ผมเกริ่นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะครับ ส่วนตัวผมชอบไอเดียของเรื่องนี้มากตอนที่มันเปิดตัวนะ และคิดว่าทุกคนก็ชอบ เพราะเทรนใน YouTube ติด top 10 เลยก็ว่าได้ เพลงก็ขึ้น top และเป็นหนังที่หลายๆคนจับตาดูเยอะ เพราะแน่นอนว่าในช่วงชีวิตของแต่ละคนย่อมมีเพื่อน ทั้งที่สนิท และไม่สนิท ผ่านมาและผ่านไปในช่วงชีวิตของเราไม่มาก็น้อย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตั้งตารอคอยหนังเรื่องนี้ เพราะอยากไปซึ้งน้ำตาแตกในโรง เพื่อนหวนลำรึกถึงเพื่อนสนิททั้งหลายที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา แต่พอผมได้ดู ผมกับมีความรู้สึกแตกต่างกันสองแบบ คือ หนังเรื่องนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่แยกออกกันอย่างชัดเจนมากกกกกกก ก็ไก่ ล้านตัว อยากรู้ผมเจออะไรในเรื่องมาฟังรีวิวได้เลย
บทภาพยนตร์
จริงๆเรื่องนี้บทดีนะ(ตอนต้นเรื่อง) คือนับได้ว่าเป็นหนังที่ดูสนุกและสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้เลยในช่วงต้นๆ เรียกง่ายๆว่า “เบียวชิปหายแต่ได้กรู” จริงๆ มันมีทั้งความตลก ความเอาใจช่วย ความสนุกของการถ่ายภาพยนตร์ของตัวละครในเรื่อง ที่พยายามคิดพล็อตเรื่อง ของเพื่อนที่ตายแล้วมาทำหนัง ทำให้เราดูแล้วรู้สึกว่าเอย เว้ย คนเอาคนตายมาทำหนังมันก็ไม่ได้น่ากลัว แถมยังรู้สึกว่าถึงเพื่อนมันจะตายไปแล้ว แต่พวกเอ็งมันก็คงรักเพื่อนคนนี้จริงๆแหละ ขนาดลงทุนทำเพื่อเพื่อนคนนี้ได้ขนาดนี้ แสดงว่าไอ้คนที่ชื่อโจคงเป็นสิ่งล้ำค่าหรือคนสำคัญของทุกคน เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อนที่ทำหนังเท่านั้น แต่เพื่อนทั้งสายชั้น ม 6 ทั้งหมดเลย ร่วมใจกันช่วยไอ้กลุ่มนี้ทำหนัง ทำให้บทตอนต้นเป็นอะไรที่ซื้อใจผมมากกๆ และสนุกไปกับมัน
กลางเรื่องจุดเปลี่ยน mood & tone หนังทั้งหมด
นี่แหละประเด็นสำคัญ บอกแล้วเริ่มเรื่องดีหมด แบบเป็นไปตามลำดับในตัวอย่างหนังเลย แต่ดันมาช็อกซินิม่าเอาตอนกลางเรื่อง และเป็นการช็อกที่ไม่ควรจะใส่ประเด็นนี้มาเลย เพราะมันห่างไกล คำว่าเพื่อนและบริบทของเด็กนักเรียนมัธยมปลายไปมาก **สปอย** ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าจะใส่มาให้มันเสีย mood ทำไม มันเปลี่ยนแปลงการมองตัวละครไปเลย ทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้จริงๆแล้วมันมีคุณค่าจริงๆไหมในการให้ค่ามันขนาดนั้น เพราะต้นเรื่องปูมาแบบเป็นคนมีคุณค่าต่อทุกคนมากๆ และเหมือนหนังมาหักหลังเรา ในสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นมนุษย์เทาๆ” ที่มันจะมีทั้งดีทั้งไม่ดีปนๆคน คือ... ใส่มาทำเพื่อ! มันไม่ใช่หนังที่จะมาเล่นอะไรประเด็นนี้ หรือจะต้องเล่า ไม่อย่างนั้นจะต้องปูมาตั้งแต่ทีเซอร์หนังแล้ว มาหักอะไรตอนกลางเรื่อง แล้วมันเลยทำให้ตั้งแต่กลางเรื่องลงไป เราไม่อินกับตัวละครตัวนั้นเลย แทนที่จะซึ้ง กับ เฉยๆในความสัมพันธ์มากๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มันมีการหักหลังกันเกิดขึ้นของโจเเละเพื่อนสนิทคนเก่า
เหมือนจะเคารพคนสายทำหนัง แต่ก็ไม่ได้มีความเคารพสายหนังตัวเองเลย
บอกแล้วครับเริ่มเรื่องมาดีมาก พาเราไปดูว่ากว่าจะได้หนังมาซักเรื่องตัวละครจะต้องครีเอทีฟ พล็อต ฉาก ตัวละครอะไรบ้าง บลาๆๆๆ ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ของตัวละครค่อยๆพัฒนาขึ้น จน ขึ้นชื่อว่า บอกความลับให้กันและกันได้รับรู้ = ยอมรับเป็นเพื่อนสนิท
****แต่ พี่จะมาทิ้งทุกอย่างโครมเอาตอนท้ายๆเรื่องจริงดิ มันทำให้ทุกอย่างที่ทำมาต้นๆเรื่องดูไม่มีความหมายอะไรเลย มันเหมือนกับคุณตั้งใจทำงานร่วมกับเพื่อนมากกกก แต่เหมือนเพื่อนบางคนมีปัญหาแล้วมาพังงานของทุกคนที่ร่วมใจกันทำมา ย้ำ ทุกคนร่วมกันทำ! เพราะร่วมกันทำทั้งชั้นเรียน มันส่งผลทำให้ตัวละครนั้นเห็นแก่ตัวมาก แล้วตอกย้ำว่า ไม่ใช่คนรักในภาพยนตร์หรือเด็กสาย ฟิมล์ เลยยยยย เพราะดันไปทำลายสายที่ตนเองรัก เราไม่เห็นการให้ค่า ความพยายามในด้านการทำหนังเพื่อสานฝันให้ตนเอง เพราะสุดท้ายหนังตบให้ทุกคนไปพบทางออกที่แสนธรรมดา เหมือนอารมณ์ประมาณว่า ยอมรับความจริงของชีวิตเถอะว่ามันไม่ง่ายและไม่ใช่จะเป็นตามฝันทุกคน
ตัวละครมีความฝันและพยายาม แต่กลับถูกตอกกลับให้คิดแบบคนธรรมดาบนบริบทสังคมไทย
คืออันนี้ไม่เข้าใจ คือ ตัวละครมีฝัน มีความพยายาม มีการลงมือทำ ถึงจะไม่ใช่ฝีมือจากคนๆเดียว แต่ก็มาจากทุกคน แต่ผลสุดท้ายกลับให้ตัวละครคิดฝัน พอใจกับความเป็นคนธรรมดา มีชีวิต ตามลำดับขั้น เรียนจบ มีงานทำ แต่งงาน มี ลูก หรืออะไรทำนองนั้น คือนี่มัน 2023 ยุคเด็กล่าฝันนะ แต่ GDH กลับ ดรอปฝันของเด็กให้ไม่ต้องฝันไกลไปไหนหรอก ชีวิตความจริงมันก็แค่นี้ แบบ เห้ยย ! นี่สินะประเทศชาติถึงไม่ไปไหนสักที ขนาดสื่อบันเทิงยังไม่สร้างฝันให้เด็กเลย ทั้งออกแบบให้ตัวละครไม่ชัดเจนกับฝัน ออกแบบตัวละครให้ฝันเพียงแค่คนธรรมดา และไม่ใต่ฝันให้ไปถึงจุดสูงสุด ผมแบบไม่เข้าใจจุดนี้มากๆ เรารู้สึกเสียดายประเด็นนี้ที่ไม่ยอมหยิบมาเล่าเพื่อสานฝันให้น้องๆที่อยากเรียนฟิมล์ ทำหนัง กำกับภาพยนตร์ ได้มีความฝันที่จะเรียนเพราะดูหนังเรื่องนี้ อันนี้นับว่าแย่จริงๆ หลอกคนดูเต็มๆ แถมไม่นำพาให้เด็กอยากเรียนสายนี้อีกด้วย
หลายประเด็นจัดจนไม่รู้จะจับประเด็นไหนมาขยี้
ทั้งเรื่องเพื่อน ฝัน ทั้งปัญหาชีวิต จะเอาอะไรเอาสักทางครับ คือพี่โปรยมาเยอะมาก โปรยเสร็จไม่ขยี้ด้วยนะ ผมเสียดายพาร์ทเพื่อนๆมาก คือมันควรจะขยี้ เพราะเรื่องเพื่อนมีทั้งมิตรภาพที่ใช้ร่วมกัน การทะเลาะ ความฝัน การแยกย้าย การลาจาก มีเยอะ แต่ไม่ขยี้ เหมือน คุณไม่เคยเข้าใจคำว่าเพื่อนสนิท หรือเพื่อนในวัยมัธยมปลายเลย คุณไปเล่นประเด็นที่ผมเกริ่นไปต้นๆ คือใส่มาทำไม เพราะมันน้อยมากที่เด็กมัธยมปลายจะทำอะไรแบบนั้น ถามว่ามีไหม มี แต่น้อยอะ แทบไม่เจอ และยิ่งกับตัวละครที่มันไปทำนะ คือ ไม่น่าทำ ดูเป็นคนเลวขึ้นมาทันทีทันใด เอาจริงๆคุณลองย้อนไปช่วงมัธยมปลายก่อนที่จะปัจฉิมกันไม่กี่เดือน บอกเลยส่วนใหญ่ๆ โคตรจะรักกัน ไปเที่ยว นอนค้างโรงเรียน ทำอะไรก็ได้ที่เซฟความรู้สึกกันสุดๆ จากคนเคยทะเลาะ กลับเป็นดีกัน เป็นเพื่อนกันจนมหาลัยเลยก็มี คือ ผกก. ไปเล่นประเด็นที่ไม่ใช่เด็ก แต่มันเป็นประเด็นผู้ใหญ่ที่เด็กน้อยคนจะทำอะ ผมเลยไม่อินกับประเด็นแตกหักของตัวละครนั้นเลย คือถ้าจะใส่เรื่องชกตีหรือสารเสพติด ครอบครัวแตกแยก ทำผู้หญิงท้อง ยังอินได้มากกว่านี้อีก เพราะเกิดขึ้นเยอะในสังคมไทย และไอ้ความลับที่ เห็นกันตั้งแต่ทีเซอร์อะ เรื่อง ถ้าเพื่อนสนิทกันจริงคือการบอกความลับกันได้ .......นั่นความลับแล้วหรอ เพื่อนผมในสมัยเรียนคือแทบจะป่าวประกาศแล้วนะ 55555555 มันไม่อิมแพคหรือแบบ เห้ยย เอางี้เลยหรอวะ เลยยยสักนิด คือแบบ พอฟังตอนดูแล้วก็ ...เอิ่ม ความลับกับผีน่ะสิ เรื่องธรรมดามาก เพื่อนไม่สนิทยังบอกได้เลยบางที เพราะเกริ่นโจมา เฟรนรี่เข้ากับคนได้เยอะขนาดนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การหักหลังกัน
ไม่มีความทรงจำหวนนึกถึงเพื่อนเลยเวลาดู
คือไอ้เราก็เตรียมใจว่า เออ มันต้องมีเหตุการณ์ที่เหมือนชีวิตเราบ้างละหว๊า ที่ทำให้น้ำตาคลอเบ้าได้ -----บอกเลยสำหรับผม ไม่มี! เพราะอย่างที่บอก มันเล่นประเด็นไม่เด็ก เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาอินตาม แถมขยี้ก็ไม่สุด ตัวละครตัวนั้นก็กลับให้มันเลวไปแล้ว ถึงจะมาเฉลยตอนท้ายว่ามันกลับใจ ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำหนังก็แทบไม่เล่าต่อว่ามันจะยังไงต่อไป ผมว่าหนังเรื่องนี้ขาดคำว่า อุปสรรค์ ของเพื่อนที่ต้องเผชิญร่วมกัน เพราะทั้งเรื่องทำหนัง เรื่องความแตกหัก มันดูผ่านไปง่ายมาก หนังก็ทำกันลื่นไหล แรงสนับสนุนก็มีทุกฝ่าย เพื่อนก็เข้าใจกันดี นี่ก็แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นระหว่างครึ่งหลังแล้ว ทำให้หนังส่งอารมณ์ไปไม่ถึงฝั่ง แถมตอนปัจฉิมจบ ก็ใส่ซีนมาน้อย ทั้งที่มันเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายของ มัธยมปลายแท้ๆ
ความคิดเรื่องโลกคู่ขนานที่ใส่มาเพื่อ!
ผมล่ะไม่เข้าใจประเด็นนี้เพราะมันอาจทำให้คนดูงงกับตอนจบได้ ว่าสรุปแล้วโจมันยังไงกันแน่ และผมก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นว่ามันมีผลต่อเนื้อเรื่องตรงไหน นอกจากแค่ตัวละครมันใช้ความคิดเท่านั้น แถมมันยังไปยืดเยื้อให้หนังยาวโดยไม่ใช่เหตุ และทำให้คนดูสับสนด้วย
โจ คนน่าเสียดาย
ผมเสียดายตัวละครโจมาก ผมนึกว่าโจนี่แหละตัวแปรสำคัญของเรื่องที่จะคอยเป็นสารทำให้เราได้ไปรู้จักกับคำว่าเพื่อนสนิทของจริง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น สมชื่อ เพื่อนไม่สนิท เพราะตั้งแต่ต้นจนท้ายก็ไม่สนิทกับโจเลย 55555 นี่ก็ยังงงๆว่า ใส่โจมาทำผีอะไร ถ้าจะสุดท้ายโจจะไม่ได้มีอิมแพคกับเนื้อเรื่อง และก็ยังงงๆว่า โจมันสำคัญตรงไหนถึงขนาดมีเพื่อนได้ตั้ง 150 คน กันแน่ฟะ ซึ่งมันต่างจากทีเซอร์หนังที่เราอยากจะรู้ว่าทำไมเพื่อนถึงรักโจได้มากขนาดนั้น แต่ในหนังกลับทำให้โจเข้ามาแบบงงๆ และก็จากไปแบบงงๆ มีผลต่อความรู้สึกอยู่ไม่กี่ตัวละครเท่านั้น
รีวิวไม่สปอย เพื่อน(ไม่)สนิท หนังที่ทีเซอร์อีกอย่างในเรื่องคนละเรื่องเลย
ผมเกริ่นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีนะครับ ส่วนตัวผมชอบไอเดียของเรื่องนี้มากตอนที่มันเปิดตัวนะ และคิดว่าทุกคนก็ชอบ เพราะเทรนใน YouTube ติด top 10 เลยก็ว่าได้ เพลงก็ขึ้น top และเป็นหนังที่หลายๆคนจับตาดูเยอะ เพราะแน่นอนว่าในช่วงชีวิตของแต่ละคนย่อมมีเพื่อน ทั้งที่สนิท และไม่สนิท ผ่านมาและผ่านไปในช่วงชีวิตของเราไม่มาก็น้อย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตั้งตารอคอยหนังเรื่องนี้ เพราะอยากไปซึ้งน้ำตาแตกในโรง เพื่อนหวนลำรึกถึงเพื่อนสนิททั้งหลายที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา แต่พอผมได้ดู ผมกับมีความรู้สึกแตกต่างกันสองแบบ คือ หนังเรื่องนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่แยกออกกันอย่างชัดเจนมากกกกกกก ก็ไก่ ล้านตัว อยากรู้ผมเจออะไรในเรื่องมาฟังรีวิวได้เลย
บทภาพยนตร์
จริงๆเรื่องนี้บทดีนะ(ตอนต้นเรื่อง) คือนับได้ว่าเป็นหนังที่ดูสนุกและสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้เลยในช่วงต้นๆ เรียกง่ายๆว่า “เบียวชิปหายแต่ได้กรู” จริงๆ มันมีทั้งความตลก ความเอาใจช่วย ความสนุกของการถ่ายภาพยนตร์ของตัวละครในเรื่อง ที่พยายามคิดพล็อตเรื่อง ของเพื่อนที่ตายแล้วมาทำหนัง ทำให้เราดูแล้วรู้สึกว่าเอย เว้ย คนเอาคนตายมาทำหนังมันก็ไม่ได้น่ากลัว แถมยังรู้สึกว่าถึงเพื่อนมันจะตายไปแล้ว แต่พวกเอ็งมันก็คงรักเพื่อนคนนี้จริงๆแหละ ขนาดลงทุนทำเพื่อเพื่อนคนนี้ได้ขนาดนี้ แสดงว่าไอ้คนที่ชื่อโจคงเป็นสิ่งล้ำค่าหรือคนสำคัญของทุกคน เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อนที่ทำหนังเท่านั้น แต่เพื่อนทั้งสายชั้น ม 6 ทั้งหมดเลย ร่วมใจกันช่วยไอ้กลุ่มนี้ทำหนัง ทำให้บทตอนต้นเป็นอะไรที่ซื้อใจผมมากกๆ และสนุกไปกับมัน
กลางเรื่องจุดเปลี่ยน mood & tone หนังทั้งหมด
นี่แหละประเด็นสำคัญ บอกแล้วเริ่มเรื่องดีหมด แบบเป็นไปตามลำดับในตัวอย่างหนังเลย แต่ดันมาช็อกซินิม่าเอาตอนกลางเรื่อง และเป็นการช็อกที่ไม่ควรจะใส่ประเด็นนี้มาเลย เพราะมันห่างไกล คำว่าเพื่อนและบริบทของเด็กนักเรียนมัธยมปลายไปมาก **สปอย** ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าจะใส่มาให้มันเสีย mood ทำไม มันเปลี่ยนแปลงการมองตัวละครไปเลย ทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้จริงๆแล้วมันมีคุณค่าจริงๆไหมในการให้ค่ามันขนาดนั้น เพราะต้นเรื่องปูมาแบบเป็นคนมีคุณค่าต่อทุกคนมากๆ และเหมือนหนังมาหักหลังเรา ในสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นมนุษย์เทาๆ” ที่มันจะมีทั้งดีทั้งไม่ดีปนๆคน คือ... ใส่มาทำเพื่อ! มันไม่ใช่หนังที่จะมาเล่นอะไรประเด็นนี้ หรือจะต้องเล่า ไม่อย่างนั้นจะต้องปูมาตั้งแต่ทีเซอร์หนังแล้ว มาหักอะไรตอนกลางเรื่อง แล้วมันเลยทำให้ตั้งแต่กลางเรื่องลงไป เราไม่อินกับตัวละครตัวนั้นเลย แทนที่จะซึ้ง กับ เฉยๆในความสัมพันธ์มากๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหมือนจะเคารพคนสายทำหนัง แต่ก็ไม่ได้มีความเคารพสายหนังตัวเองเลย
บอกแล้วครับเริ่มเรื่องมาดีมาก พาเราไปดูว่ากว่าจะได้หนังมาซักเรื่องตัวละครจะต้องครีเอทีฟ พล็อต ฉาก ตัวละครอะไรบ้าง บลาๆๆๆ ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ของตัวละครค่อยๆพัฒนาขึ้น จน ขึ้นชื่อว่า บอกความลับให้กันและกันได้รับรู้ = ยอมรับเป็นเพื่อนสนิท
****แต่ พี่จะมาทิ้งทุกอย่างโครมเอาตอนท้ายๆเรื่องจริงดิ มันทำให้ทุกอย่างที่ทำมาต้นๆเรื่องดูไม่มีความหมายอะไรเลย มันเหมือนกับคุณตั้งใจทำงานร่วมกับเพื่อนมากกกก แต่เหมือนเพื่อนบางคนมีปัญหาแล้วมาพังงานของทุกคนที่ร่วมใจกันทำมา ย้ำ ทุกคนร่วมกันทำ! เพราะร่วมกันทำทั้งชั้นเรียน มันส่งผลทำให้ตัวละครนั้นเห็นแก่ตัวมาก แล้วตอกย้ำว่า ไม่ใช่คนรักในภาพยนตร์หรือเด็กสาย ฟิมล์ เลยยยยย เพราะดันไปทำลายสายที่ตนเองรัก เราไม่เห็นการให้ค่า ความพยายามในด้านการทำหนังเพื่อสานฝันให้ตนเอง เพราะสุดท้ายหนังตบให้ทุกคนไปพบทางออกที่แสนธรรมดา เหมือนอารมณ์ประมาณว่า ยอมรับความจริงของชีวิตเถอะว่ามันไม่ง่ายและไม่ใช่จะเป็นตามฝันทุกคน
ตัวละครมีความฝันและพยายาม แต่กลับถูกตอกกลับให้คิดแบบคนธรรมดาบนบริบทสังคมไทย
คืออันนี้ไม่เข้าใจ คือ ตัวละครมีฝัน มีความพยายาม มีการลงมือทำ ถึงจะไม่ใช่ฝีมือจากคนๆเดียว แต่ก็มาจากทุกคน แต่ผลสุดท้ายกลับให้ตัวละครคิดฝัน พอใจกับความเป็นคนธรรมดา มีชีวิต ตามลำดับขั้น เรียนจบ มีงานทำ แต่งงาน มี ลูก หรืออะไรทำนองนั้น คือนี่มัน 2023 ยุคเด็กล่าฝันนะ แต่ GDH กลับ ดรอปฝันของเด็กให้ไม่ต้องฝันไกลไปไหนหรอก ชีวิตความจริงมันก็แค่นี้ แบบ เห้ยย ! นี่สินะประเทศชาติถึงไม่ไปไหนสักที ขนาดสื่อบันเทิงยังไม่สร้างฝันให้เด็กเลย ทั้งออกแบบให้ตัวละครไม่ชัดเจนกับฝัน ออกแบบตัวละครให้ฝันเพียงแค่คนธรรมดา และไม่ใต่ฝันให้ไปถึงจุดสูงสุด ผมแบบไม่เข้าใจจุดนี้มากๆ เรารู้สึกเสียดายประเด็นนี้ที่ไม่ยอมหยิบมาเล่าเพื่อสานฝันให้น้องๆที่อยากเรียนฟิมล์ ทำหนัง กำกับภาพยนตร์ ได้มีความฝันที่จะเรียนเพราะดูหนังเรื่องนี้ อันนี้นับว่าแย่จริงๆ หลอกคนดูเต็มๆ แถมไม่นำพาให้เด็กอยากเรียนสายนี้อีกด้วย
หลายประเด็นจัดจนไม่รู้จะจับประเด็นไหนมาขยี้
ทั้งเรื่องเพื่อน ฝัน ทั้งปัญหาชีวิต จะเอาอะไรเอาสักทางครับ คือพี่โปรยมาเยอะมาก โปรยเสร็จไม่ขยี้ด้วยนะ ผมเสียดายพาร์ทเพื่อนๆมาก คือมันควรจะขยี้ เพราะเรื่องเพื่อนมีทั้งมิตรภาพที่ใช้ร่วมกัน การทะเลาะ ความฝัน การแยกย้าย การลาจาก มีเยอะ แต่ไม่ขยี้ เหมือน คุณไม่เคยเข้าใจคำว่าเพื่อนสนิท หรือเพื่อนในวัยมัธยมปลายเลย คุณไปเล่นประเด็นที่ผมเกริ่นไปต้นๆ คือใส่มาทำไม เพราะมันน้อยมากที่เด็กมัธยมปลายจะทำอะไรแบบนั้น ถามว่ามีไหม มี แต่น้อยอะ แทบไม่เจอ และยิ่งกับตัวละครที่มันไปทำนะ คือ ไม่น่าทำ ดูเป็นคนเลวขึ้นมาทันทีทันใด เอาจริงๆคุณลองย้อนไปช่วงมัธยมปลายก่อนที่จะปัจฉิมกันไม่กี่เดือน บอกเลยส่วนใหญ่ๆ โคตรจะรักกัน ไปเที่ยว นอนค้างโรงเรียน ทำอะไรก็ได้ที่เซฟความรู้สึกกันสุดๆ จากคนเคยทะเลาะ กลับเป็นดีกัน เป็นเพื่อนกันจนมหาลัยเลยก็มี คือ ผกก. ไปเล่นประเด็นที่ไม่ใช่เด็ก แต่มันเป็นประเด็นผู้ใหญ่ที่เด็กน้อยคนจะทำอะ ผมเลยไม่อินกับประเด็นแตกหักของตัวละครนั้นเลย คือถ้าจะใส่เรื่องชกตีหรือสารเสพติด ครอบครัวแตกแยก ทำผู้หญิงท้อง ยังอินได้มากกว่านี้อีก เพราะเกิดขึ้นเยอะในสังคมไทย และไอ้ความลับที่ เห็นกันตั้งแต่ทีเซอร์อะ เรื่อง ถ้าเพื่อนสนิทกันจริงคือการบอกความลับกันได้ .......นั่นความลับแล้วหรอ เพื่อนผมในสมัยเรียนคือแทบจะป่าวประกาศแล้วนะ 55555555 มันไม่อิมแพคหรือแบบ เห้ยย เอางี้เลยหรอวะ เลยยยสักนิด คือแบบ พอฟังตอนดูแล้วก็ ...เอิ่ม ความลับกับผีน่ะสิ เรื่องธรรมดามาก เพื่อนไม่สนิทยังบอกได้เลยบางที เพราะเกริ่นโจมา เฟรนรี่เข้ากับคนได้เยอะขนาดนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่มีความทรงจำหวนนึกถึงเพื่อนเลยเวลาดู
คือไอ้เราก็เตรียมใจว่า เออ มันต้องมีเหตุการณ์ที่เหมือนชีวิตเราบ้างละหว๊า ที่ทำให้น้ำตาคลอเบ้าได้ -----บอกเลยสำหรับผม ไม่มี! เพราะอย่างที่บอก มันเล่นประเด็นไม่เด็ก เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาอินตาม แถมขยี้ก็ไม่สุด ตัวละครตัวนั้นก็กลับให้มันเลวไปแล้ว ถึงจะมาเฉลยตอนท้ายว่ามันกลับใจ ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำหนังก็แทบไม่เล่าต่อว่ามันจะยังไงต่อไป ผมว่าหนังเรื่องนี้ขาดคำว่า อุปสรรค์ ของเพื่อนที่ต้องเผชิญร่วมกัน เพราะทั้งเรื่องทำหนัง เรื่องความแตกหัก มันดูผ่านไปง่ายมาก หนังก็ทำกันลื่นไหล แรงสนับสนุนก็มีทุกฝ่าย เพื่อนก็เข้าใจกันดี นี่ก็แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นระหว่างครึ่งหลังแล้ว ทำให้หนังส่งอารมณ์ไปไม่ถึงฝั่ง แถมตอนปัจฉิมจบ ก็ใส่ซีนมาน้อย ทั้งที่มันเป็นการจากลาครั้งสุดท้ายของ มัธยมปลายแท้ๆ
ความคิดเรื่องโลกคู่ขนานที่ใส่มาเพื่อ!
ผมล่ะไม่เข้าใจประเด็นนี้เพราะมันอาจทำให้คนดูงงกับตอนจบได้ ว่าสรุปแล้วโจมันยังไงกันแน่ และผมก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นว่ามันมีผลต่อเนื้อเรื่องตรงไหน นอกจากแค่ตัวละครมันใช้ความคิดเท่านั้น แถมมันยังไปยืดเยื้อให้หนังยาวโดยไม่ใช่เหตุ และทำให้คนดูสับสนด้วย
โจ คนน่าเสียดาย
ผมเสียดายตัวละครโจมาก ผมนึกว่าโจนี่แหละตัวแปรสำคัญของเรื่องที่จะคอยเป็นสารทำให้เราได้ไปรู้จักกับคำว่าเพื่อนสนิทของจริง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น สมชื่อ เพื่อนไม่สนิท เพราะตั้งแต่ต้นจนท้ายก็ไม่สนิทกับโจเลย 55555 นี่ก็ยังงงๆว่า ใส่โจมาทำผีอะไร ถ้าจะสุดท้ายโจจะไม่ได้มีอิมแพคกับเนื้อเรื่อง และก็ยังงงๆว่า โจมันสำคัญตรงไหนถึงขนาดมีเพื่อนได้ตั้ง 150 คน กันแน่ฟะ ซึ่งมันต่างจากทีเซอร์หนังที่เราอยากจะรู้ว่าทำไมเพื่อนถึงรักโจได้มากขนาดนั้น แต่ในหนังกลับทำให้โจเข้ามาแบบงงๆ และก็จากไปแบบงงๆ มีผลต่อความรู้สึกอยู่ไม่กี่ตัวละครเท่านั้น