Chevaliers De Sangreal - Hans Zimmer
The Da Vinci Code เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวลึกลับปี 2006 กำกับโดย รอน ฮาวเวิร์ด เขียนบทโดย อะคิวา โกลส์แมน และอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ แดน บราวน์ ในปี 2003 นำแสดงโดยทอม แฮงค์ส, ออเดรย์ ตาตู, เซอร์เอียน แม็คเคลเลน, อัลเฟรด โมลินา, เจอร์เก้น พรอชนาว, ฌอง เรโน และพอล เบตตานีย์ ดนตรีประกอบโดย ฮันส์ ซิมเมอร์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2007 ในสาขาเพลงบรรเลงยอดเยี่ยม ภาพยนตร์นี้มีภาคต่อชื่อว่า Angels & Demons (2009) เทวากับซาตาน ซึ่งรอน ฮาวเวิร์ดเป็นผู้กำกับเช่นกัน
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โรเบิร์ต แลงดอน ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณ์ทางศาสนาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีฆาตกรรม ฌาคส์ โซนิแยร์ ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่ตายอย่างน่าสยดสยองและมีสิ่งผิดปกติบนร่างกายของเขา ตำรวจพบรหัสลับที่น่าสงสัยและเริ่มการสอบสวน แลงดอนหลบหนีไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักวิทยาการถอดรหัสลับจากกรมตำรวจ โซฟี เนอเวอ (หลานสาวของโซนิแยร์) และพวกเขาก็เริ่มภารกิจตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เซอร์ ลีห์ ทีบบิง นักประวัติศาสตร์จอกชาวอังกฤษผู้โด่งดัง เล่าว่าจอกศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงมีการเข้ารหัสอย่างชัดเจนในภาพวาดฝาผนังของเลโอนาร์โด ดาวินชี "ภาพอาหารมื้อสุดท้าย(The Last Supper)"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นข้อขัดแย้งเช่นเดียวกับหนังสือ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากคริสตจักรคาทอลิกสำหรับข้อกล่าวหา ทฤษฎีสมคบคิดว่าอยู่เบื้องหลังการปกปิดอายุสองพันปีเกี่ยวกับสิ่งที่จอกศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเป็น และแนวความคิดที่ว่าพระเยซูคริสต์และแมรี แม็กดาเลนแต่งงานกันก่อให้เกิดลูกสาว ตลอดจนการปฏิบัติต่อองค์กร "ไพรเออรีออฟไซออน" และ "โอปุสเดอี" สมาชิกหลายคนเรียกร้องให้ฆราวาสคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้ ในหนังสือ แดน บราวน์ ระบุว่า "ไพรเออรีออฟไซออน" และ "คำอธิบายงานศิลปะ สถาปัตยกรรม เอกสาร และพิธีกรรมลับทั้งหมดในนวนิยายเรื่องนี้ถูกต้องแม่นยำ"
เรื่องย่อ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ฌาคส์ โซนิแยร์ ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ถูกซิลาส นักบวชผิวเผือกเค้นถามถึง "หลักศิลา" กุญแจซึ่งนำไปสู่จอกศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะถูกฆ่า ตำรวจพบร่างของโซนิแยร์อยู่ในลักษณะคล้ายภาพ "วิทรูเวียนแมน" ของดาวินชี และมีรูปดาวห้าแฉกบนร่างกายของศพ เบซู ฟาช สารวัตรของกรมตำรวจฝรั่งเศสเชิญตัวโรเบิร์ต แลงดอน ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณ์วิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่พักอยู่ในปารีสมายังที่เกิดเหตุ แลงดอนพบข้อความลับซึ่งอ่านได้โดยแสงยูวีเท่านั้น มันมีลำดับเลขฟีโบนัชชีที่เรียงสลับกันซ่อนอยู่ ต่อมาโซฟี เนอเวอ เจ้าหน้าที่ถอดรหัสของกรมตำรวจฝรั่งเศส และเป็นหลานสาวของโซนิแยร์ บอกแลงดอนว่าฟาชแอบติดเครื่องติดตามที่ตัวแลงดอนเพราะสงสัยว่าแลงดอนเป็นคนฆ่าโซนิแยร์ เนื่องจากมีข้อความที่โซนิแยร์เขียนไว้ก่อนตายว่า "ตามหาโรเบิร์ต แลงดอน" และฟาชลบออกก่อนที่แลงดอนจะมาถึง แลงดอนและโซฟีทำลายเครื่องติดตามและตามลำดับเลขไปที่ผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี จนแลงดอนอนุมานได้ว่าโซนิแยร์เป็นประมุขของสมาคม "ไพรเออรีออฟไซออน" ด้านซิลาสที่ทำงานให้กับบิชอปอาริงกาโรซา ประมุขนิกายโอปุสเดอีและบุคคลลึกลับนามว่า "ท่านอาจารย์" หลบซ่อนตัวอยู่
หลังลอบออกจากพิพิธภัณฑ์มาได้ แลงดอนและโซฟีไปที่ธนาคารรับฝากทรัพย์สินซูริก สาขาปารีสและเข้าถึงตู้เซฟ ของโซนิแยร์ โดยใช้ลำดับเลขฟีโบนัชชีที่ถูกต้องเป็นรหัสผ่าน ทั้งคู่พบรหัสลิขิต "คริปเท็กซ์" ซึ่งเป็นกระบอกใส่กระดาษพาไพรัสที่เข้ารหัส 5 ตัว เปิดได้โดยไม่ทำลายเนื้อหาโดยหมุนแป้นเพื่อสะกดคำรหัสเท่านั้น หากเปิดด้วยวิธีอื่น กระบอกน้ำส้มสายชูที่อยู่ภายในจะแตกและทำลายกระดาษ ทั้งคู่ได้รับความช่วยเหลือจากอังเดร แวร์เนต์ ผู้จัดการธนาคารให้หลบหนีออกจากธนาคารด้วยรถบรรทุกเมื่อธนาคารถูกตำรวจล้อม แต่ต่อมาแวร์เนต์บังคับเอารหัสลิขิตคืน แลงดอนต่อสู้เอาชนะแวร์เนต์และพาโซฟีไปหาเซอร์ลีห์ ทีบบิง ผู้เชี่ยวชาญด้านจอกศักดิ์สิทธิ์และเป็นเพื่อนของแลงดอน
ทีบบิงอธิบายให้ทั้งคู่ฟังว่า จอกศักดิ์สิทธิ์"โฮลี่เกรล" ไม่ได้หมายถึงจอกจริงๆ แต่หมายถึงแมรี แม็กดาเลน เขาบอกว่าเธอไม่ใช่โสเภณี แต่เป็นภรรยาของพระเยซูคริสต์ที่ตั้งครรภ์ระหว่างที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน และมีการก่อตั้งสมาคมไพรเออรีออฟไซออนมีหน้าที่ปกป้องสายเลือดของพระเยซู โดยมีองค์กรโอปุสเดอีคอยตามล่าพยายามทำลายจอกเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของวาติกัน ต่อมาซิลาสบุกมาที่บ้านของทีบบิงแต่ถูกทีบบิงทำร้ายจนสลบ ทั้งหมดไปที่ลอนดอนด้วยเครื่องบินส่วนตัวของทีบบิง การตีความเบาะแสที่ซ่อนอยู่ในกล่องคริปเท็กซ์ นำพวกเขาไปสู่โบสถ์เทมเพิล ซึ่งพวกเขาไม่พบอะไรเลย ด้านเรมี คนรับใช้ของทีบบิงปล่อยตัวซิลาสและบอกว่าตนคือ "ท่านอาจารย์" เขาจับทีบบิงเป็นตัวประกันและพาขึ้นรถ ต่อมาเรมีถูกทีบบิงวางยาพิษและแจ้งตำรวจให้ไปจับตัวซิลาส ซิลาสพยายามหลบหนีและยิงสู้กับตำรวจ แต่ยิงพลาดไปถูกบิชอปอาริงกาโรซา ก่อนที่ตนจะถูกตำรวจยิงตาย
แลงดอนและโซฟีเผชิญหน้ากับทีบบิงที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ หลุมศพของไอแซก นิวตัน อดีตประมุขของไพรเออรี ทีบบิงเปิดเผยว่าตนคือ "ท่านอาจารย์" และตั้งใจจะใช้ความลับเรื่องจอกศักดิ์สิทธิ์ในการทำลายวาติกัน เขาจับโซฟีเป็นตัวประกันและบังคับให้แลงดอนเปิดรหัสลิขิต แลงดอนพยายามและทำเหมือนล้มเหลวก่อนที่จะโยนคริปเท็กซ์ขึ้นไปในอากาศ ทีบบิงพุ่งเข้าหาและคว้าจับมันไว้ แต่ขวดแตกและเขาคิดว่ากระดาษพาไพรัสคงถูกทำลายไปด้วย ตำรวจมาถึงเพื่อจับกุมทีบบิง ซึ่งตอนนี้เขาเอะใจแล้วว่าแลงดอนต้องแก้ไขรหัสของคริปเท็กซ์ และนำกระดาษพาไพรัสออกก่อนที่จะโยนมัน รหัสดังกล่าวได้รับการเปิดเผยว่าเป็น "APPLE" หลังจากตีความเรื่องราวที่ไม่มีหลักฐานของแอปเปิลซึ่งทำให้นิวตันค้นพบกฎแรงโน้มถ่วงสากลของเขา เบาะแสภายในห้องใต้ดินซึ่งกล่าวถึงที่ซ่อนอยู่ของจอก "ใต้ดอกกุหลาบ" นำแลงดอนและโซฟีไปที่โบสถ์รอสลินในสกอตแลนด์
ภายในโบสถ์ พวกเขาค้นพบห้องลับที่หลุมศพของแมรี แม็กดาเลนถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว หลังจากค้นหาเอกสารต่างๆ แลงดอนก็พบว่าครอบครัวของโซฟีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน โซนิแยร์ไม่ใช่ปู่จริงๆของเธอแต่เป็นผู้ปกป้องเธอในฐานะผู้สืบเชื้อสายพระเยซู และเธอเป็นผู้สืบเชื้อสายคนสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ ทั้งสองได้รับการต้อนรับจากสมาชิกไพรออรีหลายคน รวมถึงคุณยายของโซฟีที่สัญญาว่าจะปกป้องเธอ หลังเรื่องทุกอย่างยุติ แลงดอนและโซฟีแยกทางกัน โดยที่ทั้งคู่กลับไปปารีส ขณะที่แลงดอนโกนหนวดอยู่ในห้องน้ำ เขาได้พลาดกรีดผิวเนื้อตัวเองและเกิดความอัศจรรย์ใจเมื่อเลือดของเขาไหลไปตามอ่างล้างจาน ทำให้เขานึกถึงเส้นทางกุหลาบ "โรสไลน์" เมื่อตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของเบาะแสจากคริปเท็กซ์ เขาจึงเดินตามเส้นทางโรสไลน์ไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และพบว่าแท้จริงแล้ว จอกศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ใต้พีระมิดขนาดเล็ก ใต้พีระมิดแก้วที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แลงดอนคุกเข่าลงบนนั้นทำความเคารพแม็กดาเลนเหมือนเช่นอัศวินเทมพลาร์ในอดีต และเห็นโลงศพของแมรี แม็กดาเลนอยู่ในห้องใต้ดินลับ
THE DA VINCI CODE - Official Trailer [2006]
The Da Vinci Code Trailer
(The Da Vinci Code) End Scene ft the music 'Chevaliers de Sangreal' by Hans Zimmer
ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมภาพยนตร์ เนื่องจากเนื้อหาประเด็นส่วนที่สำคัญของเรื่องมีความขัดแย้งต่อหลักความเชื่อของคริสต์ศาสนาที่มีมาอย่างยาวนานอยู่ด้วย (สำหรับ จขกท. รับชมเพื่อความบันเทิงและนำเสนอเรื่องตามภาพยนตร์ที่ได้รับชมมาเท่านั้น ไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นใดๆทั้งสิ้น)
✨️🎬📢 (หนังดีน่าดู) รหัสลับระทึกโลก The Da Vinci Code (2006) 📢🎬✨️
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โรเบิร์ต แลงดอน ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณ์ทางศาสนาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีฆาตกรรม ฌาคส์ โซนิแยร์ ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่ตายอย่างน่าสยดสยองและมีสิ่งผิดปกติบนร่างกายของเขา ตำรวจพบรหัสลับที่น่าสงสัยและเริ่มการสอบสวน แลงดอนหลบหนีไปโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักวิทยาการถอดรหัสลับจากกรมตำรวจ โซฟี เนอเวอ (หลานสาวของโซนิแยร์) และพวกเขาก็เริ่มภารกิจตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เซอร์ ลีห์ ทีบบิง นักประวัติศาสตร์จอกชาวอังกฤษผู้โด่งดัง เล่าว่าจอกศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงมีการเข้ารหัสอย่างชัดเจนในภาพวาดฝาผนังของเลโอนาร์โด ดาวินชี "ภาพอาหารมื้อสุดท้าย(The Last Supper)"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นข้อขัดแย้งเช่นเดียวกับหนังสือ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากคริสตจักรคาทอลิกสำหรับข้อกล่าวหา ทฤษฎีสมคบคิดว่าอยู่เบื้องหลังการปกปิดอายุสองพันปีเกี่ยวกับสิ่งที่จอกศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเป็น และแนวความคิดที่ว่าพระเยซูคริสต์และแมรี แม็กดาเลนแต่งงานกันก่อให้เกิดลูกสาว ตลอดจนการปฏิบัติต่อองค์กร "ไพรเออรีออฟไซออน" และ "โอปุสเดอี" สมาชิกหลายคนเรียกร้องให้ฆราวาสคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้ ในหนังสือ แดน บราวน์ ระบุว่า "ไพรเออรีออฟไซออน" และ "คำอธิบายงานศิลปะ สถาปัตยกรรม เอกสาร และพิธีกรรมลับทั้งหมดในนวนิยายเรื่องนี้ถูกต้องแม่นยำ"
เรื่องย่อ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้