ออกหมายแดงแค่แก้เกี้ยว วิโรจน์ ชี้คดีตากใบ มีผลสะท้อนหนัก แผนดับไฟใต้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4861703
ออกหมายแดงแค่แก้เกี้ยว วิโรจน์ ชี้คดีตากใบ มีผลสะท้อนหนัก แผนดับไฟใต้
วันที่ 23 ตุลาคม นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีตากใบใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม แต่จำเลยทั้ง 14 คน ไม่มีทีท่าที่จะมารายงานตัว ว่า หากดูกรณีการหลบหนีของจำเลย สะท้อนแล้วว่าผลลัพธ์กระทบต่อความมั่นคง และกระทบต่อความสงบในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เขาก็มีบาดแผล รวมถึงมีความรู้สึกเชิงลบว่าเขาถูกเลือกปฏิบัติจากกระบวนการยุติธรรมอยู่ หากปล่อยให้จำเลยทั้งหมดหลบหนี ที่ไม่ใช่แค่ พล.อ.
พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำให้สะท้อนว่าไม่ให้ความสำคัญกับความมั่นคง การปรองดอง และการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อกระบวนการยุติธรรมเลย ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความไม่สงบสืบเนื่องต่อไป
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการออกหมายแดงอินเตอร์โพลกับจำเลย นาย
วิโรจน์กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นการออกแก้เกี้ยว เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จะทันหรือไม่ ในกรณีนี้สามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่า ถ้าจำเลยหลบหนีมีผลต่อความมั่นคงประเทศ และความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก ซึ่งปกติคดีที่สำคัญขนาดนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามกำกับดูแล
“
ยกตัวอย่างกรณีผู้ชุมนุมคุณยังไปเฝ้าเขาที่บ้าน หรือสะกดรอยตามที่โรงเรียนได้ คุณทำได้หมด ทำไมในกรณีนี้คุณทำไม่ได้ นี่คุณมาออกหมายแดงในช่วงที่เหลืออีกไม่กี่วัน ก็ออกให้เป็นกระบวนการแก้เกี้ยวเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติคิดว่าจะจับเขามาได้หรือไม่ แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เลย” นายวิโรจน์กล่าว.
มาราปาตานีออกแถลงการณ์แสดงความกังวลคดีตากใบ
https://prachatai.com/journal/2024/10/111158
มาราปาตานีออกแถลงการณ์แสดงความกังวล หลังศาลนราธิวาสออกหมายเรียก 7 อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงคดีตากใบ แต่ไร้ความคืบหน้า ชี้อีกไม่กี่วันคดีจะหมดอายุความ ย้ำรัฐต้องไม่ปล่อยให้เกิดการลอยนวล เรียกร้องแก้ปัญหาด้วยกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 มาราปาตานี ได้เผยแพร่แถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน ระบุว่าอ้างถึงหมายแจ้งข้อกล่าวหาที่ออกโดยศาลนราธิวาส สำหรับอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพและรัฐบาลไทย 7 คน เกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 จนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้ถูกกล่าวหารายใดมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล และยังไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด
ในสถานการณ์ที่คดีจะหมดอายุความ 20 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รัฐบาลดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในการจัดการกับประเด็นสำคัญนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพ้นผิดของผู้ถูกกล่าวหาในเหตุโหดร้ายนี้ภายในวันที่ 25 ต.ค. 2567
มาราปาตานีและประชาชนขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้รัฐบาลไทยจัดการกับปัญหานี้อย่างรับผิดชอบ โดยไม่ใช้การนิรโทษกรรมเมื่อเกิดอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกปล่อยให้ลอยนวลหรือได้รับการคุ้มครอง ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของรัฐบาลและความน่าเชื่อถือในสายตาประชาคมโลกต้องมัวหมอง
มาราปาตานีขอย้ำว่ารัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ตากใบเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อ ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการหาข้อยุติทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม เพื่อสันติภาพที่เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน
มาราปาตานี
22 ต.ค. 2567
โจรใต้ป่วนวางระเบิดทหารพรานเจ็บ 3 คาดโยงปมคดีตากใบจะหมดอายุความ
https://www.dailynews.co.th/news/4004057/
เกิดเหตุโจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่ ระแงะ จ.นราธิวาส เจ็บ 3 เชื่อสร้างความปั่นป่วน ให้เกี่ยวโยงกับคดีตากใบจะหมดอายุความหลังผู้ต้องหาล่องหน
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 ต.ค. พ.ต.อ.
อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดจรยุทธ์ สังกัดกองร้อย ทพ.4515 ที่บริเวณรอยต่อบ้านกูจิงลือปะกับบ้านบาโงลูโบ๊ะอาแน หมู่ 7 ต.เฉลิม ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยทัศนวิสัย 2 ข้างเป็นป่าเปลี่ยว เจ้าหน้าที่จึงได้จอดรถสังเกตการณ์ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร
พบจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง โดยบริเวณกลางถนนมีลักษณะเป็นท่อลอด และเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดจนท่อลอดได้รับความเสียหาย และมีผิวถนนถูกอานุภาพของระเบิดเป็นหลุมลึก ประมาณ 1 เมตร กว้าง 2 เมตร ซึ่งบางส่วนได้กระเด็นกระจัดกระจายบนผิวถนนและป่ารกทึบริมทาง จึงได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ
ต่อมา พล.ต.ต.
ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง งดภารกิจในการเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทำการปิดกั้นการจราจร และได้ขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 45 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (24 ต.ค.) จึงสามารถได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้ในวันพรุ่งนี้
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกี่ยวโยงกับคดีตากใบ จะหมดอายุความหลังผู้ต้องหาล่องหน.
IMF ชี้เศรษฐกิจไทยระยะยาวโตแค่ 2.7% ต่ำรั้งท้ายอาเซียน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/421838
IMF เผย เศรษฐกิจไทย ขยายตัวรั้งท้ายอาเซียน แถมระยะยาวโตแค่ 2.7% ขณะที่เวียดนามและฟิลิปปินส์ ครองแชมป์เศรษฐกิจอาเซียน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยรายงาน World Economic Outlook ฉบับเดือนตุลาคม 2024 คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2024-2025 จะเติบโต 3.2% เท่ากัน โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่อินเดียครองแชมป์เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตสูงสุด ส่วนจีน ที่เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถูกปรับลดคาดการณ์ปีนี้ลง 0.2% เหลือ 4.8% จากปัจจัยกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเลวร้ายลง
ส่วนเศรษฐกิจไทย ตามการคาดการณ์ของ IMF ได้ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปีนี้ ที่ 2.8% และขึ้นเป็น 3% ในปีหน้า แต่ยังเป็นการขยายตัวรั้งท้ายอาเซียน แถมในระยะยาวปี 2029 IMF คาดว่าจะเติบโตแค่ 2.7% โดยเวียดนามคาดว่าจะเติบโตถึง 6% ในปีนี้ และ 6.8% ในปีหน้า โตสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนหลัก ตามด้วยฟิลิปปินส์ที่จะเติบโต 5.8% ในปีนี้ และ 6.1% ในปีหน้า ตามด้วยอินโดนีเซีย ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงที่ 5% และมาเลเซียที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ที่ 4.8% และระยะยาวคาดว่าจะเติบโต 4%
ทั้งนี้ IMF เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงสำคัญ ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูง ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าใหม่ และผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด นอกจากนี้ IMF ยังเตือนประเทศต่างๆ ไม่ให้ใช้นโยบายปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศมากเกินไป เนื่องจากมักไม่สามารถนำมาซึ่งการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพอย่างยั่งยืน
JJNY : 5in1 วิโรจน์ชี้คดีสะท้อนหนัก│มาราปาตานีออกแถลง│โจรใต้ป่วนคาดโยงปมคดีตากใบ│IMFชี้ไทยโตแค่2.7%│ทัพเมียนมาโจมตีธีลิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4861703
ออกหมายแดงแค่แก้เกี้ยว วิโรจน์ ชี้คดีตากใบ มีผลสะท้อนหนัก แผนดับไฟใต้
วันที่ 23 ตุลาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีตากใบใกล้จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม แต่จำเลยทั้ง 14 คน ไม่มีทีท่าที่จะมารายงานตัว ว่า หากดูกรณีการหลบหนีของจำเลย สะท้อนแล้วว่าผลลัพธ์กระทบต่อความมั่นคง และกระทบต่อความสงบในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เขาก็มีบาดแผล รวมถึงมีความรู้สึกเชิงลบว่าเขาถูกเลือกปฏิบัติจากกระบวนการยุติธรรมอยู่ หากปล่อยให้จำเลยทั้งหมดหลบหนี ที่ไม่ใช่แค่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำให้สะท้อนว่าไม่ให้ความสำคัญกับความมั่นคง การปรองดอง และการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อกระบวนการยุติธรรมเลย ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความไม่สงบสืบเนื่องต่อไป
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการออกหมายแดงอินเตอร์โพลกับจำเลย นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นการออกแก้เกี้ยว เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จะทันหรือไม่ ในกรณีนี้สามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่า ถ้าจำเลยหลบหนีมีผลต่อความมั่นคงประเทศ และความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก ซึ่งปกติคดีที่สำคัญขนาดนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามกำกับดูแล
“ยกตัวอย่างกรณีผู้ชุมนุมคุณยังไปเฝ้าเขาที่บ้าน หรือสะกดรอยตามที่โรงเรียนได้ คุณทำได้หมด ทำไมในกรณีนี้คุณทำไม่ได้ นี่คุณมาออกหมายแดงในช่วงที่เหลืออีกไม่กี่วัน ก็ออกให้เป็นกระบวนการแก้เกี้ยวเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติคิดว่าจะจับเขามาได้หรือไม่ แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้เลย” นายวิโรจน์กล่าว.
มาราปาตานีออกแถลงการณ์แสดงความกังวลคดีตากใบ
https://prachatai.com/journal/2024/10/111158
มาราปาตานีออกแถลงการณ์แสดงความกังวล หลังศาลนราธิวาสออกหมายเรียก 7 อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงคดีตากใบ แต่ไร้ความคืบหน้า ชี้อีกไม่กี่วันคดีจะหมดอายุความ ย้ำรัฐต้องไม่ปล่อยให้เกิดการลอยนวล เรียกร้องแก้ปัญหาด้วยกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 มาราปาตานี ได้เผยแพร่แถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน ระบุว่าอ้างถึงหมายแจ้งข้อกล่าวหาที่ออกโดยศาลนราธิวาส สำหรับอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพและรัฐบาลไทย 7 คน เกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 จนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้ถูกกล่าวหารายใดมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล และยังไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด
ในสถานการณ์ที่คดีจะหมดอายุความ 20 ปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รัฐบาลดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในการจัดการกับประเด็นสำคัญนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพ้นผิดของผู้ถูกกล่าวหาในเหตุโหดร้ายนี้ภายในวันที่ 25 ต.ค. 2567
มาราปาตานีและประชาชนขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้รัฐบาลไทยจัดการกับปัญหานี้อย่างรับผิดชอบ โดยไม่ใช้การนิรโทษกรรมเมื่อเกิดอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกปล่อยให้ลอยนวลหรือได้รับการคุ้มครอง ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของรัฐบาลและความน่าเชื่อถือในสายตาประชาคมโลกต้องมัวหมอง
มาราปาตานีขอย้ำว่ารัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ตากใบเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อ ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการหาข้อยุติทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม เพื่อสันติภาพที่เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน
มาราปาตานี
22 ต.ค. 2567
โจรใต้ป่วนวางระเบิดทหารพรานเจ็บ 3 คาดโยงปมคดีตากใบจะหมดอายุความ
https://www.dailynews.co.th/news/4004057/
เกิดเหตุโจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่ ระแงะ จ.นราธิวาส เจ็บ 3 เชื่อสร้างความปั่นป่วน ให้เกี่ยวโยงกับคดีตากใบจะหมดอายุความหลังผู้ต้องหาล่องหน
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 ต.ค. พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดจรยุทธ์ สังกัดกองร้อย ทพ.4515 ที่บริเวณรอยต่อบ้านกูจิงลือปะกับบ้านบาโงลูโบ๊ะอาแน หมู่ 7 ต.เฉลิม ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยทัศนวิสัย 2 ข้างเป็นป่าเปลี่ยว เจ้าหน้าที่จึงได้จอดรถสังเกตการณ์ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร
พบจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง โดยบริเวณกลางถนนมีลักษณะเป็นท่อลอด และเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดจนท่อลอดได้รับความเสียหาย และมีผิวถนนถูกอานุภาพของระเบิดเป็นหลุมลึก ประมาณ 1 เมตร กว้าง 2 เมตร ซึ่งบางส่วนได้กระเด็นกระจัดกระจายบนผิวถนนและป่ารกทึบริมทาง จึงได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ
ต่อมา พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง งดภารกิจในการเดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทำการปิดกั้นการจราจร และได้ขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 45 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (24 ต.ค.) จึงสามารถได้ตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้ในวันพรุ่งนี้
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกี่ยวโยงกับคดีตากใบ จะหมดอายุความหลังผู้ต้องหาล่องหน.
IMF ชี้เศรษฐกิจไทยระยะยาวโตแค่ 2.7% ต่ำรั้งท้ายอาเซียน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/421838
IMF เผย เศรษฐกิจไทย ขยายตัวรั้งท้ายอาเซียน แถมระยะยาวโตแค่ 2.7% ขณะที่เวียดนามและฟิลิปปินส์ ครองแชมป์เศรษฐกิจอาเซียน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยรายงาน World Economic Outlook ฉบับเดือนตุลาคม 2024 คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2024-2025 จะเติบโต 3.2% เท่ากัน โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่อินเดียครองแชมป์เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตสูงสุด ส่วนจีน ที่เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถูกปรับลดคาดการณ์ปีนี้ลง 0.2% เหลือ 4.8% จากปัจจัยกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจเลวร้ายลง
ส่วนเศรษฐกิจไทย ตามการคาดการณ์ของ IMF ได้ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปีนี้ ที่ 2.8% และขึ้นเป็น 3% ในปีหน้า แต่ยังเป็นการขยายตัวรั้งท้ายอาเซียน แถมในระยะยาวปี 2029 IMF คาดว่าจะเติบโตแค่ 2.7% โดยเวียดนามคาดว่าจะเติบโตถึง 6% ในปีนี้ และ 6.8% ในปีหน้า โตสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนหลัก ตามด้วยฟิลิปปินส์ที่จะเติบโต 5.8% ในปีนี้ และ 6.1% ในปีหน้า ตามด้วยอินโดนีเซีย ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงที่ 5% และมาเลเซียที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ที่ 4.8% และระยะยาวคาดว่าจะเติบโต 4%
ทั้งนี้ IMF เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงสำคัญ ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูง ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าใหม่ และผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด นอกจากนี้ IMF ยังเตือนประเทศต่างๆ ไม่ให้ใช้นโยบายปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศมากเกินไป เนื่องจากมักไม่สามารถนำมาซึ่งการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพอย่างยั่งยืน