ใครเคยได้ยินเรื่องชีวิตจริงของเขาอย่างที่จะเล่านี้มาบ้างหรือเปล่า?
... ถ้าข้อใดคลาดเคลื่อนไป ขอช่วยมาแชร์ข้อเท็จจริงด้วยกัน
ลีโอนาโด ดา วินชี เป็นบุตรนอกสมรสของทนายความจาก Vinci ต้นกำเนิดของเรื่องราวเขาถูกเก็บงำไว้เงียบจากปู่ของเขาอย่างรวดเร็วมาแต่ต้นเนื่องจากพ่อของเขาได้แต่งงานกับหญิงชาวนาชื่อ Caterina ความผูกพันอันลึกซึ้งของเขากับแม่ที่เขามีก็ได้ถูกเก็บวำไว้อย่างดีเช่นกัน แต่อาจสังเกตุพบได้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะของเขาซึ่งจะแฝงความรู้สึกนี้ไว้อยู่ และยังมีคนอ้างว่าเขาเคยพบแม่เมื่อเธอนอนสิ้นชีวิตอยู่บนเตียงแล้วเท่านั้น
แม้ว่าเลโอนาร์โดจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและอยู่ภายใต้การดูแลของแวร์รอคคิโอ (Verrocchio) แต่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับการศึกษาภาษากรีกและละติน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานะนอกกฎหมายของเขาที่ทำให้เขาไม่ได้รับการศึกษาแบบมนุษยนิยมแบบดั้งเดิม เขาจึงเรียกตัวเองว่า 'omo senza lettera' หรือผู้ชายที่ไม่มีตัวอักษร
เมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในฟลอเรนซ์ ชีวิตของเขาถูกทำลายโดยข้อกล่าวหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นความอัปยศที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่สามารถสลัดหลุดออกไปจากภาพจำของเขาต่อผู้อื่นได้โดยสิ้นเชิง การไร้การศึกษาของเลโอนาร์โดไม่ได้ทำให้เขาหมดหวังต่อ Lorenzo the Magnificent ในแวดวงการแพทย์ที่มีความซับซ้อน แต่ทำให้เขาเลือที่จะออกไปเสี่ยงโชคที่อื่นแทนที่จะอยู่ในฟลอเรนซ์
เลโอนาร์โดไม่ได้เป็นเพียงจิตรกรเท่านั้น แต่ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก วิศวกร และแม้กระทั่งนักดนตรีอีกด้วย เขาเคยจัดการแสดงและงานเลี้ยงในเคหะของท่านดยุค อย่างไรก็ตามแม้ว่าท่านดยุคจะมีบทบาทให้ความช่วยเหลือมากมาย แต่สภาพทางการเงินของเขาก็มักจะขัดสน และมักถูกคุกคามจากบุคคลในฉายาขอทานแห่งชาวมัวร์ (ซึ่งน่าจะเป็นลูโดวิโก สฟอร์ซา ดยุคแห่งมิลาน)
เลโอนาร์โดเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเขาชอบรับงานมากมายพร้อมๆ กัน และมักจะทำให้ลูกค้าของเขาหงุดหงิดด้วยการผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา ความกระหายความรู้ของเลโอนาร์โดนั้นไม่รู้จักพอ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่เรียนรู้ด้วยตนเอง เขาจะใช้เวลาช่วงเช้าของเขาศึกษาสีหน้าของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา บันทึกไว้ในสมุดจดของเขา หลังจากนั้นจึงใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างให้กับเหล่าอัครสาวกในภาพ The Last Supper การสังเกตของเขาไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์เท่านั้น เขาขยายมันไปสู่การศึกษาสัตว์และพืชอย่างละเอียด ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของเขาคือ Virgin of the Rocks กล่าวกันว่าพรรณนาถึงพืชต่างๆ หลายร้อยชนิดจากการศึกษาของเขา งานเขียนของเขาที่เสร็จสมบูรณ์จะทำใน 'กระจกเขียน' ('mirror writing') ที่กลับด้านจากขวาไปซ้าย สามารถถอดรหัสอ่านออกมาได้ด้วยกระจกเท่านั้น
ธรรมชาติที่เรียกร้องต้องการและอุปนิสัยที่ซับซ้อนทำให้เพื่อนส่วนใหญ่เขาไป และบางคนถึงกับฆ่าตัวตายอย่างน่าสลดใจ มีตำนานเล่าว่า เขามักจะไปสุสานในตอนกลางคืนเพื่อผ่าศพเพื่อศึกษากายวิภาคของมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่นำไปสู่การกล่าวหาว่าเป็นการใช้เวทมนตร์คาถา ความฝันตลอดชีวิตของเลโอนาร์โดซึ่งล้อมรอบด้วยความหลงใหลคือการทำให้มนุษย์บินได้ ความคิดที่รุนแรงของเขาถูกมองว่าเป็นความบ้าคลั่ง เสแสร้งทะเยอทะยานกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือไม่มีอยู่จริง เขาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ล่วงหน้า และเป็นอัจฉริยะผู้เข้าใจผิด
ในวาระสุดท้ายของเขา เขาหนีไปอยู่ในต่างแดน ในสภาพที่ดูเหมือนถูกเนรเทศ พร้อมด้วยผู้ติดตามที่ภักดีสองสามคน แต่ถูกลืมไปเสียส่วนใหญ่ ในขณะที่ชื่อเสียงของราฟาเอล (Raphael) พุ่งสูงขึ้นในกรุงโรม ความทรงจำของเลโอนาร์โดก็จางหายไป แต่ทุกวันนี้ เขากลับกลายเป็นโด่งดังเพราะชีวิตและผลงานของเขาซึ่งนักเขียนอย่างแดน บราวน์กล่าวถึงในนวนิยายยอดนิยมอย่าง The Da Vinci Code (ซึ่งสำรวจความจริงที่ซ่อนเร้นเกี่ยวกับจอกศักดิ์สิทธิ์และภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้ายโดยเลโอนาร์โด)
ลีโอนาโด ดาวินชินชี มีชีวิตอย่างนี้ด้วยหรือ?
... ถ้าข้อใดคลาดเคลื่อนไป ขอช่วยมาแชร์ข้อเท็จจริงด้วยกัน
ลีโอนาโด ดา วินชี เป็นบุตรนอกสมรสของทนายความจาก Vinci ต้นกำเนิดของเรื่องราวเขาถูกเก็บงำไว้เงียบจากปู่ของเขาอย่างรวดเร็วมาแต่ต้นเนื่องจากพ่อของเขาได้แต่งงานกับหญิงชาวนาชื่อ Caterina ความผูกพันอันลึกซึ้งของเขากับแม่ที่เขามีก็ได้ถูกเก็บวำไว้อย่างดีเช่นกัน แต่อาจสังเกตุพบได้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะของเขาซึ่งจะแฝงความรู้สึกนี้ไว้อยู่ และยังมีคนอ้างว่าเขาเคยพบแม่เมื่อเธอนอนสิ้นชีวิตอยู่บนเตียงแล้วเท่านั้น
แม้ว่าเลโอนาร์โดจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและอยู่ภายใต้การดูแลของแวร์รอคคิโอ (Verrocchio) แต่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับการศึกษาภาษากรีกและละติน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานะนอกกฎหมายของเขาที่ทำให้เขาไม่ได้รับการศึกษาแบบมนุษยนิยมแบบดั้งเดิม เขาจึงเรียกตัวเองว่า 'omo senza lettera' หรือผู้ชายที่ไม่มีตัวอักษร
เมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในฟลอเรนซ์ ชีวิตของเขาถูกทำลายโดยข้อกล่าวหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นความอัปยศที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่สามารถสลัดหลุดออกไปจากภาพจำของเขาต่อผู้อื่นได้โดยสิ้นเชิง การไร้การศึกษาของเลโอนาร์โดไม่ได้ทำให้เขาหมดหวังต่อ Lorenzo the Magnificent ในแวดวงการแพทย์ที่มีความซับซ้อน แต่ทำให้เขาเลือที่จะออกไปเสี่ยงโชคที่อื่นแทนที่จะอยู่ในฟลอเรนซ์
เลโอนาร์โดไม่ได้เป็นเพียงจิตรกรเท่านั้น แต่ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ สถาปนิก วิศวกร และแม้กระทั่งนักดนตรีอีกด้วย เขาเคยจัดการแสดงและงานเลี้ยงในเคหะของท่านดยุค อย่างไรก็ตามแม้ว่าท่านดยุคจะมีบทบาทให้ความช่วยเหลือมากมาย แต่สภาพทางการเงินของเขาก็มักจะขัดสน และมักถูกคุกคามจากบุคคลในฉายาขอทานแห่งชาวมัวร์ (ซึ่งน่าจะเป็นลูโดวิโก สฟอร์ซา ดยุคแห่งมิลาน)
เลโอนาร์โดเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเขาชอบรับงานมากมายพร้อมๆ กัน และมักจะทำให้ลูกค้าของเขาหงุดหงิดด้วยการผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา ความกระหายความรู้ของเลโอนาร์โดนั้นไม่รู้จักพอ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่เรียนรู้ด้วยตนเอง เขาจะใช้เวลาช่วงเช้าของเขาศึกษาสีหน้าของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา บันทึกไว้ในสมุดจดของเขา หลังจากนั้นจึงใช้พวกเขาเป็นแบบอย่างให้กับเหล่าอัครสาวกในภาพ The Last Supper การสังเกตของเขาไม่ได้จำกัดเฉพาะมนุษย์เท่านั้น เขาขยายมันไปสู่การศึกษาสัตว์และพืชอย่างละเอียด ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของเขาคือ Virgin of the Rocks กล่าวกันว่าพรรณนาถึงพืชต่างๆ หลายร้อยชนิดจากการศึกษาของเขา งานเขียนของเขาที่เสร็จสมบูรณ์จะทำใน 'กระจกเขียน' ('mirror writing') ที่กลับด้านจากขวาไปซ้าย สามารถถอดรหัสอ่านออกมาได้ด้วยกระจกเท่านั้น
ธรรมชาติที่เรียกร้องต้องการและอุปนิสัยที่ซับซ้อนทำให้เพื่อนส่วนใหญ่เขาไป และบางคนถึงกับฆ่าตัวตายอย่างน่าสลดใจ มีตำนานเล่าว่า เขามักจะไปสุสานในตอนกลางคืนเพื่อผ่าศพเพื่อศึกษากายวิภาคของมนุษย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่นำไปสู่การกล่าวหาว่าเป็นการใช้เวทมนตร์คาถา ความฝันตลอดชีวิตของเลโอนาร์โดซึ่งล้อมรอบด้วยความหลงใหลคือการทำให้มนุษย์บินได้ ความคิดที่รุนแรงของเขาถูกมองว่าเป็นความบ้าคลั่ง เสแสร้งทะเยอทะยานกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือไม่มีอยู่จริง เขาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ล่วงหน้า และเป็นอัจฉริยะผู้เข้าใจผิด
ในวาระสุดท้ายของเขา เขาหนีไปอยู่ในต่างแดน ในสภาพที่ดูเหมือนถูกเนรเทศ พร้อมด้วยผู้ติดตามที่ภักดีสองสามคน แต่ถูกลืมไปเสียส่วนใหญ่ ในขณะที่ชื่อเสียงของราฟาเอล (Raphael) พุ่งสูงขึ้นในกรุงโรม ความทรงจำของเลโอนาร์โดก็จางหายไป แต่ทุกวันนี้ เขากลับกลายเป็นโด่งดังเพราะชีวิตและผลงานของเขาซึ่งนักเขียนอย่างแดน บราวน์กล่าวถึงในนวนิยายยอดนิยมอย่าง The Da Vinci Code (ซึ่งสำรวจความจริงที่ซ่อนเร้นเกี่ยวกับจอกศักดิ์สิทธิ์และภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้ายโดยเลโอนาร์โด)