เวนิสเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็น destination อันดับต้นๆของโลก เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์โด่ดเด่น และคงจะต้องไปสักครั้งในชีวิต
แต่ไปครั้งเดียวก็พอ เพราะถึงแม้ว่าเวนิสจะเป็นเมืองที่สวย แต่ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว รวมถึงชาวเมืองอิตาเลียนที่อาศัยอยู่จริงๆก็น้อยลงทุกวัน เหลือแต่คนที่ทำการค้าขายกับนักท่องเที่ยว ส่วนบางคนที่เคยไปเวนิสจะบอกว่าน้ำเน่าและเหม็น ตัวเบนเอง ไปมาแล้วน่าจะสัก 8 ครั้ง ยังไม่เคยเจอน้ำเหม็น พวกที่เคยเจอน้ำเหม็น น่าจะไปตอนช่วงหน้าร้อน เพราะเบนเองไม่เคยไปตอนหน้าร้อน
ก็เริ่มกันด้วยไปเที่ยวเวนิสช่วงไหนดีที่สุดละกัน อย่างที่บอกว่าเบนไม่เคยไปหน้าร้อน เพราะว่าหน้าร้อน ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเมืองนอก แต่หน้าร้อนเค้ามันก็ร้อนเหมือนกันนั้นแหละ เป็นร้อนแห้ง ที่สำคัญคือหน้าร้อนเป็นช่วง High Season นักท่องเที่ยวจะเยอะที่สุดในรอบปี ปกติเบนจะไปช่วง Mid season คือช่วงประมาณ เดือน 3-5 และ 9-11 เวนิสเป็นเมืองนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นแถบจะไม่ต้องห่วงว่าจะเจอช่วงปิดเหมือนเมืองอื่นของอิตาลี อย่างเดือนสิงหาคมและช่วงหน้าหนาว เวนิสเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าหลีกเลี่ยงหน้าร้อนได้ คือช่วงเดือน 6-8 ควรหลีกเลี่ยง เพราะคนจะเยอะมาก แบบเดินตัวติดกัน ถ่ายรูปก็จะไม่สวย น้ำก็จะเหม็น(มั้ง)
อีกช่วงหนึ่งที่ถ้าใครชอบงานเทศกาลก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ คือเทศกาลงาน Machere หรือ Masquerade หรืองานสวมหน้ากาก ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาะเวนิสช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เบนเองก็เคยคิดจะไปงานเหมือนกัน แต่สู้ค่าโรงแรมไม่ไหว เพราะปกติโรงแรมที่เวนิสแพงแบบไม่สมเหตุผลอยู่แล้ว นี่แพงขึ้นไปอีกสามเท่า และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งปี เลยขอบาย แต่ถ้าใครได้มีโอกาสได้ไปก็คงจะสนุกดี เพื่อนที่ไปมาเล่าว่า เค้าจะมีปาตี้กันทุกเย็น แต่ละวันก็จะคนละสถานที่ แล้วก็นั่งเรือใส่หน้ากาก แต่งตัวกันออกไปปาตี้
เมื่อพูดถึงเรื่องโรงแรมก็มาต่อกันเรื่องที่พักบนเกาะเวนิส แต่ใครยังไม่ทราบเวนิสเป็นคนนะคะ หรือจะเรียกว่าเป็นหมู่เกาะ เพราะมีเกาะหลายๆเกาะอยู่กันเป็นกลุ่ม และเชื่อมกันด้วยสะพานจำนวนมาก เพราะเค้ามีคลองเยอะ ก็อย่างที่รู้ๆ อ๋อ อีกอย่างที่จะแนะนำคือให้ซื้อหนังสือท่องเที่ยว เพราะแค่อ่าน blog นี้คงไม่พอ 555 ก่อนจะไปถึงเรื่องโรงแรมเอาเป็นว่าจะเข้าไปเกาะเวนิสได้ยังไงก่อนดีกว่า การไปเกาะเวนิส หลักๆเลยคือนั่งรถไฟ หรือรถยนก็เข้าไปได้เหมือนกัน เข้าจะมีเกาะแนวหน้าสำหรับเป็นที่จอดรถ แต่รถจะเข้าไปบนเกาะจริงๆไม่ได้ การสัญจรบนเกาะทั้งหมดคือการเดิน หรือนั่งเรือเท่านั้น
สมัยก่อน เค้าจะนั่งต้องนั่งเรือกันเข้ามาทั้งนั้น(เห็นผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟัง) แต่น่าจะสิบกว่าปีมาแล้วที่เบนไปเวนิสครั้งแรกกับครอบครัว ก็นั่งรถเข้ามาแล้วนะคะ นั่งเรือได้อย่างเดียวน่าจะนานมากกแล้ว แต่ตอนนี้นั่งเรือเข้ามาก็ได้อยู่ แต่จะใช้เวลานานกว่าพอสมควร ถ้าใครมาจากสนามบิน Marco Polo นั่ง Taxi Boat เข้ามาน่าจะประมาณ 100 euro/up to 4 people หรือนั่งเรือเมล์เข้ามาก็ประหยัดหน่อย แต่ก็ต้องดูรอบเรือดีดี www.alilaguna.com โดยส่วนตัวเบนไม่ค่อยชอบนั่งเรือเมล์ที่เวนิสเท่าไหร เพราะ stop มันเยอะมาก ต้องจอดบ่อย คนก็เยอะ ขับก็ช้า เสียงดัง เหม็นเครื่อง ถ้าเป็นไปได้ และมีงบ นั่ง taxi boat ดีกว่าค่ะ สำหรับบนตัวเกาะเองนะคะ ราคาก็ขึ้นอยู่กับว่าจะไปไหน การนั่ง taxi boat ก็ได้บรรยากาศดี เพราะว่า เค้าสามารถเข้าคลองเล็กได้ บอกเค้าให้พาทัวร์เลยก็ได้ แต่บริการบนเกาะนี้ทั้งหมด เค้าคาดหวังว่าจะต้องได้ tips นะคะ เพราะถูก spoiled by American, taxi boat หาไม่ยาก เรียกได้ทุกท่า ส่วนเรือเมล์ สามารถดูข้อมูลได้ที่ www.atvo.it
โอเคมาถึงเรื่องโรงแรม คือ เบนไม่แนะนำให้ฟังบนเกาะ เบนไม่เคยพาลูกค้ามานอนที่ Venice เลย เพราะอย่างที่บอกโรงแรม over price แบบไม่สมเหตุผลมาก โรงแรมที่อิตาลี เมืองใหญ่ๆแพงมากอยู่แล้ว แต่ Venice ขอยกให้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะแพงกว่าเค้าเพื่อน โรงแรมยังเก่า และเล็กอีก (ดีๆมันก็คงมีบ้าง แต่หายาก นี่คือพูดถึงส่วนใหญ่นะคะ) แถมที่สำคัญคือถ้ามีกระเป๋าเดินทางลำบากมาก แต่ถ้าคุณมีตัง ทุกสิ่งมันก็ง่ายอยู่แล้ว เพราะเค้ามีบริการขนกระเป๋าไปส่งที่โรงแรม น่าจะใบละประมาณ €10 ถ้าไม่งั้นต้องขนเอง เดินขึ้นลงสะพาน ฝ่าผู้คน เวลาเห็นคนเดินลากกระเป๋าในเวนิสแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน เพราะแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว โดยปกติที่พาลูกค้าเที่ยว เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนโรงแรมบ่อย ก็จะพามาเที่ยวเวนิส เป็น Day Trip จาก Verona นั่งรถไฟหรือนั่งรถมา แล้วแต่กลุ่ม แต่ถ้าเที่ยวกับเพื่อน(พาเพื่อนมาเที่ยว)สบายน้อยกว่าเดินทางกับลูกค้านิดนึง(ถึงมาก) ก็จะมานอนที่เมือง Mestre (ซึ่งเป็นได้แค่ที่ซุกหัวนอน เพราะไม่มีโรงแรมดีดี) แล้วนั่งรถไฟ หรือ Bus เข้าเมืองเวนิส 10-15 นาทีก็ถึง ราคาแค่ €2.50 ซึ่งสะดวกและสบายกระเป๋า(ตัง)มาก ถ้ามีเงินเยอะ อยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ นอนบนเกาะก็ได้ เลือกโรงแรมดีดี ห้องธรรมดาน่าจะคืนละ €400 up แต่ดูตำแหน่ง ขนาดห้อง และสภาพโรงแรมหน่อยนะคะ เพราะโรงแรมบนเกาะส่วนมากจะเก่า ลงจากล่ารถขึ้น taxi boat ไปโรงแรมเลย สบายๆ
เที่ยวกับเพื่อนรูปจัดเต็ม (เที่ยวกับลูกค้า บางทีเกรงใจ แค่บางทีนะคะ 555)
การเดินทางบนเกาะ คือต้องเดินอย่างเดียวนะคะ และเดินเยอะมากๆ ตรอกซอกซอยเต็มไปหมด โคดหลงทาง ตัวเบนคิดที่คิดว่าตัวเองแน่แล้วเรื่อง sense of direction ยังต้องพึ่ง google map ทุกครั้ง แบบว่า เปิด navigation ให้มันบอกพาไปเลย เพราะบางทีเดินไปถูกทางแต่ไม่มีสะพานก็ข้ามไม่ได้ ต้องย้อนกลับไปใหม่ ถ้าโทรศัพท์ตายคงติดเกาะ ล้อเล่น ไม่ถึงขนาดนั้น แต่คงเดินจนขาลาก เพราะขนาดตามคุณกู(เกิ้ล) แล้ว ตกเย็นแถบสลบ
เส้นทางแนะนำในการเที่ยวเกาะเวนิส สำหรับ Day Trip
1. เมื่อถึงเกาะแล้วไม่ว่าจะมาถึงตรงส่วนไหน แนะนำว่าให้ตามหา dock เพื่อจ้าง taxi boat แต่บอกเค้าว่าขอเป็น island tour แล้วให้ไปจบที่ Piazza San Marco ถ้าตรงๆเลยแบบไม่มีทัวร์ จากแถวที่จอดรถ(Piazza Roma) หรือจากหน้าสถานีรถไฟ ไป San Marco จะราคาประมาณ €50 แต่ถ้าแบบอ้อมๆ ก็น่าจะ 80-150€ ก็คุยกับเค้าก่อนว่าราคาเท่าไหร
2. เรือ Gondola ไม่ต้องนั่ง เอาเงินมานั่ง Taxi Boat แทน คุ้มกว่าเยอะ นั่งเรือ Gondola คือ เป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากทำ เรือเค้าจะมี route ที่ fix ไว้แล้ว ทุกคนไปทางเดียวกัน เรือขับต่อๆกันไป มีนักท่องเที่ยวคนอื่นยืนมองเราอยู่บนฝั่ง ได้นั่งประมาณ 15-20 นาที ราคาประมาณ 50-80 euro ถ้าโชคดีหน่อยคนพายเรืออาจจะร้องเพลงให้เพลงนึงหวัง
tip
3. Piazza San Marco เป็น square หลักที่ต้องไป และเบนแนะนำให้เข้าไปในวิหาร San Marco ด้วยเพราะข้างในสวย เพดานทำจาก Mosaque สีทอง แต่ควรจองตั๋วแบบลัดคิวไปด้วย ticket
4. หลังจาก San Marco เสร็จ ให้ไปเดินผ่าน Rialto Bridge แต่ก่อนเดินผ่านหรือหลังเดินผ่าน เดินริมน้ำออกไปหน่อยเพื่อดูสะพานด้วยค่ะ เพราะ ประเด็นคือสะพานสวย เดินผ่านอย่างเดียวไม่เห็น
5. ถ้าใครมีแรงและเวลาเหลือ ก่อนจะไป Riato Bridge ให้แวะที่ Ponte dell'Accademia ก็ดีค่ะ เป็นสะพานไม้ขนาดใหญ่ 1 ใน 4 สะพาน เหนือ Grand Canal
6. ให้ Mr.Goo พาเดินกลับที่ขึ้นรถ เพราะแค่นี้ก็น่าจะหมดเวลาแล้ว
สำหรับเรื่องของกิน บนเกาะนั้นค่อยข้างยากที่จะหาของอร่อย ได้แค่ระดับ OK สามารถอ่านเรื่องของ กินบนเกาะ Venice ได้ที่นี่
https://fovefood.wordpress.com/2014/05/05/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%95%E0%B8%AD/
เวลาไปเที่ยวที่นี่ต้องระวังโดนล้วงกระเป๋านะคะ เวลาดูซื้อของ หรืออยู่ในที่ๆคนแน่น
ขอให้เที่ยวอิตาลีให้สนุกค่ะ ถ้าให้สนุกกว่า เอาเบนไปด้วย 555
ลืม นอกเหนือจากเกาะเวนิสแล้ว ยังมีเกาะที่คนชอบไปอีกคือ เกาะ Murano ซึ่งเป็นเกาะเป่าแก้ว แต่ว่ามันน่าเบื่อแล้ว ดูเป่าแก้วช่อง discovery channel นี่ inside กว่าอีก เกาะที่เบนคิดว่าน่าสนใจมากกว่าคือเกาะ Burano ซึ่งสีสวยมาก ไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ แต่ถ้าให้แนะนำเรื่องอีกยาว (ประเด็นคือขี้เกียจเขียนแล้ว) ถ้าหายขี้เกียจแล้วเดี่ยวจะมาเขียนตอนต่อนะคะ แต่ว่าแนะนำว่าซื้อ Lonely Planet จะดีกว่า 555
แนะนำ/พาเที่ยว Venice, Italy แบบไม่เหนื่อย
แต่ไปครั้งเดียวก็พอ เพราะถึงแม้ว่าเวนิสจะเป็นเมืองที่สวย แต่ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว รวมถึงชาวเมืองอิตาเลียนที่อาศัยอยู่จริงๆก็น้อยลงทุกวัน เหลือแต่คนที่ทำการค้าขายกับนักท่องเที่ยว ส่วนบางคนที่เคยไปเวนิสจะบอกว่าน้ำเน่าและเหม็น ตัวเบนเอง ไปมาแล้วน่าจะสัก 8 ครั้ง ยังไม่เคยเจอน้ำเหม็น พวกที่เคยเจอน้ำเหม็น น่าจะไปตอนช่วงหน้าร้อน เพราะเบนเองไม่เคยไปตอนหน้าร้อน
ก็เริ่มกันด้วยไปเที่ยวเวนิสช่วงไหนดีที่สุดละกัน อย่างที่บอกว่าเบนไม่เคยไปหน้าร้อน เพราะว่าหน้าร้อน ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเมืองนอก แต่หน้าร้อนเค้ามันก็ร้อนเหมือนกันนั้นแหละ เป็นร้อนแห้ง ที่สำคัญคือหน้าร้อนเป็นช่วง High Season นักท่องเที่ยวจะเยอะที่สุดในรอบปี ปกติเบนจะไปช่วง Mid season คือช่วงประมาณ เดือน 3-5 และ 9-11 เวนิสเป็นเมืองนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นแถบจะไม่ต้องห่วงว่าจะเจอช่วงปิดเหมือนเมืองอื่นของอิตาลี อย่างเดือนสิงหาคมและช่วงหน้าหนาว เวนิสเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าหลีกเลี่ยงหน้าร้อนได้ คือช่วงเดือน 6-8 ควรหลีกเลี่ยง เพราะคนจะเยอะมาก แบบเดินตัวติดกัน ถ่ายรูปก็จะไม่สวย น้ำก็จะเหม็น(มั้ง)
อีกช่วงหนึ่งที่ถ้าใครชอบงานเทศกาลก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ คือเทศกาลงาน Machere หรือ Masquerade หรืองานสวมหน้ากาก ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาะเวนิสช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เบนเองก็เคยคิดจะไปงานเหมือนกัน แต่สู้ค่าโรงแรมไม่ไหว เพราะปกติโรงแรมที่เวนิสแพงแบบไม่สมเหตุผลอยู่แล้ว นี่แพงขึ้นไปอีกสามเท่า และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งปี เลยขอบาย แต่ถ้าใครได้มีโอกาสได้ไปก็คงจะสนุกดี เพื่อนที่ไปมาเล่าว่า เค้าจะมีปาตี้กันทุกเย็น แต่ละวันก็จะคนละสถานที่ แล้วก็นั่งเรือใส่หน้ากาก แต่งตัวกันออกไปปาตี้
เมื่อพูดถึงเรื่องโรงแรมก็มาต่อกันเรื่องที่พักบนเกาะเวนิส แต่ใครยังไม่ทราบเวนิสเป็นคนนะคะ หรือจะเรียกว่าเป็นหมู่เกาะ เพราะมีเกาะหลายๆเกาะอยู่กันเป็นกลุ่ม และเชื่อมกันด้วยสะพานจำนวนมาก เพราะเค้ามีคลองเยอะ ก็อย่างที่รู้ๆ อ๋อ อีกอย่างที่จะแนะนำคือให้ซื้อหนังสือท่องเที่ยว เพราะแค่อ่าน blog นี้คงไม่พอ 555 ก่อนจะไปถึงเรื่องโรงแรมเอาเป็นว่าจะเข้าไปเกาะเวนิสได้ยังไงก่อนดีกว่า การไปเกาะเวนิส หลักๆเลยคือนั่งรถไฟ หรือรถยนก็เข้าไปได้เหมือนกัน เข้าจะมีเกาะแนวหน้าสำหรับเป็นที่จอดรถ แต่รถจะเข้าไปบนเกาะจริงๆไม่ได้ การสัญจรบนเกาะทั้งหมดคือการเดิน หรือนั่งเรือเท่านั้น
สมัยก่อน เค้าจะนั่งต้องนั่งเรือกันเข้ามาทั้งนั้น(เห็นผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟัง) แต่น่าจะสิบกว่าปีมาแล้วที่เบนไปเวนิสครั้งแรกกับครอบครัว ก็นั่งรถเข้ามาแล้วนะคะ นั่งเรือได้อย่างเดียวน่าจะนานมากกแล้ว แต่ตอนนี้นั่งเรือเข้ามาก็ได้อยู่ แต่จะใช้เวลานานกว่าพอสมควร ถ้าใครมาจากสนามบิน Marco Polo นั่ง Taxi Boat เข้ามาน่าจะประมาณ 100 euro/up to 4 people หรือนั่งเรือเมล์เข้ามาก็ประหยัดหน่อย แต่ก็ต้องดูรอบเรือดีดี www.alilaguna.com โดยส่วนตัวเบนไม่ค่อยชอบนั่งเรือเมล์ที่เวนิสเท่าไหร เพราะ stop มันเยอะมาก ต้องจอดบ่อย คนก็เยอะ ขับก็ช้า เสียงดัง เหม็นเครื่อง ถ้าเป็นไปได้ และมีงบ นั่ง taxi boat ดีกว่าค่ะ สำหรับบนตัวเกาะเองนะคะ ราคาก็ขึ้นอยู่กับว่าจะไปไหน การนั่ง taxi boat ก็ได้บรรยากาศดี เพราะว่า เค้าสามารถเข้าคลองเล็กได้ บอกเค้าให้พาทัวร์เลยก็ได้ แต่บริการบนเกาะนี้ทั้งหมด เค้าคาดหวังว่าจะต้องได้ tips นะคะ เพราะถูก spoiled by American, taxi boat หาไม่ยาก เรียกได้ทุกท่า ส่วนเรือเมล์ สามารถดูข้อมูลได้ที่ www.atvo.it
โอเคมาถึงเรื่องโรงแรม คือ เบนไม่แนะนำให้ฟังบนเกาะ เบนไม่เคยพาลูกค้ามานอนที่ Venice เลย เพราะอย่างที่บอกโรงแรม over price แบบไม่สมเหตุผลมาก โรงแรมที่อิตาลี เมืองใหญ่ๆแพงมากอยู่แล้ว แต่ Venice ขอยกให้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะแพงกว่าเค้าเพื่อน โรงแรมยังเก่า และเล็กอีก (ดีๆมันก็คงมีบ้าง แต่หายาก นี่คือพูดถึงส่วนใหญ่นะคะ) แถมที่สำคัญคือถ้ามีกระเป๋าเดินทางลำบากมาก แต่ถ้าคุณมีตัง ทุกสิ่งมันก็ง่ายอยู่แล้ว เพราะเค้ามีบริการขนกระเป๋าไปส่งที่โรงแรม น่าจะใบละประมาณ €10 ถ้าไม่งั้นต้องขนเอง เดินขึ้นลงสะพาน ฝ่าผู้คน เวลาเห็นคนเดินลากกระเป๋าในเวนิสแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน เพราะแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว โดยปกติที่พาลูกค้าเที่ยว เพื่อไม่ให้ต้องเปลี่ยนโรงแรมบ่อย ก็จะพามาเที่ยวเวนิส เป็น Day Trip จาก Verona นั่งรถไฟหรือนั่งรถมา แล้วแต่กลุ่ม แต่ถ้าเที่ยวกับเพื่อน(พาเพื่อนมาเที่ยว)สบายน้อยกว่าเดินทางกับลูกค้านิดนึง(ถึงมาก) ก็จะมานอนที่เมือง Mestre (ซึ่งเป็นได้แค่ที่ซุกหัวนอน เพราะไม่มีโรงแรมดีดี) แล้วนั่งรถไฟ หรือ Bus เข้าเมืองเวนิส 10-15 นาทีก็ถึง ราคาแค่ €2.50 ซึ่งสะดวกและสบายกระเป๋า(ตัง)มาก ถ้ามีเงินเยอะ อยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ นอนบนเกาะก็ได้ เลือกโรงแรมดีดี ห้องธรรมดาน่าจะคืนละ €400 up แต่ดูตำแหน่ง ขนาดห้อง และสภาพโรงแรมหน่อยนะคะ เพราะโรงแรมบนเกาะส่วนมากจะเก่า ลงจากล่ารถขึ้น taxi boat ไปโรงแรมเลย สบายๆ
เที่ยวกับเพื่อนรูปจัดเต็ม (เที่ยวกับลูกค้า บางทีเกรงใจ แค่บางทีนะคะ 555)
การเดินทางบนเกาะ คือต้องเดินอย่างเดียวนะคะ และเดินเยอะมากๆ ตรอกซอกซอยเต็มไปหมด โคดหลงทาง ตัวเบนคิดที่คิดว่าตัวเองแน่แล้วเรื่อง sense of direction ยังต้องพึ่ง google map ทุกครั้ง แบบว่า เปิด navigation ให้มันบอกพาไปเลย เพราะบางทีเดินไปถูกทางแต่ไม่มีสะพานก็ข้ามไม่ได้ ต้องย้อนกลับไปใหม่ ถ้าโทรศัพท์ตายคงติดเกาะ ล้อเล่น ไม่ถึงขนาดนั้น แต่คงเดินจนขาลาก เพราะขนาดตามคุณกู(เกิ้ล) แล้ว ตกเย็นแถบสลบ
เส้นทางแนะนำในการเที่ยวเกาะเวนิส สำหรับ Day Trip
1. เมื่อถึงเกาะแล้วไม่ว่าจะมาถึงตรงส่วนไหน แนะนำว่าให้ตามหา dock เพื่อจ้าง taxi boat แต่บอกเค้าว่าขอเป็น island tour แล้วให้ไปจบที่ Piazza San Marco ถ้าตรงๆเลยแบบไม่มีทัวร์ จากแถวที่จอดรถ(Piazza Roma) หรือจากหน้าสถานีรถไฟ ไป San Marco จะราคาประมาณ €50 แต่ถ้าแบบอ้อมๆ ก็น่าจะ 80-150€ ก็คุยกับเค้าก่อนว่าราคาเท่าไหร
2. เรือ Gondola ไม่ต้องนั่ง เอาเงินมานั่ง Taxi Boat แทน คุ้มกว่าเยอะ นั่งเรือ Gondola คือ เป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากทำ เรือเค้าจะมี route ที่ fix ไว้แล้ว ทุกคนไปทางเดียวกัน เรือขับต่อๆกันไป มีนักท่องเที่ยวคนอื่นยืนมองเราอยู่บนฝั่ง ได้นั่งประมาณ 15-20 นาที ราคาประมาณ 50-80 euro ถ้าโชคดีหน่อยคนพายเรืออาจจะร้องเพลงให้เพลงนึงหวัง
tip
3. Piazza San Marco เป็น square หลักที่ต้องไป และเบนแนะนำให้เข้าไปในวิหาร San Marco ด้วยเพราะข้างในสวย เพดานทำจาก Mosaque สีทอง แต่ควรจองตั๋วแบบลัดคิวไปด้วย ticket
4. หลังจาก San Marco เสร็จ ให้ไปเดินผ่าน Rialto Bridge แต่ก่อนเดินผ่านหรือหลังเดินผ่าน เดินริมน้ำออกไปหน่อยเพื่อดูสะพานด้วยค่ะ เพราะ ประเด็นคือสะพานสวย เดินผ่านอย่างเดียวไม่เห็น
5. ถ้าใครมีแรงและเวลาเหลือ ก่อนจะไป Riato Bridge ให้แวะที่ Ponte dell'Accademia ก็ดีค่ะ เป็นสะพานไม้ขนาดใหญ่ 1 ใน 4 สะพาน เหนือ Grand Canal
6. ให้ Mr.Goo พาเดินกลับที่ขึ้นรถ เพราะแค่นี้ก็น่าจะหมดเวลาแล้ว
สำหรับเรื่องของกิน บนเกาะนั้นค่อยข้างยากที่จะหาของอร่อย ได้แค่ระดับ OK สามารถอ่านเรื่องของ กินบนเกาะ Venice ได้ที่นี่ https://fovefood.wordpress.com/2014/05/05/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%95%E0%B8%AD/
เวลาไปเที่ยวที่นี่ต้องระวังโดนล้วงกระเป๋านะคะ เวลาดูซื้อของ หรืออยู่ในที่ๆคนแน่น
ขอให้เที่ยวอิตาลีให้สนุกค่ะ ถ้าให้สนุกกว่า เอาเบนไปด้วย 555
ลืม นอกเหนือจากเกาะเวนิสแล้ว ยังมีเกาะที่คนชอบไปอีกคือ เกาะ Murano ซึ่งเป็นเกาะเป่าแก้ว แต่ว่ามันน่าเบื่อแล้ว ดูเป่าแก้วช่อง discovery channel นี่ inside กว่าอีก เกาะที่เบนคิดว่าน่าสนใจมากกว่าคือเกาะ Burano ซึ่งสีสวยมาก ไปเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ แต่ถ้าให้แนะนำเรื่องอีกยาว (ประเด็นคือขี้เกียจเขียนแล้ว) ถ้าหายขี้เกียจแล้วเดี่ยวจะมาเขียนตอนต่อนะคะ แต่ว่าแนะนำว่าซื้อ Lonely Planet จะดีกว่า 555