*จากความเห็นเเละประสบการณ์ของผม อาจจะตรงกับพระสูตรก็ได้ บางอันอาจจะไม่ตรงนะครับ
ผมคิดว่าการฝึกสมถกรรมฐาน เป็นสิ่งที่ควรเสริมเข้ามา อาจจะไม่ใช่ตัวหลัก เพราะว่า การเจริญวิปัสสนา/สติปัฏฐานสามารถทำได้ทันที โดยไม่อาศัย การทำสมถกรรมฐานมาก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะว่าสติปัฏฐานเมื่อเจริญให้มากเเล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ให้เจริญได้ โพชฌงค์เป็นธรรมะคู่ปรับกับนิวรณ์ เเละถ้าอ้างจากอรรถกถา การเจริญสติปัฏฐานทำให้จิตพ้นจากนิวรณ์ได้ เพราะมีสมาธิเทียบเท่ากับอุปจารสมาธิ (Mahasi, 2016)
ทว่าในยุคของเราตอนนี้ ผมว่ากิเลสมันเเรงขึ้น คือ มันมีสิ่งยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้นิวรณ์มันเติบโตได้เร็ว ดังนั้นการฝึกสมถกรรมฐานเสริมเข้ามา น่าจะเป็นเครื่องคุ้มครองจิตที่ดี อย่างน้อยการคุ้นเคยกับสภาพจิตที่พ้นจากนิวรณ์ก็จะช่วยให้การเจริญสิตปัฏฐานนั้นราบรื่นมากยิ่งขึ้น เท่าที่ผมสัมผัสมาจากตัวเอง คือ พอเราทำสมถกรรมฐานมากๆ จิตมันมีความเป็นใหญ่ เเล้วความเป็นใหญ่นี้มันเหมือนเกราะ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้นิวรณ์เข้ามารบกวน ขณะเจริญปัญญา /เจริญสติปัฏฐาน
อย่างไรก็ดี การติดสมถกรรมฐาน หรือเเม้เเต่วิปัสสนูปกิเลสก็ดี จะมีปัญหา ตรงที่ไม่สามารถเข้าสภาวะธรรมที่เป็นทุกข์มากๆได้ เช่น ภังคาญาณ-อาทีนวญาณ-นิพพิทาญาณ ญาณชุดนี้ หากผู้ภาวนาประสบจริงๆ จะรู้สึกว่า ธรรมะที่ผ่านเข้ามาให้จิตเรียนรู้ทุกอย่างไม่มีความสนุกเลย มันมีเเต่ทุกข์ เพราะมันเเตกดับ เเละไม่สามารถจะไปยึดไว้ได้
ตรงนี้คงเเก้ไขได้ ด้วยการโยนิโสมนสิการ + เข้าหาครูบาอาจารย์มากๆ ถ้าหากเราภาวนาเเล้วติดอยู่เเค่สุข เเต่ไม่เห็นทุกข์ การภาวนาจะก้าวหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะ ถ้าจิตไม่เห็นทุกข์ ย่อมไม่คลายกำหนัด หากไม่คลายกำหนัด ยอ่มไม่หลุดพ้น นี่เป็นกฎ เเละเป็นกิจข้อเเรกในอริยสัจ คือ การกำหนดรู้ทุกข์
ยินดีเเลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆครับ ผู้ใดจะเสริมพระสูตรเข้ามาให้อ่านก็ยินดี
Manual of insight (Mahasi Sayadaw) : chrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/
https://wisdomexperience.org/academy/wp-content/uploads/sites/4/2016/07/Manual-of-Insight-for-Course.pdf
ความสำคัญเเละประโยชน์ของสมถกรรมฐาน
ผมคิดว่าการฝึกสมถกรรมฐาน เป็นสิ่งที่ควรเสริมเข้ามา อาจจะไม่ใช่ตัวหลัก เพราะว่า การเจริญวิปัสสนา/สติปัฏฐานสามารถทำได้ทันที โดยไม่อาศัย การทำสมถกรรมฐานมาก่อน ทั้งนี้เป็นเพราะว่าสติปัฏฐานเมื่อเจริญให้มากเเล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ให้เจริญได้ โพชฌงค์เป็นธรรมะคู่ปรับกับนิวรณ์ เเละถ้าอ้างจากอรรถกถา การเจริญสติปัฏฐานทำให้จิตพ้นจากนิวรณ์ได้ เพราะมีสมาธิเทียบเท่ากับอุปจารสมาธิ (Mahasi, 2016)
ทว่าในยุคของเราตอนนี้ ผมว่ากิเลสมันเเรงขึ้น คือ มันมีสิ่งยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้นิวรณ์มันเติบโตได้เร็ว ดังนั้นการฝึกสมถกรรมฐานเสริมเข้ามา น่าจะเป็นเครื่องคุ้มครองจิตที่ดี อย่างน้อยการคุ้นเคยกับสภาพจิตที่พ้นจากนิวรณ์ก็จะช่วยให้การเจริญสิตปัฏฐานนั้นราบรื่นมากยิ่งขึ้น เท่าที่ผมสัมผัสมาจากตัวเอง คือ พอเราทำสมถกรรมฐานมากๆ จิตมันมีความเป็นใหญ่ เเล้วความเป็นใหญ่นี้มันเหมือนเกราะ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้นิวรณ์เข้ามารบกวน ขณะเจริญปัญญา /เจริญสติปัฏฐาน
อย่างไรก็ดี การติดสมถกรรมฐาน หรือเเม้เเต่วิปัสสนูปกิเลสก็ดี จะมีปัญหา ตรงที่ไม่สามารถเข้าสภาวะธรรมที่เป็นทุกข์มากๆได้ เช่น ภังคาญาณ-อาทีนวญาณ-นิพพิทาญาณ ญาณชุดนี้ หากผู้ภาวนาประสบจริงๆ จะรู้สึกว่า ธรรมะที่ผ่านเข้ามาให้จิตเรียนรู้ทุกอย่างไม่มีความสนุกเลย มันมีเเต่ทุกข์ เพราะมันเเตกดับ เเละไม่สามารถจะไปยึดไว้ได้
ตรงนี้คงเเก้ไขได้ ด้วยการโยนิโสมนสิการ + เข้าหาครูบาอาจารย์มากๆ ถ้าหากเราภาวนาเเล้วติดอยู่เเค่สุข เเต่ไม่เห็นทุกข์ การภาวนาจะก้าวหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะ ถ้าจิตไม่เห็นทุกข์ ย่อมไม่คลายกำหนัด หากไม่คลายกำหนัด ยอ่มไม่หลุดพ้น นี่เป็นกฎ เเละเป็นกิจข้อเเรกในอริยสัจ คือ การกำหนดรู้ทุกข์
ยินดีเเลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆครับ ผู้ใดจะเสริมพระสูตรเข้ามาให้อ่านก็ยินดี
Manual of insight (Mahasi Sayadaw) : chrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/https://wisdomexperience.org/academy/wp-content/uploads/sites/4/2016/07/Manual-of-Insight-for-Course.pdf