EP.3 ครั้งหนึ่งในเรือนจำ ฉันได้พบรักที่ฉันตามหามาตลอด "การกลับมาของภูมิ และการสู้คดีขณะถูกฝากขังในเรือนจำ"

หากถามผมว่า สิ่งใดสำคัญที่สุดและเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเราสามารถอยู่สบายได้ในเรือนจำ ก็คงเป็น "เงิน"  เพราะหมายถึงทุกสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายในหลายด้านให้เราได้

---EP.3---
วันที่ 19 ธันวาคม 2565  "ระหว่างการเยี่ยม"
หลังจากที่พ่อของภูมิพูดขอให้ผมรับสารภาพและปัดลูกเขาให้พ้นผิด ผมจึงตอบพ่อภูมิไปว่า ผมดูแลและซัพพอร์ตด้านการเงินให้ลูกของคุณมาตลอด ผมมีแต่ความหวังดีให้กับลูกของคุณ หากผมช่วยได้ผมก็จะช่วย แต่วันนี้ผมตกอยู่ในที่นี้ ใช้มือถือก็ไม่ได้ คุณฝากเงินให้ผม 20,000 บาท ได้หรือไม่ ถ้าคุณสามารถทำให้ได้ผมก็จะพิจารณาสิ่งที่คุณขอมา พ่อของภูมิตอบตกลง ผมจึงทิ้งท้ายไปว่า เงิน 20,000 นี้ เป็นส่วนเล็กๆ คิดเสียว่าผมขอคืนนะครับ เพราะเงินที่ซัพพอร์ตลูกคุณไป ค่าเทอม ซื้อของต่างๆ มันมากกว่านี้หลายเท่า สิ่งที่คุณคิดว่า ลูกคุณดูแลตัวเองได้ ไม่รบกวนครอบครัว นั่นคือเงินของผมเกือบจะทั้งหมด เวลาการเยี่ยมใกล้หมดลง พ่อภูมิบอกกับผมว่าโอเค เจอกันที่ 22 ธันวาคม ที่ศาล และเวลาเยี่ยมก็หมดลง

หลังจากการเยี่ยมเสร็จ ผมก็เดินทางกลับเข้ามาในแดน ณ ตอนนั้นก็แอบลุ้นว่า ทางพ่อภูมิจะฝากเงินให้ไหม เราจะไม่มีทางทราบได้เลย จนกว่าเราจะไปแสกนนิ้วที่ร้านค้าภายในแดน จะเห็นยอดคงเหลือ แต่ ณ เวลานั้นผมยังไม่ได้ทำแสกนนิ้ว

การทำแสกนนิ้วคือ  ผู้ต้องขังทุกคนจะไม่สามารถใช้เงินสดได้ ทุกคนจะซื้อของโดยวางนิ้วที่เครื่องแสกนนิ้วและสั่งซื้อของ เงินก็จะตัดออกไปจากในบัญชีของแต่ละคน
แต่กว่าจะได้ทำแสกนนิ้ว ต้องรอจำนวนคน 50-100 คน ที่เข้ามาใหม่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำให้ในแดน หากยังไม่ได้ทำก็จะไม่สามารถซื้อของได้ เราต้องอดและมองคนอื่นกิน มันทรมานที่สุด

ผมโชคดีตรงที่มีพี่เอให้ยืม 100 บาท พอจะซื้อมาม่า และขนมมากินได้บ้าง โดยปกติแล้วคนข้างในจะไม่ให้ยืมกันง่ายๆ เพราะข้างในมีแต่ใช้เงินหาเงินไม่ได้ คนไม่มีมายืม ก็ไม่มีคืนให้อยู่ดี


และในที่สุด วันที่ 22 ธันวาคม 2565 ก็มาถึง วันออกศาล



ณ เวลา กลางคืนก่อนจะเช้าวันที่ 22 ธันวาคม ผมนอนไม่หลับ คิดหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะเบิกตัวออกไปศาลเป็นโอกาสเดียวที่ผมจะสามารถติดต่อทนายหรือขอยืมโทรศัพท์ตำรวจโทรหาญาติได้ รวมไปถึงงานบริษัท จากวันที่ 30 พฤติกายน มาถึงวันนี้ก็ 23 วันแล้วที่ผมหายไปไหนจะคอนโดของผม ที่เช่าเอาไว้ ค่าเช่ากำลังจะมาในวันที่ 25 ธันวาคม ผมก็คิดว่าเอาหละ ผมจะสามารถแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างได้ทันเวลาและไม่สายเกินไป

เวลา 05:30 น. เจ้าหน้าที่จะมาเปิดห้องขังและเบิกตัวผู้ที่มีรายชื่อออกศาลเพื่อไปเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและใส่ตรวนที่ขาเพื่อนำตัวไปส่งที่ศาล




แต่กลับไม่มี "ชื่อผม" ออกศาล ตอนนั้นผมแปลกใจมากเกิดอะไรขึ้นหรือว่า เจ้าหน้าที่เรือนนอนจะแกล้งผมหรือเปล่าแต่ก็ไม่มีชื่อจริงๆ ผมถามหัวหน้าห้อง ถามเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่า ไม่มีก็คือไม่มี อยู่ในนี้ต่อไป
ผมเริ่มใจคอไม่ดี ทำไมศาลเลื่อน...
ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ แปรงฟัน เคารพธงชาติ

จนกระทั่งเวลา 10:30 น. เสียงประกาศจากส่วนกลางประกาศชื่อผมให้ไปพบที่ประตูแดน และมีเจ้าหน้าที่มารับควบคุมตัวไปที่ห้องออกศาลโดยผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวีดีโอเปิดขึ้น ในจอจะแบ่งออกเป็น 3 จอ
ประกอบด้วย
จอที่ 1 ผู้พิพากษา
จอที่ 2 ภูมิ จำเลยที่ 1 ห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัด
จอที่ 3 ก็คือตัวผม จำเลยที่ 2

ก่อนที่ผู้พิพากษาจะขึ้นบัลลัง สามารถคุยกับภูมิได้ ภูมิบอกกับผมว่า เราเป็นห่วงเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะรับได้ไหมที่ต้องไปใส่ตรวนที่ขา เราเลยให้ทนายยื่นเอกสารขออนุญาติให้เธอออกศาลโดยผ่านวีดีโอคอล Conference จากเรือนจำ และศาลก็อนุมัติในนัดนี้

ทุกคนกำลังจะคิดว่าผมรู้สึกดีใช่ไหมครับ ที่ภูมิทำให้แบบนี้ แสดงถึงการเป็นห่วงจิตใจเรา แต่กลับกันเลยครับ ผมนึกในใจ สาระแน ผมอยากจะถูกเบิกตัวออกไปศาล เพราะผมอยากไปดิ้นรนประกันตัว และติดต่อเรื่องคอนโด เรื่องงาน หลายๆอย่าง แต่ทำอย่างไรได้ก็ต้องเลยตามเลย เมื่อผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ อ่านคดีความและถามว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะรับสารภาพหรือปฏิเสธ
ผมและภูมิก็ยังให้การปฏิเสธ ศาลท่านก็ไม่ได้พูดอะไร นัดหน้าเป็นวันที่ 23 มกราคม 2566 ตอนที่ผู้พิพากษาลงจากบัลลังก์ผมยังสามารถสื่อสารกับทนายความที่เป็น ทนายอาสาประจำคดีและภูมิได้ต่อ ผมเริ่มรู้สึกโกรธโมโหและบอกกับทนายว่าทำอย่างไรผมจะสามารถประกันตัวได้เนื่องจากตอนนี้ผมอยู่ข้างในจะติดต่อใครก็ไม่สามารถทำได้
ทนายจึงขอเบอร์ครอบครัวเพื่อจะติดต่อคนในครอบครัวของผม...แต่ผมก็จำเบอร์ครอบครัวไม่ได้เพราะเบอร์โทรจะบันทึกไว้ในโทรศัพท์แล้วส่วนมากก็จะโทรผ่าน LINE หรือ Facebook ตอนนี้เหมือนสิ้นหวังมาก ทนายจึงพูดขึ้นมาว่าตอนนี้จำเลยที่ 1 ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์คือบ้านของแม่จำเลย เดี๋ยวทนายจะยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เดียวกันเพราะว่าเป็นคดีเดียวกันศาลน่าจะอนุมัติ บอกให้ผมใจเย็นๆ หากประกันตัวเรียบร้อยในตอนเย็นจะประกาศชื่อปล่อยตัว การออกสารผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็เสร็จสิ้นลงเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผมกลับไปยังแดน

ความรู้สึกผมเหมือนล้มทั้งยืนทุกสิ่งทุกอย่างของผม..ชีวิตของผมกำลังจะสายเกินแก้
ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้ทุกคนลองจินตนาการนะครับ

- ตอนนี้คอนโดที่ผมเช่าอยู่จากวันนี้ 22 ธันวา ไป จนถึง การออกศาลครั้งต่อไป 23 มกรา = 1 เดือน
คอนโดจะค้างค่าเช่า ละถ้า 23 มกรา ผมไม่ได้ออกไปอีก ของในคอนโดของผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมสะสมและซื้อมา ของมีค่าต่างๆเจ้าของจะเอาของผมทิ้งไหมหรือจะย้ายของผมไปไว้ที่ไหน เพราะผมหายไป เจ้าของก็ต้องเคลียห้องเพื่อที่จะปล่อยห้องให้คนอื่นเช่าต่อไป
*เอาล่ะความเครียดฟุ้งปีดไปจนถึงสมองชั้นใน
-  รถอีกก็ไม่ได้ผ่อน หากคดียือเยื้อ เงินที่ดาวไปทุกสิ่งทุกอย่างคงจบไฟแนนซ์คงตามยึด
- ไหนจะบัตรเครดิด ที่รักษาประวัติดีมาตลอด
- งานคงไม่ต้องคิดถึง หายไป 22 วันแรกเค้าก็คงไล่ออกอยู่แล้ว

ภาวนาให้ทนายยื่นหลักทรัพย์เดียวกันกับจำเลยที่ 1
แล้วศาลอนุมัติให้ประกันตัวผมได้ออกจากเรือนจำเย็นนี้

พอ 18:00 น. ส่วนกลางประกาศรายชื่อผู้ต้องขังถูกปล่อยตัว และแน่นอนครับ "ไม่มีชื่อผม"

ผมนั่งร้องไห้กับตัวเอง จิตใจผมแย่มาก พี่เอก็มาปลอบมาให้กำลังใจ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก อยู่ดีๆ ก็คิดถึงคำทำนายของหมอดู ขนลุกที่สุดหากทุกคนอ่านใน EP.1 หมอดูทำนายไว้ว่า มีภาพแทรกเข้ามาเห็นอยู่ในคุกตอนวันเกิด
คำทำนายแม่นมากครับเพราะวันที่ 10 มกราคมคือวันเกิดของผม ผมต้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ในคุก 😭 โอ้โห ชีวิต 28 บริบูรณ์ ที่แสนจะน่าจดจำ

เอาล่ะ!! ชะตาฟ้ากำหนดให้เป็นอย่างนี้ไปแล้วสิ่งที่ทำได้จากนี้ก็คือทำให้ตัวเองมีความสุขและอยู่กับปัจจุบันให้ได้

ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ และก็เริ่มได้มีโอกาสคุยกับผู้ชายที่ชื่อกอล์ฟที่พี่เอแนะนำให้รู้จัก ใน EP.2 ที่ผ่านมา ในกลุ่มของกอล์ฟมีกัน 4 คน อีกคนชื่อกอล์ฟเหมือนกัน แต่อายุมากกว่า เลยเรียกว่า กอล์ฟใหญ่ และ กอล์ฟที่พี่เอแนะนำให้รู้จักอายุน้อยกว่าก็เรียกว่า กอล์ฟเล็ก ตลอดเวลาที่ เจ้าหน้าที่ยังไม่มาทำสแกนนิ้วให้กับผม กอล์ฟเล็กก็จะซื้อมาม่าซื้อเบเกอรี่ซื้อขนมมาแบ่งผมกินอยู่สม่ำเสมอ ตอนนั้นในใจก็รู้สึกดีเล็กๆ ☺️

ต้องขออนุญาตอธิบายก่อนว่าภายในเรือนจำจะต่างกับภายนอกโดยสิ้นเชิง โดยส่วนใหญ่ภายนอกกระเทยหรือ LGBT จะหาเลี้ยงผู้ชายเพื่อให้ตัวเองมีความสุขและได้อยู่กับผู้ชาย  
แต่ภายในเรือนจำ กระเทยหรือเกย์ ถือว่าเป็นแรไอเท็ม ผู้ชาย 1700 คนแต่กระเทยมีเพียง 35 คนเท่านั้นในแดน 4
ทำให้การจีบและวิธีการในเรือนจำจะแตกต่างกับข้างนอก หากผู้ชายชอบเรา...ผู้ชายจะส่งขนมส่งของใช้ส่งอะไรก็แล้วแต่ที่อำนวยความสะดวกให้กับเราเพื่อทำให้เรารู้ว่าเขาสนใจเราอยู่ ... เริ่ดใช่มั้ยล่ะทุกคน 555+ ... แน่นอนครับผมได้รับขนมทุกวัน แต่ผมก็ไม่ได้เลือกใคร เพราะคิดว่าตัวเองก็มีเงินระดับนึง ภูมิฝากไว้ให้ 15,000 ไหนจะเงินที่ติดตัวตอนเข้ามาอีก แต่ผมก็ไม่ได้หยิ่งแล้วก็ไม่ได้ห่วงตัวอะไรมาขอจับมือขอหอมแก้มผมก็ให้เค้าหอมนะ (บางคนนะไม่ใช่ทุกคน)

หลังจากนั้นไม่กี่วันเจ้าหน้าที่ก็มาทำสแกนนิ้วให้กับผมผมก็สามารถซื้อของเหมือนกับคนอื่นๆ ผมก็ซื้อของใช้ทั่วไปผ้าเช็ดตัว ยาสระผมสบู่ "ลืมบอกไปครับ" ว่าข้างในเค้าจะบังคับไม่ให้ผู้ต้องขังใช้เงินเกินวันละ 600 บาท จะซื้ออะไรก็แล้วแต่ได้วันละ 600 บาทเท่านั้น
หากไม่พอก็ต้องรอซื้อในวันต่อไป

ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติกินข้าวกับพี่เอแล้วก็วนเวียนไปคุยสนุกสนานกับกอล์ฟเล็ก กอล์ฟใหญ่ วันเสาร์อาทิตย์ก็ดูหนังด้วยกันบ้าง ตามประสาไปเรื่ิอย

และวันสิ้นปีก็มาถึง คืนวันที่ 31/12 เสียงพุตอนเที่ยงคืนดังขึ้นได้แต่ได้ยินเสียงแต่ไม่มีโอกาสได้เห็น น้ำตาใหลเลยครับ จากชีวิตดีๆดูวันนี้

พ้นปีใหม่ไป จากวันธรรมดาๆที่ลงตัวแล้วก็ต้องมาเปลี่ยนไป เพราะว่าพี่เอเข้ามาก่อนพร้อมกับกอล์ฟเล็ก มีรอบย้ายออกจากแดนแรกรับ อยู่ครบ 30 วันแล้ว คนที่ผมรู้จักย้ายออกไปแทบหมด เหงามากเลย ซึ้งผมจะครบรอบและได้ ย้ายออกไปเจอกันในสัปดาห์ต่อไป
ตอนนี้ผมเหลือคนที่รู้จัก คือ กอล์ฟใหญ่คนเดียว ที่ผมสนิทด้วย ในทุกเช้าเมื่อผมลงมาจากห้อง กอล์ฟใหญ่ก็จะรอแปรงฟันด้วย และก็กินข้าวเช้าพร้อมกัน อยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์ จนกระทั่งวันที่ 10 มกราคม วันเกิดของผม คนที่ผมรู้จักออกจากแรกรับไปหมดเลย กอล์ฟใหญ่สั่งขนมมาให้ 1 กล่อง ราคา 60 บาท เดินเอามาให้แล้วบอกว่า Happy Birth Day นะครับ ผมดีใจที่เขาจำได้ แต่ผมคิดถึงกอล์ฟเล็กมากๆ คิดถึงพี่เอ
*** และก็เหมือนอะไรๆเป็นใจครับ ช่วงบ่าย มีรอบย้ายออก ผมได้ย้ายออกจากแรกรับ พอออกมา กอล์ฟเล็กก็ซื้อขนมมาให้เยอะมากๆ มาหอมแก้ม อวยพรวันเกิด
พี่เอและเพื่อนๆ LGBTQ มากอดกันมาอวยพรผมกันหมด ทำให้ผมก็มีความสุขมากๆนะครับ 💕

พอออกมาจากแรกรับ โอ้โห บอกได้คำเดียวว่า "ฉ่ำ" ผู้ชายคือแบบ หล่อ ขาว ตี๋ หุ่นซิกแพ็ค สเป๊กทั้งนั้น  หรือจะเข้ม ไทยบ้าน มีทุกสไตท์ อีพี่เอ คือลั้นลามาก รู้จักทั่วแดน 555+ ชีวิตเริ่มมีสีสัน เจอผู้ชายมากหน้าหลากตา และที่ต่างจากโลกภายนอก คือผู้ชายเค้าอยากให้เราเข้าไปเล่นด้วยอยากเข้ามาเล่นกับเรา มันเป็นอะไรที่แบบ เริ่ด !!  

การใช้ชีวิตหลังจากออกมาจากแดนแรกรับ มันมีอิสระมากกว่ามีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าและก็มีคนมากกว่า มีห้องสมุด มีโรงอาหารขนาดใหญ่ และมีร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่มากๆถ้าเทียบกับข้างนอกก็คงประมาณเซเว่นขนาดกลางเลยหละครับ

ตอนนั้นใช้ชีวิตสนุกมีเพื่อนมากมาย แต่ข้างในผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆก็ยังมีหลอกกินกับ LGBTQ นะครับ ซึ่งผมคือ I DONT CARE  เพราะเขาขอ 5 บาท 10 บาท แต่จะกอด จะหอม จะล้วงยังไง ตามสบาย 555+

ตลอดการใช้ชีวิตสนุกสนานจะมี กอล์ฟเล็ก กอล์ฟใหญ่ คอยเป็นห่วงเสมอ ไม่ว่ามีปัญหาอะไร ก็จะคอยช่วยแก้ไขให้เช่น ใครมายืมให้ซื้อของให้แล้วไม่คืนกอล์ฟก็จะไปตามเอาคืนมาจนได้ คอยปกป้องอยู่ตลอด

ทีนี้พี่เอและเพื่อนๆ LGBTQ เขามีคู่กันหมด เอาไงดีล่ะอยากมีบ้าง
ทุกคนคงเดาได้....ใช่แล้วคนที่มีบทบาทและแบ่งปันตั้งแต่แรกก็ คือกอล์ฟเล็ก ผมรู้สึกดีนะ กอล์ฟเล็ก สูง หล่อ แต่ผิวสีแทน ซึ่งเสป๊กผมคือ ผิวขาวตี๋ แต่ก็รู้สึกดีกับเขา เอาว่ะ ลองดู.....  เช้าวันนึง ผมก็เขียนจดหมาย ให้พี่เอ เอาจดหมายไปส่งให้กอล์ฟเล็ก
ใจความในจดหมายบอกว่า เขามีแฟนกันหมดแล้ว เราก็อยากมีบ้าง ถ้าเราบอกว่าชอบเทอ.....เทอล่ะ ชอบเราไหม? .... เขิลสุดๆ ☺️  พอกอล์ฟเล็กได้จดหมาย ก็เดินมาหาเลย และก็บอกว่า ก็ชอบเธออยู่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว.... วันนั้นก็นั่งกอดกันดูหนัง ซื้อขนมมากินด้วยกัน อยู่ด้วยทั้งวัน จนถึงเวลาแยกย้ายกันขึ้นห้องนอนเลย ตลอดเวลาที่เริ่มคบกับกอล์ฟเล็ก ก็ดูเหมือนเฉยๆ ไม่ได้จิงจังอะไร มีสวีทบ้าง หอมแก้ม กอดกันบ้าง

ผ่านไป 2 วันจากนั้น
เมื่อคนใกล้ตัวเปลี่ยนไป เราก็อดห่วงไม่ได้ กอล์ฟใหญ่จากที่เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ก็ดูซึมๆ ผมเลยถามกอล์ฟเล็ก "กอล์ฟใหญ่เป็นอะไรหรอ" กอล์ฟเล็กก็ไม่รู้

พอเวลา 13:30 น. เป็นเวลาอาบน้ำ ขณะที่ผมเอาของในล็อคเกอร์อยู่ กอล์ฟใหญ่ก็เดินเข้ามา ละก็จูบผม บอกกับว่า .... 😊 ต่อ EP.4 นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่