สวัสดี. พอดีว่าเรามีเรื่องอยากบอกและระบาย
เราเป็นคนที่ชอบแสดงความรู้สึกผ่านโซเชียลเสมอตั้งแต่ที่ได้รู้จักอินเตอร์เน็ทและมักจะไม่ค่อยรู้สึกเขินอายอะไรเท่าไหร่เวลาที่ต้องโพส ยิ่งตอนที่สตอรี่ไอตีมาใหม่ๆนะ เรารู้สึกมีความสุขมากเลยกับการระบาย
การแสดงออกบนสตอรี่แบบสั้นๆให้คนที่เป็นเพื่อนเรารับรู้มาก และเรามักจะยิ้มและตอบพวกเขาเสมอเวลาที่มีคน Reply มา ไม่ใช่แค่นั้นนะ
นอกจากบนโซเชียลแล้วในชีวิตจริงเรายังมีวิธีรับมือกับความเศร้าด้วย! เรามักจะนอนที่พื้น ฟังเพลงเศร้าที่เข้ากับสถาณการณ์นั้นๆ ร้องไห้บ้าง ไม่ร้องบ้าง เปิดเพลงดังๆในบ้าน ทำความสะอาดบ้าน เปิดแอพหาคนคุยเล่นบ้าง สร้างโมเม้นเขินๆให้ตัวเองแปปนึงพอให้มันฮีลใจ.
เรายังชอบการทำตัวอินดี้เหมือนตัวเอกเอ็มวีอีกด้วยเวลาเศร้า ฟังเพลงละขับรถไป ร้องไห้ไป ตะโกนร้องจนคอแตก แต่พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็ใจเย็นลงราวกับความรู้สึกแย่ๆมันออกไปจากอกหมดแล้ว. แต่! ที่สำคัญกว่าทั้งหมดนั้นเลยนะ คือเรามีคนๆนึง คนที่เรามักจะระบายและคุยด้วยประจำ เรารู้จักเขามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ด้วยเรื่องราวบางอย่างทำให้เราไม่สามารถไปกันต่อได้
เขาคนนั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ฉันได้ทำหายไป เขาคือคนเดียวที่ฉันเปิดใจและรู้สึกสบายใจที่สุดเวลาจะระบายอะไร
แต่ ณ ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว.
สิ่งที่เล่ายาวๆไปทั้งหมดข้างบนนั้น ฉันไม่มีอิสระที่จะทำสิ่งเหล่านั้นเลย ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกแย่ๆที่มันสะสมและต้องการระบายออกไปมากขึ้นแต่ไม่สามารถระบายออกไปได้เลยนั้นมันทรมานมากๆ เคยพยายามเปิดใจแต่มันยากมาก เรารู้สึกเหมือนอยู่ในคุกของความรู้สึก รู้สึกเหมือนคนรอบข้างไม่เข้าใจ รู้สึกทุกคนพูดทุกอย่างให้มันดูง่าย รู้สึกว่าเวลาที่ตะระบายอะไรออกไปเราดันเอาปัญหาไปทับหัวเขา เราไม่มีแม้กระทั่งสถานที่ให้ร้องไห้ ไม่มีอิสระแม้กระทั่งบนโซเชียล ไม่กล้าที่จะแสดงออกความรู้สึก กลัว กลัวไปหมด กลัวโดนถาม ไม่อยากโดนถาม ตอนนี้ต้องการแค่อยากระบายมันออกไป
อยากได้รับแค่สายตาที่มองเห็นว่าเราเป็นยังไง ไม่ต้องเดินเข้ามากอด ไม่ต้องพูดอะไร ช่วยทำเหมือนสิ่งที่เราเป็นนั้นคือเรื่องปกติ อย่าทำตัวเหมือนเราเป็นตัวปัญหา
เราไม่รู้ว่ามันมาลงเอยแลบนี้ได้ยังไงแต่นั่นแหละ..
ขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนี้และก็ขอโทษที่ทำให้หลงทาง.
ขอบคุณที่มองเห็นและอ่าน ขอบคุณนะ.
“ขอโทษที่แทนตัวเองว่า เรา เยอะไปหน่อยแค่อยากปิดตัวเองให้ได้มากที่สุดหนะ”
ขอพื้นที่ตรงนี้ระบายนิดนึงนะ
เราเป็นคนที่ชอบแสดงความรู้สึกผ่านโซเชียลเสมอตั้งแต่ที่ได้รู้จักอินเตอร์เน็ทและมักจะไม่ค่อยรู้สึกเขินอายอะไรเท่าไหร่เวลาที่ต้องโพส ยิ่งตอนที่สตอรี่ไอตีมาใหม่ๆนะ เรารู้สึกมีความสุขมากเลยกับการระบาย
การแสดงออกบนสตอรี่แบบสั้นๆให้คนที่เป็นเพื่อนเรารับรู้มาก และเรามักจะยิ้มและตอบพวกเขาเสมอเวลาที่มีคน Reply มา ไม่ใช่แค่นั้นนะ
นอกจากบนโซเชียลแล้วในชีวิตจริงเรายังมีวิธีรับมือกับความเศร้าด้วย! เรามักจะนอนที่พื้น ฟังเพลงเศร้าที่เข้ากับสถาณการณ์นั้นๆ ร้องไห้บ้าง ไม่ร้องบ้าง เปิดเพลงดังๆในบ้าน ทำความสะอาดบ้าน เปิดแอพหาคนคุยเล่นบ้าง สร้างโมเม้นเขินๆให้ตัวเองแปปนึงพอให้มันฮีลใจ.
เรายังชอบการทำตัวอินดี้เหมือนตัวเอกเอ็มวีอีกด้วยเวลาเศร้า ฟังเพลงละขับรถไป ร้องไห้ไป ตะโกนร้องจนคอแตก แต่พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็ใจเย็นลงราวกับความรู้สึกแย่ๆมันออกไปจากอกหมดแล้ว. แต่! ที่สำคัญกว่าทั้งหมดนั้นเลยนะ คือเรามีคนๆนึง คนที่เรามักจะระบายและคุยด้วยประจำ เรารู้จักเขามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ด้วยเรื่องราวบางอย่างทำให้เราไม่สามารถไปกันต่อได้
เขาคนนั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ฉันได้ทำหายไป เขาคือคนเดียวที่ฉันเปิดใจและรู้สึกสบายใจที่สุดเวลาจะระบายอะไร
แต่ ณ ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว.
สิ่งที่เล่ายาวๆไปทั้งหมดข้างบนนั้น ฉันไม่มีอิสระที่จะทำสิ่งเหล่านั้นเลย ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกแย่ๆที่มันสะสมและต้องการระบายออกไปมากขึ้นแต่ไม่สามารถระบายออกไปได้เลยนั้นมันทรมานมากๆ เคยพยายามเปิดใจแต่มันยากมาก เรารู้สึกเหมือนอยู่ในคุกของความรู้สึก รู้สึกเหมือนคนรอบข้างไม่เข้าใจ รู้สึกทุกคนพูดทุกอย่างให้มันดูง่าย รู้สึกว่าเวลาที่ตะระบายอะไรออกไปเราดันเอาปัญหาไปทับหัวเขา เราไม่มีแม้กระทั่งสถานที่ให้ร้องไห้ ไม่มีอิสระแม้กระทั่งบนโซเชียล ไม่กล้าที่จะแสดงออกความรู้สึก กลัว กลัวไปหมด กลัวโดนถาม ไม่อยากโดนถาม ตอนนี้ต้องการแค่อยากระบายมันออกไป
อยากได้รับแค่สายตาที่มองเห็นว่าเราเป็นยังไง ไม่ต้องเดินเข้ามากอด ไม่ต้องพูดอะไร ช่วยทำเหมือนสิ่งที่เราเป็นนั้นคือเรื่องปกติ อย่าทำตัวเหมือนเราเป็นตัวปัญหา
เราไม่รู้ว่ามันมาลงเอยแลบนี้ได้ยังไงแต่นั่นแหละ..
ขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนี้และก็ขอโทษที่ทำให้หลงทาง.
ขอบคุณที่มองเห็นและอ่าน ขอบคุณนะ.
“ขอโทษที่แทนตัวเองว่า เรา เยอะไปหน่อยแค่อยากปิดตัวเองให้ได้มากที่สุดหนะ”