 20 วัน นับจากวันที่ 30 พฤจิกายนที่ผมเข้ามา และผมมีกำหนดออกศาล เพื่อพิจารณาคดี (นัดพร้อม สืบพยาน) ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565
แดนแรกรับหรือแดน 4 วันญาติเยี่ยมคือ วันจันทร์
ผมยังจำได้ดีวันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565
การเยี่ยมญาติเจ้าหน้าที่จะประกาศชื่อตั้งแต่ 8:30 น. เป็นต้นไป เป็นรอบๆ ซึ่งตัวผมเองก็คงไม่มีใครไปเยี่ยมเพราะไม่มีใครทราบเลยว่าผมอยู่ที่นี่ ผมยังไม่สามารถติดต่อใครได้เลย
แต่แล้ว!! 14:30 น. รายชื่อญาติเยี่ยมในรอบที่ 57 ปรากฎว่า ผมมีชื่อญาติเยี่ยม ที่ประตูแดนก่อนออกไปเยี่ยมญาติ ทุกคนสามารถเช็ครายชื่อคนที่มาเยี่ยมที่ประตูแดนได้
#ทุกคนจะต้องแก้ผ้าตรวจร่างกายออกจากแดนต้องไม่มีอะไรติดตัวไปและเมื่อกลับมาจากเยี่ยมญาติก่อนจะเข้าแดนก็ต้องไม่มีอะไรติดตัวกลับมาเข้ามาในแดนเช่นกัน
ใช่แล้วครับทุกคน.... คนที่มาเยี่ยม คือ ภูมิ จำเลยที่ 1
แต่ภูมิไม่ได้มาเยี่ยมคนเดียว พ่อภูมิ แม่ภูมิ น้าภูมิมาด้วย เข้าเยี่ยมผมทั้ง 4 คน
ถ้าทุกคนคิดว่า ดีจัง แฟนกลับมาเยี่ยม พาครอบครัวมาด้วย ใช่ครับตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น
แต่พอผมยกหูโทรศัพท์ คนแรกที่คุยกับผมก็คือภูมิ
เรามองเห็นกันนะครับ ผ่านกระจกใส ภูมิพูดอะไรไม่ออกร้องไห้เห็นเราในสภาพที่เขาไม่เคยเห็น ทรงผมหัวเกรียน ใส่เสื้อผ้าประหนึ่งเป็นนักโทษเช่นเดียวกับคนอื่น พ่อของภูมิจึงดึงโทรศัพท์ไปเพื่อคุยกับผม (ในใจผมคิดว่า พ่อภูมิจะต้องขอเบอร์ติดต่อญาติเรา เพื่อช่วยประสานให้เราได้ประกันตัว)
******แต่เปล่าเลยครับ ******* พ่อภูมิบอกว่า อายุภูมิยังน้อย ปริญญาตรีก็ยังไม่จบ ถามผมว่า ต้องการอะไร อีก 3 วันที่การออกศาลจะมาถึงให้ผมรับสารภาพและปัดภูมิพ้นความผิดได้ไหม....ขออนาคตที่ดีให้กับลูกเค้า
ผมน้ำตาใหลเลยครับ
และมีเสียงดังอยู่ภายในใจว่า "คุณอยากให้อนาคตที่เหลือของลูกคุณดีแล้ว อนาคตของผมล่ะผมก็ต้องการอนาคตผมเหมือนกัน "
แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะคิดว่า
หากพูดออกไป จะเป็นการมีปากเสียงกันและทะเลาะกันซึ่งตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องใช้ประโยชน์จากพวกเขาให้ได้ เพื่อติดต่อญาติหรือคนที่ผมสนิทและสามารถพาตัวผมออกไปจากตรงนี้
ผมจึงไม่ตอบโต้อะไร
พ่อภูมิยังพูดต่ออีกว่า ไหนๆคุณก็ติดไปแล้ว ถือว่าเห็นแก่ภูมิมันเถอะนะ .....
ทุกคนมาถึงตอนนี้ ทุกคนคิดว่า ผมจะตอบพ่อภูมิว่าอย่างไร และการกลับมาของภูมิครั้งนี้ ถ้าทุกคนเป็นผมทุกคนจะทำยังไง .... ติดต่อ EP.3 🩷 นะครับ ว่าผมจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
#ใน EP หน้าจะเป็นการสิ้นสุดคดีความ มาดูกันครับ ผมรอดมาได้อย่างไร และผมได้เจอความรักที่เรียกว่ารักจริงๆ รักที่ไม่ต้องใช้เงินเปย์ รักที่เฝ้าตามหามาตลอด เริ่มต้นอย่างไร ฝากติดตามด้วยนร้าทุกคน 🩷❤️