ชาวโลมา ลินดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองโลมา ลินดา ชาวเมืองนี้มีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากชาวโอกินาวาและชาวบาร์บาเกีย ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศที่ไม่ได้เป็นเกาะแล้ว ผู้คนในเมืองนี้ก็มีวิถีชีวิตแบบชาวเมืองทุกอย่าง ต้องดํารงชีวิตอยู่ท่ามกลางมลภาวะของสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ดีกว่าคนทั่วไป มีการใช้เครื่องอํานวยความสะดวก เครื่องมือสื่อสาร ใช้คอมพิวเตอร์เหมือนคนในเมืองใหญ่ทุกประการ มีเพียงรูปแบบการกินอาหารและความคิดในการดํารงชีวิตที่ดูจะแตกต่างจากชาวเมืองทั่วไป และนี่คือปัจจัยที่ทําให้ชาวโลมา ลินดานั้นมีอายุยืนและมีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ น้อยกว่าคนที่อาศัยอยู่ในสังคมเมืองอื่นๆ จากการศึกษาพบว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองโลมา ลินดา นอกจากจะมีอายุยืนแล้ว ยังเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงโรคมะเร็งและโรคเบาหวานน้อยกว่าคนทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์
รูปแบบการกินอาหารของชาวโลมา ลินดา
1. กินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อวัวและหมูน้อยมาก โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละไม่เกิน 2 ครั้งหรือไม่กินเลย
2. กินถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัท อัลมอนด์ พีแคน พิสตาชิโอ ฯลฯ วันละประมาณ 1 กํามือ เป็นประจําทุกวัน ซึ่งตรงกับงานวิจัยและข้อมูลสนับสนุนจาก สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ควรกินถั่ววันละ 1 กํามือเพื่อให้หัวใจดี ถั่วเปลือกแข็งเป็นแหล่งที่มาของโปรตีนจากพืช ประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว อีกทั้งยังมีใยอาหาร วิตามินอี ช่วยทําให้ลดความรู้สึกหิวและทําให้อิ่มได้นานขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการปรุงแต่งเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร หรือหากจําเป็นก็ปรุงเพียงแต่น้อยเท่านั้น
4. ไม่นิยมรับประทานอาหารรสเค็มและรสหวาน การกินเค็มจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ส่วนการกินหวานมากเป็นประจําก็จะทําให้ได้พลังงานมากเกินความต้องการของร่างกาย อันเป็นปัจจัยที่ทําให้เกิดโรคฟันผุและโรคอ้วนตามมา
5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ มีงานวิจัยจําานวนมากที่ระบุถึงอันตรายของและผลเสียที่เกิดจากแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพโดยรวม
6. กินอาหารช้าๆ
7. กินอาหารเช้าเป็นอาหารหลักและลดปริมาณของอาหารมื้ออื่น
8. หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่ม
จากที่เราได้ทําการสํารวจและรับรู้ถึงรูปแบบการกินของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
ทําให้เราทราบว่า แม้ว่าถิ่นฐานที่อยู่อาศัย รูปแบบการดํารงชีวิต วัฒนธรรมการรับประทานอาหารจะแตกต่างกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทําให้คนเหล่านี้ มีอายุยืนยาวเหมือนกันก็คือ
พฤติกรรมการบริโภคอาหาร
- โดยเน้นการกินอาหารที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
- นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการบริโภคแต่พอดี คือไม่กินอาหารจนอิ่มมากเกินไปโดยเน้นอาหารเช้า เป็นมื้อหลัก
- และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
ที่มา
https://www.rama.mahidol.ac.th/th/knowledge_awareness_health/12nov2020-1643
รูปแบบการกินอาหารของชาวโลมา ลินดา
เมืองโลมา ลินดา ชาวเมืองนี้มีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากชาวโอกินาวาและชาวบาร์บาเกีย ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศที่ไม่ได้เป็นเกาะแล้ว ผู้คนในเมืองนี้ก็มีวิถีชีวิตแบบชาวเมืองทุกอย่าง ต้องดํารงชีวิตอยู่ท่ามกลางมลภาวะของสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ดีกว่าคนทั่วไป มีการใช้เครื่องอํานวยความสะดวก เครื่องมือสื่อสาร ใช้คอมพิวเตอร์เหมือนคนในเมืองใหญ่ทุกประการ มีเพียงรูปแบบการกินอาหารและความคิดในการดํารงชีวิตที่ดูจะแตกต่างจากชาวเมืองทั่วไป และนี่คือปัจจัยที่ทําให้ชาวโลมา ลินดานั้นมีอายุยืนและมีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ น้อยกว่าคนที่อาศัยอยู่ในสังคมเมืองอื่นๆ จากการศึกษาพบว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองโลมา ลินดา นอกจากจะมีอายุยืนแล้ว ยังเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงโรคมะเร็งและโรคเบาหวานน้อยกว่าคนทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์
รูปแบบการกินอาหารของชาวโลมา ลินดา
1. กินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อวัวและหมูน้อยมาก โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละไม่เกิน 2 ครั้งหรือไม่กินเลย
2. กินถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัท อัลมอนด์ พีแคน พิสตาชิโอ ฯลฯ วันละประมาณ 1 กํามือ เป็นประจําทุกวัน ซึ่งตรงกับงานวิจัยและข้อมูลสนับสนุนจาก สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ควรกินถั่ววันละ 1 กํามือเพื่อให้หัวใจดี ถั่วเปลือกแข็งเป็นแหล่งที่มาของโปรตีนจากพืช ประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว อีกทั้งยังมีใยอาหาร วิตามินอี ช่วยทําให้ลดความรู้สึกหิวและทําให้อิ่มได้นานขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการปรุงแต่งเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร หรือหากจําเป็นก็ปรุงเพียงแต่น้อยเท่านั้น
4. ไม่นิยมรับประทานอาหารรสเค็มและรสหวาน การกินเค็มจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ส่วนการกินหวานมากเป็นประจําก็จะทําให้ได้พลังงานมากเกินความต้องการของร่างกาย อันเป็นปัจจัยที่ทําให้เกิดโรคฟันผุและโรคอ้วนตามมา
5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ มีงานวิจัยจําานวนมากที่ระบุถึงอันตรายของและผลเสียที่เกิดจากแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพโดยรวม
6. กินอาหารช้าๆ
7. กินอาหารเช้าเป็นอาหารหลักและลดปริมาณของอาหารมื้ออื่น
8. หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่ม
จากที่เราได้ทําการสํารวจและรับรู้ถึงรูปแบบการกินของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
ทําให้เราทราบว่า แม้ว่าถิ่นฐานที่อยู่อาศัย รูปแบบการดํารงชีวิต วัฒนธรรมการรับประทานอาหารจะแตกต่างกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทําให้คนเหล่านี้ มีอายุยืนยาวเหมือนกันก็คือ
พฤติกรรมการบริโภคอาหาร
- โดยเน้นการกินอาหารที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
- นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการบริโภคแต่พอดี คือไม่กินอาหารจนอิ่มมากเกินไปโดยเน้นอาหารเช้า เป็นมื้อหลัก
- และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
ที่มา
https://www.rama.mahidol.ac.th/th/knowledge_awareness_health/12nov2020-1643