เกริ่นก่อนนะครับ ผมคบกับแฟนมาตั้งแต่ ม.4 จนถึง 20 พฤษภาคม ปีนี้ (ประมาณ 10 ปีกว่าๆ ครับ) เราเลิกกันด้วยเรื่องแต่งงานครับ ฝ่าย ผญ เป็นอิสลาม แล้วผมเป็นพุทธ ที่บ้านฝ่าย ญ บังคับให้ผมย้ายมาเป็นอิสลาม แต่ทางบ้านผมไม่ยอม กลายเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ถ้าถามผม ผมไม่อยากแต่งเลยครับ เพราะรู้ว่ามันจะต้องมีประเด็นนี้แน่ๆ อยากจะพาแฟนไปจดทะเบียนสมรสแล้วอยู่กันสองคนเงียบๆ ไม่อยากยุ่งกับใครเลยครับ ส่วนตัว ผญ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะญาติฝั่งเขาไม่ยอม ญาติฝั่งผมก็ไม่ยอม พ่อแม่ฝ่าย ญ ถึงขั้น บอกกับแฟนผมว่า ถ้าไม่เลิกกับผม เขาจะกินยาให้หลับแล้วไม่ตื่นมาอีก หลักๆ เป็นเพราะความเชื่อทางศาสนาครับ เหนื่อยใจมากครับ เดี๋ยวจะยาว ข้ามไปเลยนะครับ สรุป เราเลิกกันครับ
3 ปีแรก (ม.4 - ม.6) เราคบกันแบบ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจอกันที่โรงเรียน แล้วก็ที่บ้าน บ้านเราใกล้กันครับ
ป.ตรี จนถึง 20 พฤษภาคม ปีนี้ เราอยู่หอเดียวกันตั้งแต่มหาลัย จนจบ ป.ตรี แล้วมีงานทำ ก็อยู่ด้วยกันตลอด (ผู้ใหญ่รู้แค่ว่าเป็นแฟนกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน)
ตัวผมเองพ่อ แม่ เสียไปตั้งแต่อนุบาล 2 ด้วยอุบัติเหตุ อยู่กับยาย และน้ามาตั้งแต่นั้น จนถึง ม.6 พอ ป.ตรี ผมก็ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก
ผมเป็นคนที่ยิ้มแย้ม คุยเก่ง อยู่ที่ไหนก็จะมีเพื่อนเยอะ แต่ไม่มีเพื่อนสนิท เพราะผมติดแฟนมาก ตัวผมติดกับแฟนตลอด ตั้งแต่ตื่นนอน จนหลับไป ห่างกันแค่ตอนเรียน กับทำงาน
ตั้งแต่อนุบาล 2 ลึกๆ ในใจผมรู้สึกขาดบางอย่างมาตลอด ยายคือคนที่เข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ครับ ผมห่างยายไม่ได้เลย จนผมมามีเขา เขาคือ ผญ คนแรกของผม แล้วผมกับยายก็ห่างกัน กลายเป็นผมให้เขามาแทนที่ยาย ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะหายไปไหน เพราะเราคุยกันทุกเรื่อง เราทั้งคู่รู้ดีว่าเราเป็นยังไง เราจะอุ่นใจก็ต่อเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ได้รู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัย มันไม่ใช่ความพิศวาส มันคือความเป็นห่วง
ถ้าตัวผมมี 100 ก็จะประกอบไปด้วย ตัวผมเอง 20 เขา 60 ญาติพี่น้อง 10 เพื่อน 10 ประมาณนี้ แล้ววันนี้ส่วนที่สำคัญสุดของผม 60 มันหายไป ผมไม่รู้สึกอุ่นใจเลย ไม่อีกเลย ไม่ว่าจะวินาทีไหน มันผ่านไปช้ามาก ทุกๆ ที่มันมีความทรงจำเต็มไปหมด ผมร้องไห้โดยที่ไม่อายใคร ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนฟอร์มจัดจะตาย ไม่มีทางที่ผมจะมาร้องไห้ให้ใครเห็นแน่ๆ
ผมกดลาพักร้อนทั้งหมด 14 วันทีเดียว หัวหน้าโทรมาถามเป็นอะไร ผมเล่าทั้งน้ำตา หัวหน้าบอก ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมา (ผมเป็นคนเดียวในทีมที่ไม่เคยใช้ลาพักร้อนเลย จนมันรีเซ็ตทิ้งไปทุกปี) สรุป เขาก็ยื้อผม ให้ลาป่วยต่อไปจนกว่าเราจะไหว ผมมีลาป่วยอยู่ 60 วัน ผมกดลาป่วยไปอีกทั้งเดือนมิถุนายน ผมหยุด ส อา อยู่แล้ว ก็เลยใช้ลาป่วยไปอีก 20 วัน สรุป ผมก็หยุดจนถึง 1 กรกฎาคม ผมก็อีเมลไปแจ้งลาออกเลย ผมไม่ไหวจริงๆ ผมเป็นคนที่ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบกินเหล้า แต่ผมตัดสินใจไปซื้อเหล้ามานั่งกินคนเดียว อ้วกเละเทะไปหมด สภาพผมเละมาก ผมไม่กล้าไปเจอคนรู้จักเลย ผมรับไม่ได้กับสภาพผมในตอนนี้
จนถึงก่อนโพสต์นี้ ประมาณ 7 วัน ผมก็ไป รพ.ศรีธัญญา ไปคุยกับหมอจริงจังเลย ว่าเราอยู่ไม่ได้จริงๆ เราคิดถึงเขามาก เขาคือโลกของเรา แล้วหมอก็จ่ายยามา มียานอนหลับ ยาคลายเครียด แล้วอะไรอีกไม่รู้ แต่ได้คุยกับหมอแล้วสบายใจขึ้น เหมือนเขามีวิธีพูด แต่พอกลับมาบ้านผมก็เละเทะเหมือนเดิม บอกก่อนว่า ผมเป็น SA (Systems Analyst) เพราะฉะนั้น งานนี้มันต้องใช้สมาธิสูง ต้องวิเคราะห์หลายอย่าง แล้วตัวผมในตอนนี้ จะให้ไปวิเคราะห์อะไร ขนาดตัวเองยังเละเทะอยู่เลย นั่นคือสาเหตุที่ผมตัดสินใจลาออก ปกติผมเองแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้น เป็นตอนเสมอ ทั้งงาน ทั้งเรื่องส่วนตัว เป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นตลอด แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้ที่มีทั้งหมด สิ่งที่เคยแนะนำคนอื่น มันหายไปหมดเลย
ความรู้สึกในตอนนี้ ผมรู้สึกเหมือนผมเปลี่ยนไป ตัวผมมันไม่เหมือนเดิมเลยครับ มันว้าวุ่นตลอดเวลา ผมเหงา ผมเศร้า ผมอะไรมากมาย บอกไม่ถูกเลยครับ หมอนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ร้องไห้แบบไม่มีเสียง มันทรมานมากเลยครับ ผมกลายเป็นคนที่เคลื่อนไหวช้าไปหมด จากที่กระฉับกระเฉง (ตอนนี้ผมอายุ 27 ครับ) รู้สึกไม่ตอบสนองกับสิ่งรอบกายเลยครับ ผมเดินบน sky walk อนุสาวรีย์ วนไป วนมา อยู่หลาย ชม. โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน เดินมั่ง นั่งมั่ง มั่วไปหมดครับ จิตใจเหม่อลอยตลอดเวลา คิดแต่เรื่องเก่าๆ อ่านในเน็ต เขาบอกให้พยามเคลื่อนไหว อย่าอยู่นิ่ง ผมเลยไปฟิตเนส สรุปไปนั่งเหม่ออยู่ที่ห้องเปลี่ยนชุด จนฟิตเนสปิด แล้วก็กลับ
จนเมื่อวาน ผมพยามตั้งสติอีกที แล้วกลับไปหาหมออีกรอบ รอบนี้ผมดูเข้าใจมากขึ้น วันนี้ผมก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ครับ แต่ในใจก็ยังเหมือนเดิมครับ แบบนี้สินะครับที่เรียกว่า move on ไม่ได้
อกหัก ทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
3 ปีแรก (ม.4 - ม.6) เราคบกันแบบ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจอกันที่โรงเรียน แล้วก็ที่บ้าน บ้านเราใกล้กันครับ
ป.ตรี จนถึง 20 พฤษภาคม ปีนี้ เราอยู่หอเดียวกันตั้งแต่มหาลัย จนจบ ป.ตรี แล้วมีงานทำ ก็อยู่ด้วยกันตลอด (ผู้ใหญ่รู้แค่ว่าเป็นแฟนกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน)
ตัวผมเองพ่อ แม่ เสียไปตั้งแต่อนุบาล 2 ด้วยอุบัติเหตุ อยู่กับยาย และน้ามาตั้งแต่นั้น จนถึง ม.6 พอ ป.ตรี ผมก็ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก
ผมเป็นคนที่ยิ้มแย้ม คุยเก่ง อยู่ที่ไหนก็จะมีเพื่อนเยอะ แต่ไม่มีเพื่อนสนิท เพราะผมติดแฟนมาก ตัวผมติดกับแฟนตลอด ตั้งแต่ตื่นนอน จนหลับไป ห่างกันแค่ตอนเรียน กับทำงาน
ตั้งแต่อนุบาล 2 ลึกๆ ในใจผมรู้สึกขาดบางอย่างมาตลอด ยายคือคนที่เข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ครับ ผมห่างยายไม่ได้เลย จนผมมามีเขา เขาคือ ผญ คนแรกของผม แล้วผมกับยายก็ห่างกัน กลายเป็นผมให้เขามาแทนที่ยาย ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะหายไปไหน เพราะเราคุยกันทุกเรื่อง เราทั้งคู่รู้ดีว่าเราเป็นยังไง เราจะอุ่นใจก็ต่อเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ได้รู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัย มันไม่ใช่ความพิศวาส มันคือความเป็นห่วง
ถ้าตัวผมมี 100 ก็จะประกอบไปด้วย ตัวผมเอง 20 เขา 60 ญาติพี่น้อง 10 เพื่อน 10 ประมาณนี้ แล้ววันนี้ส่วนที่สำคัญสุดของผม 60 มันหายไป ผมไม่รู้สึกอุ่นใจเลย ไม่อีกเลย ไม่ว่าจะวินาทีไหน มันผ่านไปช้ามาก ทุกๆ ที่มันมีความทรงจำเต็มไปหมด ผมร้องไห้โดยที่ไม่อายใคร ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนฟอร์มจัดจะตาย ไม่มีทางที่ผมจะมาร้องไห้ให้ใครเห็นแน่ๆ
ผมกดลาพักร้อนทั้งหมด 14 วันทีเดียว หัวหน้าโทรมาถามเป็นอะไร ผมเล่าทั้งน้ำตา หัวหน้าบอก ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมา (ผมเป็นคนเดียวในทีมที่ไม่เคยใช้ลาพักร้อนเลย จนมันรีเซ็ตทิ้งไปทุกปี) สรุป เขาก็ยื้อผม ให้ลาป่วยต่อไปจนกว่าเราจะไหว ผมมีลาป่วยอยู่ 60 วัน ผมกดลาป่วยไปอีกทั้งเดือนมิถุนายน ผมหยุด ส อา อยู่แล้ว ก็เลยใช้ลาป่วยไปอีก 20 วัน สรุป ผมก็หยุดจนถึง 1 กรกฎาคม ผมก็อีเมลไปแจ้งลาออกเลย ผมไม่ไหวจริงๆ ผมเป็นคนที่ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบกินเหล้า แต่ผมตัดสินใจไปซื้อเหล้ามานั่งกินคนเดียว อ้วกเละเทะไปหมด สภาพผมเละมาก ผมไม่กล้าไปเจอคนรู้จักเลย ผมรับไม่ได้กับสภาพผมในตอนนี้
จนถึงก่อนโพสต์นี้ ประมาณ 7 วัน ผมก็ไป รพ.ศรีธัญญา ไปคุยกับหมอจริงจังเลย ว่าเราอยู่ไม่ได้จริงๆ เราคิดถึงเขามาก เขาคือโลกของเรา แล้วหมอก็จ่ายยามา มียานอนหลับ ยาคลายเครียด แล้วอะไรอีกไม่รู้ แต่ได้คุยกับหมอแล้วสบายใจขึ้น เหมือนเขามีวิธีพูด แต่พอกลับมาบ้านผมก็เละเทะเหมือนเดิม บอกก่อนว่า ผมเป็น SA (Systems Analyst) เพราะฉะนั้น งานนี้มันต้องใช้สมาธิสูง ต้องวิเคราะห์หลายอย่าง แล้วตัวผมในตอนนี้ จะให้ไปวิเคราะห์อะไร ขนาดตัวเองยังเละเทะอยู่เลย นั่นคือสาเหตุที่ผมตัดสินใจลาออก ปกติผมเองแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้น เป็นตอนเสมอ ทั้งงาน ทั้งเรื่องส่วนตัว เป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นตลอด แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้ที่มีทั้งหมด สิ่งที่เคยแนะนำคนอื่น มันหายไปหมดเลย
ความรู้สึกในตอนนี้ ผมรู้สึกเหมือนผมเปลี่ยนไป ตัวผมมันไม่เหมือนเดิมเลยครับ มันว้าวุ่นตลอดเวลา ผมเหงา ผมเศร้า ผมอะไรมากมาย บอกไม่ถูกเลยครับ หมอนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ร้องไห้แบบไม่มีเสียง มันทรมานมากเลยครับ ผมกลายเป็นคนที่เคลื่อนไหวช้าไปหมด จากที่กระฉับกระเฉง (ตอนนี้ผมอายุ 27 ครับ) รู้สึกไม่ตอบสนองกับสิ่งรอบกายเลยครับ ผมเดินบน sky walk อนุสาวรีย์ วนไป วนมา อยู่หลาย ชม. โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน เดินมั่ง นั่งมั่ง มั่วไปหมดครับ จิตใจเหม่อลอยตลอดเวลา คิดแต่เรื่องเก่าๆ อ่านในเน็ต เขาบอกให้พยามเคลื่อนไหว อย่าอยู่นิ่ง ผมเลยไปฟิตเนส สรุปไปนั่งเหม่ออยู่ที่ห้องเปลี่ยนชุด จนฟิตเนสปิด แล้วก็กลับ
จนเมื่อวาน ผมพยามตั้งสติอีกที แล้วกลับไปหาหมออีกรอบ รอบนี้ผมดูเข้าใจมากขึ้น วันนี้ผมก็เลยมาตั้งกระทู้นี้ครับ แต่ในใจก็ยังเหมือนเดิมครับ แบบนี้สินะครับที่เรียกว่า move on ไม่ได้