กอ.รมน.ว่าไง? “ธุรกิจดอกไม้ไฟ” ต้องขออนุญาตแม่ทัพ!
https://www.isranews.org/article/south-news/academic-arena/120691-outlawfireworks.html
เปิดคำสั่ง กอ.รมน.ภาค 4 ห้ามประชาชนครอบครองดอกไม้เพลิงเกิน 10 อัน แถมงดออกใบอนุญาต – ต่อใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการธุรกิจวัตถุอันตราย ยกเว้นได้รับอนุญาตจาก ผอ.รมน.ภาค 4 เท่านั้น ซึ่งก็คือแม่ทัพภาค 4 นั่นเอง ใครฝ่าฝืนเข้าข่ายร่วมป่วนใต้!
จากเหตุการณ์โกดังเก็บพลุ - ดอกไม้ไฟระเบิด ใจกลางชุมชนตลาดมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บ้านเรือนร้านรวงของประชาชนได้รับความเสียหายราบเป็นหน้ากลอง ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ใครต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง นอกเหนือจากเจ้าของโกดังที่ยังหลบหนีอยู่
“
ทีมข่าวอิศรา” ได้ตรวจสอบมาตรการควบคุมดอกไม้เพลิงและการประกอบธุรกิจดอกไม้เพลิงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า มีคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ 49/2552 เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลอบวางระเบิด หลังจากที่มีการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา
คำสั่งนี้มีการระบุข้อกำหนดเกี่ยวกับ “ดอกไม้เพลิง” เอาไว้ดังนี้
1. ให้ประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่ดังกล่าว (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) สามารถมีดอกไม้เพลิง ซึ่งรวมถึงพุลไว้ในครอบครองได้คนละไม่เกินจำนวนดังนี้
- ดอกไม้เพลิงทุกชนิดหรือทุกประเภท รวมกันต้องครอบครองได้คนละไม่เกิน 10 อัน/ชุด
- ประทัดยักษ์ ห้ามประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่มีไว้ในครอบครอง ยกเว้นจะได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
หากประชาชนผู้ใดประสงค์จะมีไว้ในครอบครองเกินจำนวน ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนายการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
2. สำหรับการประกอบธุรกิจจำหน่ายดอกไม้เพลิง รวมถึงพลุและประทัดยักษ์ ในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น ให้นายทะเบียนท้องที่ (นายอำเภอ) งดการออกก็ใบอนุญาตใหม่ให้กับผู้ขอใบอนุญาต และให้ระงับการต่อใบอนุญาตในการทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจาก ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
3. หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า บุคคลใดครอบครองดอกไม้เพลิง ไม่เป็นไปตามข้อ 1 โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่ากระทำการโดยสุจริตแล้ว ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านี้ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จะดำเนินการตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดตามความเหมาะสมต่อไป
โดยสรุปคำสั่งของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กำหนดไว้ชัดเจนว่า ประชาชนทั่วไปไม่สามารถมีดอกไม้เพลิงไว้ในครอบครองเกินคนละ 10 อัน/ชุดได้ ทั้งให้งดการออกใบอนุญาตใหม่และต่อใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายดอกไม้เพลิง
หากผู้ใดจะครอบครองในจำนวนมากกว่าที่กำหนด และจะขอใบอนุญาตใหม่หรือต่อใบอนุญาตได้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพียงผู้เดียวเท่านั้น
วิโรจน์ แฉ ‘ส่วย’ เบื้องหลังโกดังพลุระเบิด ข้องใจมองเป็นสปอนเซอร์? จี้แก้โทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4112359
วิโรจน์ แฉเบื้องหลังโกดังพลุระเบิดคือ ‘ส่วย’ งงธุรกิจสีเทาชุกชุม ‘มูโนะ’ สงสัยกฎอัยการศึกไม่ครอบคลุม ข้องใจฝ่ายความมั่นคงมองเป็นสปอนเซอร์? จับตาโยกย้าย ‘จ่า ฟ.’ หวัง ผบ.ตร.เกษียณจะไม่หวนกลับมา จี้ปรับโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน แรงขึ้น
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นาย
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องการศึกษาเยียวยา ให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวม 8 ญัตติ
นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า จากการประเมินหลุมระเบิดพบว่ามาจาก “ดินดำ” ที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บในโกดังไม่ใช่น้อยๆ น่าจะมากถึง 2-3 คันรถสิบล้อ น้ำหนักรวมกันอาจมากถึง 5 ตัน รัศมีทำลายล้างเกือบ 2 กิโลเมตร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองจะไม่รู้เลยว่ามีโกดังเก็บพลุในปริมาณมหาศาลอยู่ใจกลางชุมชน อ้างว่าไม่รู้แบบท่านรองนายกฯที่รักษาการอยู่คงไม่ได้
นาย
วิโรจน์กล่าวว่า คงต้องพาย้อนกลับไปดูข่าววันที่ 27 มิถุนายน 2559 ตอนนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้กฎอัยการศึกตรวจโกดัง 5 แห่ง ยึดดอกไม้เพลิง พลุ ได้ 60 ตัน โดย 30 ตันยึดได้จากโกดัง 2 ห้องที่มูโนะ เจ้าของโกดังก็เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังที่ระเบิดวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าไม่รู้ก็คงฟังไม่ขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เพื่อนสมาชิกก็พูดถึงโรงงานผลิตพลุที่ดอยสะเก็ดเพิ่งระเบิด กระทรวงมหาดไทย (มท.) เร่งทำหนังสือถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ลงวันที่ 26 ก.ค. กำชับให้ตรวจสอบโรงงาน โกดังผลิตพลุ ดอกไม้เพลิงต่างๆ แต่เกิดเหตุที่มูโนะวันที่ 29 ก.ค.อีก คงมีข้อสงสัยใช่หรือไม่ว่าทำไมมีหนังสือจาก มท.กำชับแล้วถึงตรวจสอบโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ
นาย
วิโรจน์กล่าวอีกว่า ยังไม่พอ วันที่ 30 ก.ค. อธิบดีกรมการปกครองก็มีหนังสือถึงนายอำเภอ 878 ทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบโกดังเก็บพลุอีก ยืนยันกับท่านประธานว่าต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับก็หาโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ เพราะโกดังแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเก็บดอกไม้เพลิง ต้องถามต่อว่าทำไมโกดังผีแห่งนี้ไม่ยอมขออนุญาต ก็เพราะถ้าขอก็ออกใบอนุญาตไม่ได้ เพราะตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ.2547 อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตร แต่โกดังแห่งนี้สวนทางทุกอย่างของประกาศ ไม่มีมาตรการความปลอดภัยใดๆ เหตุระเบิดเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังแล้วเกิดประกายไฟ แถมเจ้าของก็เคยถูกจับมาแล้วปี 2559
นาย
วิโรจน์อภิปรายต่อว่า ถามต่อว่าถ้าไม่ขอใบอนุญาต แล้วเจ้าของไม่กลัวเกรงกฎหมายหรือ เขาจะกลัวทำไม? เพราะมาตรา 77 ของ พ.ร.บ.อาวุธปืน บอกว่าถ้าไม่ขออนุญาต มีโทษจำคุกแค่ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พัน โดยปี 2559 เจ้าของโกดังเงินบาทเดียวก็ไม่ได้ปรับ คุกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ จับกุมเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายมีอภินิหารอะไรก็ไม่ทราบ เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำไม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำงานหละหลวมขนาดนี้ ตำรวจเกิดอะไรเกิดขึ้นถึงกับอัยการสั่งไม่ฟ้อง
“
ผมว่าผู้การนราธิวาสและแม่ทัพภาค 4 รู้อยู่แก่ใจว่าพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก เป็นพื้นที่ที่ชุกชุมด้วยธุรกิจสีเทา สินค้าหนีภาษีบ้าง ยาเสพติดบ้าง ค้าแรงงานเถื่อนบ้าง ตกลงแล้วพื้นที่นี้ยังคงมีกฎอัยการศึกหรือไม่ กฎอัยการศึกเอามาใช้เพ่งเล็งแต่ประชาชนอย่างเดียวใช่หรือไม่ ตกลงธุรกิจสีเทาเหล่านี้แม่ทัพภาค 4 หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ไม่ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงของราชอาณาจักรหรืออย่างไร หรือมองว่าเป็นสปอนเซอร์ฝ่ายความมั่นคงกันแน่ มีข้อครหาตลอดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ มีการเก็บส่วยส่งต่อให้นายเป็นทอดๆ” นาย
วิโรจน์กล่าว
นาย
วิโรจน์กล่าวว่า เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการดำเนินคดีกับนายตำรวจระดับสูง กับอดีตนายอำเภอที่เคยปฏิบัติหน้าที่ใน จ.นราธิวาส เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนแลกกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาวุธปืนสงครามเพื่อให้ไม่ถูกดำเนินคดี ทำไมตำรวจระดับสูงถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแทนที่จะไปเป็นหลักยึดให้คนนราธิวาสถึงถูกดำเนินคดีแบบนี้
“
กรณีโกดังพลุระเบิดฝากท่านประธานไปถึงนายกฯว่าถ้าจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดัง คิดว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ ต้องสอบสวนประเด็นส่วยและเรียกรับผลประโยชน์ด้วย เพราะคนในพื้นที่รู้ว่า จ่า ฟ. มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ เป็นคนคอยเก็บส่วยส่งนาย ตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปแล้ว คนก็กังวลว่าย้ายเป็นพิธี เดี๋ยวก็ย้ายกลับมา เหมือนกับการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพิธา สุดท้ายได้เป็นพิธี ผมก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วจ่า ฟ. กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ใครจะใหญ่กว่ากัน ไม่ใช่ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เกษียณ จ่า ฟ.ก็กลับมา
“ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ตำรวจแบบนี้ไปรีดไถคนนราธิวาสได้ยังไง ถ้าปล่อยให้การกดขี่รีดไถยังเป็นอยู่ คนนราธิวาสและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรู้สึกอย่างไร การรีดไถแบบนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือชนวนแห่งความขัดแย้งที่แท้จริง เพราะที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน ปรับอัตราโทษในการไม่ขออนุญาตให้รุนแรงขึ้น มีระบบการลงทะเบียนปริมาณ ยอดคงเหลือของดอกไม้เพลิงที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโกดังเถื่อน โรงงานพลุเถื่อน
“สำคัญที่สุดต้องเร่งปราบปรามส่วยและการรีดไถส่วยของเจ้าหน้าที่รัฐใน ต.มูโนะ อย่างจริงจัง ไม่ให้คนเหล่านี้อาศัยอำนาจรัฐ อาศัยชุดสีเขียวลายพราง สีกากี ในการกดขี่ประชาชนอีกต่อไป พลุไม่ได้อยู่แค่ในโกดัง พลุวันนี้สุมอยู่ในใจคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หมดแล้ว และพลุที่ฝังอยู่ในใจคน ถ้ามันโดนกด โดนขี่ ไม่แคล้วว่าสักวันจะระเบิดออกมา” นาย
วิโรจน์กล่าว
หมอเหวง กร้าว ‘อย่ามี ส.ว.เลย’ มีแล้วทำลายฉันทามติ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4110658
หมอเหวง กร้าว ‘อย่ามี ส.ว.เลย’ มีแล้วทำลายฉันทามติ ปชช.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.เพื่อไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นพ.เหวง โตจิราการ” ระบุว่า
ถ้าไม่มี ส.ว. 60 ฉันทามติของประชาชนก็จะศักดิ์สิทธิ์ ได้รับความเคารพและปฏิบัติ แต่พอมี ส.ว.60 ฉันทามติประชาชนก็ถูกทำลาย
“อย่ามี ส.ว.เลยครับ”
https://www.facebook.com/drwengtojirakarn/posts/829080305244669
JJNY : กอ.รมน.ว่าไง?│วิโรจน์แฉ ‘ส่วย’ เบื้องหลังโกดังพลุระเบิด │หมอเหวงกร้าว ‘อย่ามี ส.ว.เลย’│‘เอสเอ็มอี’โอดตั้งรบ.ใหม่
https://www.isranews.org/article/south-news/academic-arena/120691-outlawfireworks.html
เปิดคำสั่ง กอ.รมน.ภาค 4 ห้ามประชาชนครอบครองดอกไม้เพลิงเกิน 10 อัน แถมงดออกใบอนุญาต – ต่อใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการธุรกิจวัตถุอันตราย ยกเว้นได้รับอนุญาตจาก ผอ.รมน.ภาค 4 เท่านั้น ซึ่งก็คือแม่ทัพภาค 4 นั่นเอง ใครฝ่าฝืนเข้าข่ายร่วมป่วนใต้!
จากเหตุการณ์โกดังเก็บพลุ - ดอกไม้ไฟระเบิด ใจกลางชุมชนตลาดมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บ้านเรือนร้านรวงของประชาชนได้รับความเสียหายราบเป็นหน้ากลอง ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ใครต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง นอกเหนือจากเจ้าของโกดังที่ยังหลบหนีอยู่
“ทีมข่าวอิศรา” ได้ตรวจสอบมาตรการควบคุมดอกไม้เพลิงและการประกอบธุรกิจดอกไม้เพลิงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า มีคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ 49/2552 เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลอบวางระเบิด หลังจากที่มีการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา
คำสั่งนี้มีการระบุข้อกำหนดเกี่ยวกับ “ดอกไม้เพลิง” เอาไว้ดังนี้
1. ให้ประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่ดังกล่าว (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) สามารถมีดอกไม้เพลิง ซึ่งรวมถึงพุลไว้ในครอบครองได้คนละไม่เกินจำนวนดังนี้
- ดอกไม้เพลิงทุกชนิดหรือทุกประเภท รวมกันต้องครอบครองได้คนละไม่เกิน 10 อัน/ชุด
- ประทัดยักษ์ ห้ามประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่มีไว้ในครอบครอง ยกเว้นจะได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
หากประชาชนผู้ใดประสงค์จะมีไว้ในครอบครองเกินจำนวน ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนายการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
2. สำหรับการประกอบธุรกิจจำหน่ายดอกไม้เพลิง รวมถึงพลุและประทัดยักษ์ ในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น ให้นายทะเบียนท้องที่ (นายอำเภอ) งดการออกก็ใบอนุญาตใหม่ให้กับผู้ขอใบอนุญาต และให้ระงับการต่อใบอนุญาตในการทำ สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจาก ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
3. หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า บุคคลใดครอบครองดอกไม้เพลิง ไม่เป็นไปตามข้อ 1 โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่ากระทำการโดยสุจริตแล้ว ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านี้ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จะดำเนินการตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดตามความเหมาะสมต่อไป
โดยสรุปคำสั่งของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กำหนดไว้ชัดเจนว่า ประชาชนทั่วไปไม่สามารถมีดอกไม้เพลิงไว้ในครอบครองเกินคนละ 10 อัน/ชุดได้ ทั้งให้งดการออกใบอนุญาตใหม่และต่อใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายดอกไม้เพลิง
หากผู้ใดจะครอบครองในจำนวนมากกว่าที่กำหนด และจะขอใบอนุญาตใหม่หรือต่อใบอนุญาตได้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพียงผู้เดียวเท่านั้น
วิโรจน์ แฉ ‘ส่วย’ เบื้องหลังโกดังพลุระเบิด ข้องใจมองเป็นสปอนเซอร์? จี้แก้โทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4112359
วิโรจน์ แฉเบื้องหลังโกดังพลุระเบิดคือ ‘ส่วย’ งงธุรกิจสีเทาชุกชุม ‘มูโนะ’ สงสัยกฎอัยการศึกไม่ครอบคลุม ข้องใจฝ่ายความมั่นคงมองเป็นสปอนเซอร์? จับตาโยกย้าย ‘จ่า ฟ.’ หวัง ผบ.ตร.เกษียณจะไม่หวนกลับมา จี้ปรับโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน แรงขึ้น
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องการศึกษาเยียวยา ให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวม 8 ญัตติ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า จากการประเมินหลุมระเบิดพบว่ามาจาก “ดินดำ” ที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บในโกดังไม่ใช่น้อยๆ น่าจะมากถึง 2-3 คันรถสิบล้อ น้ำหนักรวมกันอาจมากถึง 5 ตัน รัศมีทำลายล้างเกือบ 2 กิโลเมตร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองจะไม่รู้เลยว่ามีโกดังเก็บพลุในปริมาณมหาศาลอยู่ใจกลางชุมชน อ้างว่าไม่รู้แบบท่านรองนายกฯที่รักษาการอยู่คงไม่ได้
นายวิโรจน์กล่าวว่า คงต้องพาย้อนกลับไปดูข่าววันที่ 27 มิถุนายน 2559 ตอนนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้กฎอัยการศึกตรวจโกดัง 5 แห่ง ยึดดอกไม้เพลิง พลุ ได้ 60 ตัน โดย 30 ตันยึดได้จากโกดัง 2 ห้องที่มูโนะ เจ้าของโกดังก็เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังที่ระเบิดวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าไม่รู้ก็คงฟังไม่ขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เพื่อนสมาชิกก็พูดถึงโรงงานผลิตพลุที่ดอยสะเก็ดเพิ่งระเบิด กระทรวงมหาดไทย (มท.) เร่งทำหนังสือถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ลงวันที่ 26 ก.ค. กำชับให้ตรวจสอบโรงงาน โกดังผลิตพลุ ดอกไม้เพลิงต่างๆ แต่เกิดเหตุที่มูโนะวันที่ 29 ก.ค.อีก คงมีข้อสงสัยใช่หรือไม่ว่าทำไมมีหนังสือจาก มท.กำชับแล้วถึงตรวจสอบโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ยังไม่พอ วันที่ 30 ก.ค. อธิบดีกรมการปกครองก็มีหนังสือถึงนายอำเภอ 878 ทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบโกดังเก็บพลุอีก ยืนยันกับท่านประธานว่าต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับก็หาโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ เพราะโกดังแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเก็บดอกไม้เพลิง ต้องถามต่อว่าทำไมโกดังผีแห่งนี้ไม่ยอมขออนุญาต ก็เพราะถ้าขอก็ออกใบอนุญาตไม่ได้ เพราะตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ.2547 อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตร แต่โกดังแห่งนี้สวนทางทุกอย่างของประกาศ ไม่มีมาตรการความปลอดภัยใดๆ เหตุระเบิดเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังแล้วเกิดประกายไฟ แถมเจ้าของก็เคยถูกจับมาแล้วปี 2559
นายวิโรจน์อภิปรายต่อว่า ถามต่อว่าถ้าไม่ขอใบอนุญาต แล้วเจ้าของไม่กลัวเกรงกฎหมายหรือ เขาจะกลัวทำไม? เพราะมาตรา 77 ของ พ.ร.บ.อาวุธปืน บอกว่าถ้าไม่ขออนุญาต มีโทษจำคุกแค่ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พัน โดยปี 2559 เจ้าของโกดังเงินบาทเดียวก็ไม่ได้ปรับ คุกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ จับกุมเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายมีอภินิหารอะไรก็ไม่ทราบ เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำไม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำงานหละหลวมขนาดนี้ ตำรวจเกิดอะไรเกิดขึ้นถึงกับอัยการสั่งไม่ฟ้อง
“ผมว่าผู้การนราธิวาสและแม่ทัพภาค 4 รู้อยู่แก่ใจว่าพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก เป็นพื้นที่ที่ชุกชุมด้วยธุรกิจสีเทา สินค้าหนีภาษีบ้าง ยาเสพติดบ้าง ค้าแรงงานเถื่อนบ้าง ตกลงแล้วพื้นที่นี้ยังคงมีกฎอัยการศึกหรือไม่ กฎอัยการศึกเอามาใช้เพ่งเล็งแต่ประชาชนอย่างเดียวใช่หรือไม่ ตกลงธุรกิจสีเทาเหล่านี้แม่ทัพภาค 4 หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ไม่ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงของราชอาณาจักรหรืออย่างไร หรือมองว่าเป็นสปอนเซอร์ฝ่ายความมั่นคงกันแน่ มีข้อครหาตลอดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ มีการเก็บส่วยส่งต่อให้นายเป็นทอดๆ” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์กล่าวว่า เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการดำเนินคดีกับนายตำรวจระดับสูง กับอดีตนายอำเภอที่เคยปฏิบัติหน้าที่ใน จ.นราธิวาส เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนแลกกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาวุธปืนสงครามเพื่อให้ไม่ถูกดำเนินคดี ทำไมตำรวจระดับสูงถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแทนที่จะไปเป็นหลักยึดให้คนนราธิวาสถึงถูกดำเนินคดีแบบนี้
“กรณีโกดังพลุระเบิดฝากท่านประธานไปถึงนายกฯว่าถ้าจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดัง คิดว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ ต้องสอบสวนประเด็นส่วยและเรียกรับผลประโยชน์ด้วย เพราะคนในพื้นที่รู้ว่า จ่า ฟ. มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ เป็นคนคอยเก็บส่วยส่งนาย ตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปแล้ว คนก็กังวลว่าย้ายเป็นพิธี เดี๋ยวก็ย้ายกลับมา เหมือนกับการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพิธา สุดท้ายได้เป็นพิธี ผมก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วจ่า ฟ. กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ใครจะใหญ่กว่ากัน ไม่ใช่ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เกษียณ จ่า ฟ.ก็กลับมา
“ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ตำรวจแบบนี้ไปรีดไถคนนราธิวาสได้ยังไง ถ้าปล่อยให้การกดขี่รีดไถยังเป็นอยู่ คนนราธิวาสและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรู้สึกอย่างไร การรีดไถแบบนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือชนวนแห่งความขัดแย้งที่แท้จริง เพราะที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน ปรับอัตราโทษในการไม่ขออนุญาตให้รุนแรงขึ้น มีระบบการลงทะเบียนปริมาณ ยอดคงเหลือของดอกไม้เพลิงที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโกดังเถื่อน โรงงานพลุเถื่อน
“สำคัญที่สุดต้องเร่งปราบปรามส่วยและการรีดไถส่วยของเจ้าหน้าที่รัฐใน ต.มูโนะ อย่างจริงจัง ไม่ให้คนเหล่านี้อาศัยอำนาจรัฐ อาศัยชุดสีเขียวลายพราง สีกากี ในการกดขี่ประชาชนอีกต่อไป พลุไม่ได้อยู่แค่ในโกดัง พลุวันนี้สุมอยู่ในใจคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หมดแล้ว และพลุที่ฝังอยู่ในใจคน ถ้ามันโดนกด โดนขี่ ไม่แคล้วว่าสักวันจะระเบิดออกมา” นายวิโรจน์กล่าว
หมอเหวง กร้าว ‘อย่ามี ส.ว.เลย’ มีแล้วทำลายฉันทามติ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4110658
หมอเหวง กร้าว ‘อย่ามี ส.ว.เลย’ มีแล้วทำลายฉันทามติ ปชช.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.เพื่อไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นพ.เหวง โตจิราการ” ระบุว่า
ถ้าไม่มี ส.ว. 60 ฉันทามติของประชาชนก็จะศักดิ์สิทธิ์ ได้รับความเคารพและปฏิบัติ แต่พอมี ส.ว.60 ฉันทามติประชาชนก็ถูกทำลาย
“อย่ามี ส.ว.เลยครับ”
https://www.facebook.com/drwengtojirakarn/posts/829080305244669