ฟลอเรนซ์ เป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสคานี ในประเทศอิตาลี เป็นอีกหนึ่งเมืองยอดฮิตของนักท่องเที่ยว หากจะต้องพูดถึงชื่อเสียงของเมืองฟลอเรนซ์ ก็คงจะเป็น อุตสาหากรรมเครื่องหนัง สเต็กทีโบน และพิพิธภัณฑ์หอศิลป์อุฟฟีซี เป็นต้น
กิจกรรมหลักๆในเมืองฟลอเรนซ์ ก็หนีไม่พ้นการเดินชมบ้านเมือง ศิลปะต่างๆ อีกจุดเด่นหนึ่งของเมืองนี้ คือ บ้านเรือนสีส้มอิฐที่ตั้งอยู่เรียงราย
และแน่นอนว่าเพื่อให้การเดินเที่ยวในเมืองฟลอเรนซ์นั้นง่ายขึ้น เราขอนำเสนอไกด์บุ๊คเที่ยวฟลอเรนซ์ฉบับ 2 วันทันใจ
เริ่มต้นด้วยการแนะนำการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในฟลอเรนซ์กันก่อน
การเดินทางด้วยระบบขนส่งในฟลอเรนซ์นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ รถบัสและรถทรัม โดยตั๋วของรถนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าหรือ ร้าน TABACCHI (ร้านขายบุหรี่) โดยตั๋วของระบบขนส่งนี้มีอยู่สองชนิดด้วยกัน คือ
1. SINGLE TICKET – ตั่วชนิดนี้มีราคา 1.50 ยูโร ถ้าซื้อจากร้านค้า หรือร้านบุหรี่ทั่วๆไปในเมือง แต่หากซื้อกับคนกับราคาจะอยู่ที่ 2 ยูโรทันที ตั๋วเที่ยวเดียวแบบนี้มีอายุการใช้งาน 90 นาทีหลังจากการ validate ครั้งแรก
2. 10 TICKETS – ถ้าซื้อตั๋วแบบเป็นแพกเกจ 10 ใบ ราคาเฉลี่ยของตั๋วจะถูกลงมา โดยจะมีราคาอยู่ที่ 14 ยูโรสำหรับตั๋ว 10 ใบ
เริ่มต้นแพลนเที่ยวกันเลยดีกว่า
วันที่ 1 – มหาวิหารฟลอเรนซ์ พิพิภัณฑ์หอศิลป์ สะพานเวคคิโอ และแวะกินสเต็กทีโบน
1. Cathedral of Santa Maria del Flore – มหาวิหารฟลอเรนซ์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Duomo (ดูโอโม่) ชื่ออย่างเป็นทางการของมหาวิหารนี้ คือ Cattedrale di Santa Maria del Fiore หากมองจากภาพด้านลองนี้ก็จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเหมือนกับภาพวาด โดยสถานที่แห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 140 ปี ด้านนอกมีการเล่นสีหลัก 3 สี คือ สีขาว สีเขียว และสีแดง ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการสร้างนั้นใช้หินอ่อนเป็นหลัก ส่วนตัวโดมนั้นมีการจัดการแข่งขันการออกแบบ โดยผู้ที่ชนะการออกแบบ คือ Filippo Brunelleschi ซึ่งได้ออกแบบโดมลักษณะแปดเหลี่ยมที่สร้างค่อนข้างยาก เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวก และจำเป็นต้องสร้างด้วยอิฐที่ไม่มีกำแพงรองรับภายนอก
หากไปถึงที่วิหารแห่งนี้แล้ว เราขอแนะนำให้เดินขึ้นไปที่ด้านบนของโดมโดยใช้บันได 463 ขั้น เพื่อขึ้นไปชมวิวของมืองฟลอเรนซ์ ปกติแล้วการเข้าชมตัววิหารนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากต้องการขึ้นไปด้านบนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ข้อควรระวัง คือ ในระหว่างที่เดินชมวิหารแห่งนี้ให้เฝ้าระวังของมีค่าส่วนตัวให้ดี เพราะว่าอาจจะมีนักล้วงกระเป๋าที่ไม่หวังดี นอกจากนี้อาจจะพลาดเดินไปเหยียบผลงานของศิลปินริมทาง ซึ่งถ้าพลาดไปหล่ะก็แนะนำว่าให้ร้องขอความช่วยเหลือจากคนในบริเวณนั้น ไม่งั้นก็อาจจะต้องควักเงินออกมาจ่ายให้กับศิลปินกลุ่มนี้
ที่อยู่: Via della Canonica, 1, Firenze
เวลาทำการ: โบสถ์ Santa Maria del Fiore 10:00-16:30 / หลังคาโดม 08:30-19:00 / พิพิธภัณฑ์ Opera of Saint Maria of Fiore 09:00-19:00 (ปิดทุกวันอังคารแรกของเดือน) / หอระฆัง Giotto 08:15-19:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 18€ / เด็กอายุระหว่าง 6-11 ปี 5€ / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / จองตั๋วล่วงหน้าจ่ายเพิ่ม 2€ ต่อคน
เว็บไซต์: www.grandemuseodelduomo.waf.it
2. UFFIZI GALLERY – พิพิธภัณฑ์หอศิลป์อุฟฟีซี คำว่า Uffizi ในภาษาอิตาเลียนมีความหมายว่า ออฟฟิศ ซึ่งก็สอดคล้องกับที่มาของอาคารหอศิลป์แห่งนี้ เนื่องจากเคยใช้เป็นสำนักงานสำหรับ Administrative Office of the Republic of Florence มาก่อน ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมภาพวาดมากมายตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ (Renaissance) ไปจนถึงบาโรค(Baroque) และโรโคโค (Rococo) ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงภาพเขียนกว่า 2,500 ชิ้น
ภาพวาดดังๆจะได้รับการจัดแสดงอยู่ที่ชั้น 3 โดยภาพวาดดังๆที่ไม่ควรพลาด คือ Primavera และ The Birth of Venus โดย Botticelli, The Duke and Duchess of Urbino โดย Piero della Francesca, The Trinity, the Virgin and Two Saints โดย Luca Signorelli และ Annunciation โดย Leonardo da Vinci
ภาพ Primavera
ภาพ The Duke and Duchess of Urbino โดย Piero della Francesca
ภาพ The Trinity, the Virgin and Two Saints โดย Luca Signorelli
ภาพ Annunciation โดย Leonardo da Vinci
ที่อยู่: Piazzale degli Uffizi, 6, 50122 Firenze FI
เวลาทำการ: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 08:15-18:50 (ปิดทุกวันจันทร์ วันที่ 1 มกราคมและวันที่ 25 ธันวาคม)
ราคา: เดือนมีนาคมถึงตุลาคม ผู้ใหญ่ 20€ / เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ผู้ใหญ่ 12€ / พลเมืองยุโรปอายุระหว่าง 18-25 ปี 2€ / เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี / จองตั๋วล่วงหน้าจ่ายเพิ่ม 4€ ต่อคน (แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อล่นเวลาในการรอคิว)
เว็บไซต์: www.uffizi.it
3. ร้านอาหาร OSTERIA SANTO SPIRITO – เดินเที่ยวชมศิลปะเสร็จสิ้น ก็พักทานอาหารกลางวันกันก่อน โดยร้านอาหารแห่งนี้มีจุดเด่น คือ เส้นพาสต้าที่ทำเอง โดยที่ตั้งของร้านนั้นอาจจะไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสักหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทาง ทั้งบรรยากาศของความเป็นท้องถิ่นและรสชาติอาหารแบบอิตาเลียน
เมนูของร้านนั้นมีให้เลือกมากมาย ทั้งสปาเก็ตตี้หอยลาย (Vongole) สเต็กทีโบน หรือเมนูยอกกี้ (Gnocchi) ชื่อนี้อาจจะยังไม่คุ้นหู ยอกกี้คือพาสต้าที่ทำมาจากแป้งมันฝรั่ง นำไปอบพร้อมชีส มีความเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นชีสฟุ้ง อร่อยสุดๆ
ที่อยู่: Piazza Santo Spirito, 16/R, 50125 Firenze
การเดินทาง: รถบัสสาย C4 สถานี Santo Spirito หรือเดินเท้า 7 นาทีจากสะพาน Ponte Vecchio
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-23:30
4. PONTE VECCHIO – สะพานเวคคิโอ หากแปลตรงตัว ชื่อของสะพานแห่งนี้ก็จะหมายถึง "สะพานเก่า" โดยสะพานนี้นั้นตั้งอยาบนแม่น้ำอาร์โน (Arno) สะพานแห่งนี้เชื่อม หอศิลป์อุฟฟีซีเข้ากับPetit Palace โดยในอดีตบนสะพานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านขายเนื้อและได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านขายเครื่องประดับ เพชรนิลจินดา และงานศิลปะราคาแพงในปัจจุบัน
นอกจากนี้สะพานแห่งนี้ยังเกี่ยวของกับเรื่องราวความรักของ Dante จากงานเขียนเรื่อง Divine Comedy อีกด้วย โดยเรื่องเล่านี้มีอยู่ว่า เมื่อ Dante มีอายุได้ 9 ปี เขาได้พบกับหญิงสาวรูปงามชื่อว่า Beatrice ที่งานเทศกาลและได้ตกหลุกแม่หล่อนเข้าอย่างจัง 9 ปีหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมาพบกับหญิงสาวผู้นี้อีกครั้ง ณ สะพานแห่งนี้
ที่อยู่: Ponte Vecchio, 50125 Firenze FI
5. REPUBLIC SQUARE – จัตุรัสรีพับลิค ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิหารฟลอเรนซ์ จุดเด่นของที่นี่คือ ม้าหมุนขนาดใหญ่ห้อมล้อมไปด้วยสถานที่ชอปปิ้งและร้านอาหาร เป็นสีสันของเมือง เนื่องมาจากนักดนตรีที่มาทำการแสดงเปิดหมวกและมอบความสุขความสนุกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ที่อยู่: Piazza della Repubblica, 50123 Firenze FI
6. คาเฟ่ CAFE GILLI – แวะพักทานกาแฟยามบ่ายกันเสียหน่อย คาเฟ่แห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1733 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจัตุรัสรีพับลิค การตกแต่งร้านคาเฟ่เน้นไปที่บรรยากาสหรูหราคลาสสิค ผสมกับเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น ราคาของกาแฟและขนมในร้านนี้อาจจะมีราคาสูงกว่าคาเฟ่อื่นๆ แต่ก็การีนตีได้ว่าเป็นอาหารรสชาติยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยคุณภาพ
ที่อยู่: Via Roma, 1r, 50123 Firenze FI
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07:30-00:00
7. ตลาดเครื่องหนังและ CENTRAL MARKET – ฟลอเรนซ์เป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งซึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องหนังคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล สินค้าเครื่องหนังมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ หรือเข็มจัด และอื่นๆ อีกมากมาย
เดินไล่มาจากตลาดเครื่องหนังก็จะพบกับ Central Market ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายวัตถุดิบ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ต้องบอกเลยว่าอาหารที่ตลาดแห่งนี้นั้นมีราคาไม่แพงสามารถอิ่มอร่อยกันได้เต็มที่
ที่อยู่: Piazza del Mercato Centrale – Via dell’Ariento, 50123 Firenze FI
เวลาทำการ: ตลาด Central Market เปิดทุกวัน 08:00-00:00 / ตลาดเครื่องหนัง เปิดทุกวัน 10:00-19:00 (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
8. ร้านอาหาร DALL'OSTE - มื้อเย็นวันนี้ ไปกินสเต็กทีโบนกัน ร้านนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 สาขาทั่วเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ว่าจะเป็นที่โบสถ์ San Lorenzo, จัตุรัสรีพับลิค และอีกที่หนึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ร้านมีการเลือกสรรวัตถุดิบอย่างดี โดยทั่วไปแล้วสเต็กทีโบนจะเสิร์ฟ 1 กิโลกรัมต่อ 1 คน ซึ่งอาจจะเป็นปริมาณที่เยอะเกินไปสำหรับคนไทย ถ้าหากคุณกำลังจะออกเดินทางไปเที่ยวคนเดียว คุณสามารถสั่งเซ็ตเมนูอาหารกลางวันได้ ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่าและมีในปริมาณที่เหมาะสม
ที่อยู่: Borgo S. Lorenzo, 31r, 50122 Firenze FI (San Lorenzo)
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00-22:30
เว็บไซต์: www.trattoriadalloste.com
ไกด์บุ๊คเที่ยวฟลอเรนซ์ – แพลนเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ฉบับ 2 วันทันใจ
กิจกรรมหลักๆในเมืองฟลอเรนซ์ ก็หนีไม่พ้นการเดินชมบ้านเมือง ศิลปะต่างๆ อีกจุดเด่นหนึ่งของเมืองนี้ คือ บ้านเรือนสีส้มอิฐที่ตั้งอยู่เรียงราย
เริ่มต้นด้วยการแนะนำการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในฟลอเรนซ์กันก่อน
การเดินทางด้วยระบบขนส่งในฟลอเรนซ์นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ รถบัสและรถทรัม โดยตั๋วของรถนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าหรือ ร้าน TABACCHI (ร้านขายบุหรี่) โดยตั๋วของระบบขนส่งนี้มีอยู่สองชนิดด้วยกัน คือ
1. SINGLE TICKET – ตั่วชนิดนี้มีราคา 1.50 ยูโร ถ้าซื้อจากร้านค้า หรือร้านบุหรี่ทั่วๆไปในเมือง แต่หากซื้อกับคนกับราคาจะอยู่ที่ 2 ยูโรทันที ตั๋วเที่ยวเดียวแบบนี้มีอายุการใช้งาน 90 นาทีหลังจากการ validate ครั้งแรก
2. 10 TICKETS – ถ้าซื้อตั๋วแบบเป็นแพกเกจ 10 ใบ ราคาเฉลี่ยของตั๋วจะถูกลงมา โดยจะมีราคาอยู่ที่ 14 ยูโรสำหรับตั๋ว 10 ใบ
เริ่มต้นแพลนเที่ยวกันเลยดีกว่า
วันที่ 1 – มหาวิหารฟลอเรนซ์ พิพิภัณฑ์หอศิลป์ สะพานเวคคิโอ และแวะกินสเต็กทีโบน
ที่อยู่: Via della Canonica, 1, Firenze
เวลาทำการ: โบสถ์ Santa Maria del Fiore 10:00-16:30 / หลังคาโดม 08:30-19:00 / พิพิธภัณฑ์ Opera of Saint Maria of Fiore 09:00-19:00 (ปิดทุกวันอังคารแรกของเดือน) / หอระฆัง Giotto 08:15-19:00
ราคา: ผู้ใหญ่ 18€ / เด็กอายุระหว่าง 6-11 ปี 5€ / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าฟรี / จองตั๋วล่วงหน้าจ่ายเพิ่ม 2€ ต่อคน
เว็บไซต์: www.grandemuseodelduomo.waf.it
2. UFFIZI GALLERY – พิพิธภัณฑ์หอศิลป์อุฟฟีซี คำว่า Uffizi ในภาษาอิตาเลียนมีความหมายว่า ออฟฟิศ ซึ่งก็สอดคล้องกับที่มาของอาคารหอศิลป์แห่งนี้ เนื่องจากเคยใช้เป็นสำนักงานสำหรับ Administrative Office of the Republic of Florence มาก่อน ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมภาพวาดมากมายตั้งแต่ยุคเรเนซองส์ (Renaissance) ไปจนถึงบาโรค(Baroque) และโรโคโค (Rococo) ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงภาพเขียนกว่า 2,500 ชิ้น
เวลาทำการ: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ 08:15-18:50 (ปิดทุกวันจันทร์ วันที่ 1 มกราคมและวันที่ 25 ธันวาคม)
ราคา: เดือนมีนาคมถึงตุลาคม ผู้ใหญ่ 20€ / เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ผู้ใหญ่ 12€ / พลเมืองยุโรปอายุระหว่าง 18-25 ปี 2€ / เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี / จองตั๋วล่วงหน้าจ่ายเพิ่ม 4€ ต่อคน (แนะนำให้จองล่วงหน้าเพื่อล่นเวลาในการรอคิว)
เว็บไซต์: www.uffizi.it
3. ร้านอาหาร OSTERIA SANTO SPIRITO – เดินเที่ยวชมศิลปะเสร็จสิ้น ก็พักทานอาหารกลางวันกันก่อน โดยร้านอาหารแห่งนี้มีจุดเด่น คือ เส้นพาสต้าที่ทำเอง โดยที่ตั้งของร้านนั้นอาจจะไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสักหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการเดินทาง ทั้งบรรยากาศของความเป็นท้องถิ่นและรสชาติอาหารแบบอิตาเลียน
ที่อยู่: Piazza Santo Spirito, 16/R, 50125 Firenze
การเดินทาง: รถบัสสาย C4 สถานี Santo Spirito หรือเดินเท้า 7 นาทีจากสะพาน Ponte Vecchio
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 12:00-23:30
4. PONTE VECCHIO – สะพานเวคคิโอ หากแปลตรงตัว ชื่อของสะพานแห่งนี้ก็จะหมายถึง "สะพานเก่า" โดยสะพานนี้นั้นตั้งอยาบนแม่น้ำอาร์โน (Arno) สะพานแห่งนี้เชื่อม หอศิลป์อุฟฟีซีเข้ากับPetit Palace โดยในอดีตบนสะพานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านขายเนื้อและได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านขายเครื่องประดับ เพชรนิลจินดา และงานศิลปะราคาแพงในปัจจุบัน
ที่อยู่: Ponte Vecchio, 50125 Firenze FI
5. REPUBLIC SQUARE – จัตุรัสรีพับลิค ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวิหารฟลอเรนซ์ จุดเด่นของที่นี่คือ ม้าหมุนขนาดใหญ่ห้อมล้อมไปด้วยสถานที่ชอปปิ้งและร้านอาหาร เป็นสีสันของเมือง เนื่องมาจากนักดนตรีที่มาทำการแสดงเปิดหมวกและมอบความสุขความสนุกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา
6. คาเฟ่ CAFE GILLI – แวะพักทานกาแฟยามบ่ายกันเสียหน่อย คาเฟ่แห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1733 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจัตุรัสรีพับลิค การตกแต่งร้านคาเฟ่เน้นไปที่บรรยากาสหรูหราคลาสสิค ผสมกับเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น ราคาของกาแฟและขนมในร้านนี้อาจจะมีราคาสูงกว่าคาเฟ่อื่นๆ แต่ก็การีนตีได้ว่าเป็นอาหารรสชาติยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยคุณภาพ
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07:30-00:00
7. ตลาดเครื่องหนังและ CENTRAL MARKET – ฟลอเรนซ์เป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งซึ่งที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องหนังคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล สินค้าเครื่องหนังมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ หรือเข็มจัด และอื่นๆ อีกมากมาย
เวลาทำการ: ตลาด Central Market เปิดทุกวัน 08:00-00:00 / ตลาดเครื่องหนัง เปิดทุกวัน 10:00-19:00 (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
8. ร้านอาหาร DALL'OSTE - มื้อเย็นวันนี้ ไปกินสเต็กทีโบนกัน ร้านนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 สาขาทั่วเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ว่าจะเป็นที่โบสถ์ San Lorenzo, จัตุรัสรีพับลิค และอีกที่หนึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ร้านมีการเลือกสรรวัตถุดิบอย่างดี โดยทั่วไปแล้วสเต็กทีโบนจะเสิร์ฟ 1 กิโลกรัมต่อ 1 คน ซึ่งอาจจะเป็นปริมาณที่เยอะเกินไปสำหรับคนไทย ถ้าหากคุณกำลังจะออกเดินทางไปเที่ยวคนเดียว คุณสามารถสั่งเซ็ตเมนูอาหารกลางวันได้ ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่าและมีในปริมาณที่เหมาะสม
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 11:00-22:30
เว็บไซต์: www.trattoriadalloste.com