ทิชาอัด ส.ว. หยุดทำตัวเกินหน้าประชาชน อย่าอ้าง ม.112 ฉวยโอกาสไม่โหวตพิธา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4069723
ทิชาอัด ส.ว. หยุดทำตัวเกินหน้าประชาชน อย่าอ้าง ม.112 ฉวยโอกาสไม่โหวตพิธา
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นาง
ทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่ ส.ว.ยืนยันว่าจะไม่โหวตให้นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพราะไม่ยุตินโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ว่า
“
ส.ว.บางคนแสดงความจงรักภักดีอย่างมีอำนาจล้น อำนาจเกินประชาชน โดยการให้สัมภาษณ์ซ้ำๆ ว่าตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังยืนยันแก้ไขมาตรา 112 ส.ว.กลุ่มนี้จะไม่โหวตรับรองพรรคก้าวไกลเพื่อให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน แม้พรรคก้าวไกลจะมาจากการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง หรือลำดับที่ 1 ตามหลักการประชาธิปไตย
ขอโทษ ! โปรดนั่งลง อย่าวู่วาม อายุมากแล้ว ตำแหน่งก็สูง เงินเดือนก็เยอะ ประชาชนก็ไม่ได้เลือก ช่องทางที่เข้ามาก็ถูกออกแบบเฉพาะกิจ เพื่อให้มุดกันเข้ามา แทบจะหาความสง่างามไม่ได้เลย ดังนั้น ก่อนจะกระโจนไปข้างหน้ากรุณาหยุดความอหังการ เหลียวไปดูข้างหลังก่อน ได้โปรด
เริ่มตั้งแต่ที่เกิด ที่มาของ ส.ว.ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับประชาชน แต่ฉวยเอาความจงรักภักดีมาสวมใส่ เพื่อให้มีอำนาจ มีความชอบธรรมที่เหนือกว่าคนที่ประชาชนเลือก
ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลก็เป็นนโยบายที่เปิดเผยต่อประชาชนอย่างชัดเจน ได้ยินกันทั้งบ้าน ทั้งเมือง ทั้งจักรวาล ไม่ใช่การอำพราง หลอกลวง โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
รวมถึงการไม่ได้เอาการแก้ไขมาตรา 112 เหมาลงเข่ง MOU พรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล
ที่สำคัญ ส.ว.ก็ต้องรู้ เกินรู้ ยกเว้นแกล้งโง่ชั่วขณะ ในกรณีที่กฎหมายจะเข้าสู่สภา ขั้นตอนไม่เคยง่าย ไม่เคยธรรมดา นั่นหมายถึงการแก้ไขมาตรา 112 อาจถูกล้มคว่ำเอาง่ายๆ ในชื่อความชอบธรรม
ขณะที่สถานการณ์จริงที่จับต้องได้คนแสวงประโยชน์จากสถาบันใช้กฎหมายมาตรา 112 จนนำไปสู่ความเสียหายต่อสถาบันอย่างเป็นที่ประจักษ์
ส.ว.ที่มีวุฒิภาวะต้องไปให้ถึงสาระ ศึกษาสาระ update ระบบนิเวศทางสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยปราศจากอคติ
การออกมาแสดงความจงรักภักดีเหมือนอ่อนพรรษาทางการเมืองของ ส.ว.บางคน จึงมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างสมเหตุ สมผล สมตำแหน่ง สมค่าจ้าง ที่มาจากภาษีของประชาชน นั่นคือการไม่ผ่านประเมินผลคุณภาพการทำงานและต้องปลดออกจากตำนานที่อาจมีฉากกล้าหาญ งดงามบ้างในอดีต แต่ในวันนี้คุณภาพการทำงานของ ส.ว.หลายคนเสมือนยาหมดอายุที่อันตรายและต้องทิ้งลงถังขยะเท่านั้น
#สอวอมีเพื่ออะไร”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0LmtWMi5ykKoKCSvtzfQPLEimUGrLJQ3AaB9KyUNyt3mxj4wabK6r5PHkq49D2h5Ql&id=100001911932080
พนักงานคนไทยในบ่อนปอยเปตแฉ ตม.เรียกเก็บสินบน แลกประทับตราข้ามพรมแดน
https://www.matichon.co.th/region/news_4070509
พนักงานคนไทยในบ่อนปอยเปตแฉ ตม.เรียกเก็บสินบน แลกประทับตราข้ามพรมแดน
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการบอกเล่าจากพนักงานคนไทย ที่เข้าไปทำงานบ่อนออนไลน์ ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านทาทางจุดผ่านแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ ว่า ถูก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กัมพูชา ที่ประจำอยู่ด่าน ตม. เรียกเก็บสินบนคนละ 40 บาท ทุกวัน เมื่อยื่นขอประทับตราขาเข้าประเทศกัมพูชา หากไม่จ่ายก็จะถ่วงเวลา ไม่ประทับตราให้ โดยไม่บอกเหตุผล จึงเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงานว่าจะต้องแนบเงิน 40 บาท ไปในบอร์เดอร์พาสทุกครั้ง ที่ยื่นขอประทับตราเข้ากัมพูชา
นอกจากนั้นหากช่วงเวลาใดทีมีคนไทยไปยื่นเข้าคิวยาวเพื่อเข้าประเทศ และพนักงานต้องการเข้าไปทำงานให้ทันเวลาอัตราที่เรียกเก็บจะเพิ่มเป็น 100 บาท เพื่อลัดคิวประทับตราให้ และหลายครั้งที่ ตม.หยุดการประทับตราโดยไม่มีสาเหตุ เพื่อกักให้คนไทยยืนรอเป็นคิวยาว
อีกทั้งในการข้ามพรมแดนทุกครั้งจะต้องถ่ายเอกสารด้านหน้าของบอร์เดอร์พาส และเอกสารการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากเว็บไซต์หมอพร้อม แนบไปด้วยทุกครั้ง ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะข้ามพรมแดนไม่ได้ และขาออกก็เช่นกันคนไทยจจะต้องแนบแผนถ่ายเอกสารหน้าแรกของบอร์เดอร์พาสทุกครั้ง เพื่อประทับตราขาออก ถ้าไม่มีก็จะออกไม่ได้
ระเบียบดังกล่าวนี้ บังคับใช้กับคนไทยทุกคน ที่ถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวข้ามพรมแดนเข้ากัมพุชา นอกจากนี้ หากพนักงานคนใด เปลี่ยนบอร์เดอร์พาสเล่มใหม่ เมื่อนำไปประทับตราขาเข้าครั้งแรก จะถูกเรียกเก็บ 100 บาททันที การประทับตราครั้งต่อไป จึงเก็บ 40 บาท ตามปกติ แต่คนกัมพูชาที่เข้า และออกจากประเทศไทย ต่างได้รับการปฎิบ้ติจาก ตม. ไทย เป็นอย่างดี ตามแบบสากล ซึ่งตรงข้ามกับคนไทยที่ได้รับการปฎิบัติจาก ตม. กัมพูชาโดยสิ้นเชิง
ในแต่ละวันจะมีพนักงานที่เป็นคนไทย เดินทางเข้าไปทำงานในเมืองปอยเปต เป็นจำนวนมากมายนับพันคน จึงสร้างรายได้ให้กับ ตม. กัมพูชา อย่างเป็นกอบเป็นกำ และระเบียบปฎิบ้ติเหล่านี้ รวมทั้งการเรียกเก็บสินบนอย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ได้สร้างความอึดอัด และไม่พอใจกับคนไทย และพนักงาน คนไทย ที่ต้องเดินทางข้ามพรมแดนทุกวัน แต่ก็ต้องจำยอมปฏิบ้ติตามมาตลอดเป็นเวลานาน โดยที่ทางราชการไทย ไม่เคยที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเแก้ไข หรือช่วยหลือ ใดๆ ทั้งๆ ที่รู้ และเห็นอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ยังคงปล่อยให้คนไทยด้วยกันถูกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมาอย่างช้านาน
แกนนำ ‘ก้าวไกล’ นัด 7 พรรคร่วม รบ. หารือ 11 ก.ค. ตอกย้ำความชัดเจนเสียง ส.ว.หนุน ‘พิธา’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4070324
แกนนำ ‘ก้าวไกล’ นัด 7 พรรคร่วม รบ. หารือ 11 ก.ค. ตอกย้ำความชัดเจนเสียง ส.ว.หนุน ‘พิธา’
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ประสานงานมายังพรรคร่วมต่างๆ ทั้ง 8 พรรค เพื่อนัดหมายหารือวันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา
เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 กรกฎาคม สิ่งที่พรรคร่วมอยากได้ความชัดเจนจากพรรค ก.ก. คือจำนวนเสียง ส.ว. ที่จะสนับสนุนนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค ก.ก. เป็นนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากที่ผ่านมาแกนนำพรรค ก.ก.ยืนยันมาโดยตลอดว่าได้เสียง ส.ว.เพียงพอ แต่สิ่งที่ ส.ว.บางส่วนสื่อสารออกมาเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น จึงต้องการความชัดเจนเพื่อเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้จุดยืนของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค ยังเป็นการสนับสนุนพรรค ก.ก.ตั้งรัฐบาลตามเอ็มโอยูที่ได้ลงนามกันไว้ ไม่มีการคิดแผนสอง แต่ก็อยากทราบความชัดเจนเพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเกมในสภา หากฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเล่นเกมการเมืองอะไรขึ้นมา
ด้านนาง
พรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการรัฐสภา ได้ออกหนังสือ ด่วนมากที่ สผ 0014/ร1 ถึง ส.ส.และ ส.ว. เรื่องการประชุมร่วมรัฐสภา เนื่องด้วยประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
JJNY : ทิชาอัดส.ว. อย่าอ้างม.112│แฉตม.เรียกเก็บสินบนแลกประทับตรา│‘ก้าวไกล’นัด7พรรคร่วม│“โปแลนด์”เคลื่อนพลปกป้องพรมแดน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4069723
ทิชาอัด ส.ว. หยุดทำตัวเกินหน้าประชาชน อย่าอ้าง ม.112 ฉวยโอกาสไม่โหวตพิธา
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นางทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณีที่ ส.ว.ยืนยันว่าจะไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพราะไม่ยุตินโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ว่า
“ส.ว.บางคนแสดงความจงรักภักดีอย่างมีอำนาจล้น อำนาจเกินประชาชน โดยการให้สัมภาษณ์ซ้ำๆ ว่าตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังยืนยันแก้ไขมาตรา 112 ส.ว.กลุ่มนี้จะไม่โหวตรับรองพรรคก้าวไกลเพื่อให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน แม้พรรคก้าวไกลจะมาจากการเลือกตั้ง 14 ล้านเสียง หรือลำดับที่ 1 ตามหลักการประชาธิปไตย
ขอโทษ ! โปรดนั่งลง อย่าวู่วาม อายุมากแล้ว ตำแหน่งก็สูง เงินเดือนก็เยอะ ประชาชนก็ไม่ได้เลือก ช่องทางที่เข้ามาก็ถูกออกแบบเฉพาะกิจ เพื่อให้มุดกันเข้ามา แทบจะหาความสง่างามไม่ได้เลย ดังนั้น ก่อนจะกระโจนไปข้างหน้ากรุณาหยุดความอหังการ เหลียวไปดูข้างหลังก่อน ได้โปรด
เริ่มตั้งแต่ที่เกิด ที่มาของ ส.ว.ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับประชาชน แต่ฉวยเอาความจงรักภักดีมาสวมใส่ เพื่อให้มีอำนาจ มีความชอบธรรมที่เหนือกว่าคนที่ประชาชนเลือก
ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลก็เป็นนโยบายที่เปิดเผยต่อประชาชนอย่างชัดเจน ได้ยินกันทั้งบ้าน ทั้งเมือง ทั้งจักรวาล ไม่ใช่การอำพราง หลอกลวง โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
รวมถึงการไม่ได้เอาการแก้ไขมาตรา 112 เหมาลงเข่ง MOU พรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล
ที่สำคัญ ส.ว.ก็ต้องรู้ เกินรู้ ยกเว้นแกล้งโง่ชั่วขณะ ในกรณีที่กฎหมายจะเข้าสู่สภา ขั้นตอนไม่เคยง่าย ไม่เคยธรรมดา นั่นหมายถึงการแก้ไขมาตรา 112 อาจถูกล้มคว่ำเอาง่ายๆ ในชื่อความชอบธรรม
ขณะที่สถานการณ์จริงที่จับต้องได้คนแสวงประโยชน์จากสถาบันใช้กฎหมายมาตรา 112 จนนำไปสู่ความเสียหายต่อสถาบันอย่างเป็นที่ประจักษ์
ส.ว.ที่มีวุฒิภาวะต้องไปให้ถึงสาระ ศึกษาสาระ update ระบบนิเวศทางสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยปราศจากอคติ
การออกมาแสดงความจงรักภักดีเหมือนอ่อนพรรษาทางการเมืองของ ส.ว.บางคน จึงมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างสมเหตุ สมผล สมตำแหน่ง สมค่าจ้าง ที่มาจากภาษีของประชาชน นั่นคือการไม่ผ่านประเมินผลคุณภาพการทำงานและต้องปลดออกจากตำนานที่อาจมีฉากกล้าหาญ งดงามบ้างในอดีต แต่ในวันนี้คุณภาพการทำงานของ ส.ว.หลายคนเสมือนยาหมดอายุที่อันตรายและต้องทิ้งลงถังขยะเท่านั้น
#สอวอมีเพื่ออะไร”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0LmtWMi5ykKoKCSvtzfQPLEimUGrLJQ3AaB9KyUNyt3mxj4wabK6r5PHkq49D2h5Ql&id=100001911932080
พนักงานคนไทยในบ่อนปอยเปตแฉ ตม.เรียกเก็บสินบน แลกประทับตราข้ามพรมแดน
https://www.matichon.co.th/region/news_4070509
พนักงานคนไทยในบ่อนปอยเปตแฉ ตม.เรียกเก็บสินบน แลกประทับตราข้ามพรมแดน
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการบอกเล่าจากพนักงานคนไทย ที่เข้าไปทำงานบ่อนออนไลน์ ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านทาทางจุดผ่านแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ ว่า ถูก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กัมพูชา ที่ประจำอยู่ด่าน ตม. เรียกเก็บสินบนคนละ 40 บาท ทุกวัน เมื่อยื่นขอประทับตราขาเข้าประเทศกัมพูชา หากไม่จ่ายก็จะถ่วงเวลา ไม่ประทับตราให้ โดยไม่บอกเหตุผล จึงเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงานว่าจะต้องแนบเงิน 40 บาท ไปในบอร์เดอร์พาสทุกครั้ง ที่ยื่นขอประทับตราเข้ากัมพูชา
นอกจากนั้นหากช่วงเวลาใดทีมีคนไทยไปยื่นเข้าคิวยาวเพื่อเข้าประเทศ และพนักงานต้องการเข้าไปทำงานให้ทันเวลาอัตราที่เรียกเก็บจะเพิ่มเป็น 100 บาท เพื่อลัดคิวประทับตราให้ และหลายครั้งที่ ตม.หยุดการประทับตราโดยไม่มีสาเหตุ เพื่อกักให้คนไทยยืนรอเป็นคิวยาว
อีกทั้งในการข้ามพรมแดนทุกครั้งจะต้องถ่ายเอกสารด้านหน้าของบอร์เดอร์พาส และเอกสารการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากเว็บไซต์หมอพร้อม แนบไปด้วยทุกครั้ง ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะข้ามพรมแดนไม่ได้ และขาออกก็เช่นกันคนไทยจจะต้องแนบแผนถ่ายเอกสารหน้าแรกของบอร์เดอร์พาสทุกครั้ง เพื่อประทับตราขาออก ถ้าไม่มีก็จะออกไม่ได้
ระเบียบดังกล่าวนี้ บังคับใช้กับคนไทยทุกคน ที่ถือหนังสือผ่านแดนชั่วคราวข้ามพรมแดนเข้ากัมพุชา นอกจากนี้ หากพนักงานคนใด เปลี่ยนบอร์เดอร์พาสเล่มใหม่ เมื่อนำไปประทับตราขาเข้าครั้งแรก จะถูกเรียกเก็บ 100 บาททันที การประทับตราครั้งต่อไป จึงเก็บ 40 บาท ตามปกติ แต่คนกัมพูชาที่เข้า และออกจากประเทศไทย ต่างได้รับการปฎิบ้ติจาก ตม. ไทย เป็นอย่างดี ตามแบบสากล ซึ่งตรงข้ามกับคนไทยที่ได้รับการปฎิบัติจาก ตม. กัมพูชาโดยสิ้นเชิง
ในแต่ละวันจะมีพนักงานที่เป็นคนไทย เดินทางเข้าไปทำงานในเมืองปอยเปต เป็นจำนวนมากมายนับพันคน จึงสร้างรายได้ให้กับ ตม. กัมพูชา อย่างเป็นกอบเป็นกำ และระเบียบปฎิบ้ติเหล่านี้ รวมทั้งการเรียกเก็บสินบนอย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ได้สร้างความอึดอัด และไม่พอใจกับคนไทย และพนักงาน คนไทย ที่ต้องเดินทางข้ามพรมแดนทุกวัน แต่ก็ต้องจำยอมปฏิบ้ติตามมาตลอดเป็นเวลานาน โดยที่ทางราชการไทย ไม่เคยที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเแก้ไข หรือช่วยหลือ ใดๆ ทั้งๆ ที่รู้ และเห็นอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ยังคงปล่อยให้คนไทยด้วยกันถูกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมาอย่างช้านาน
แกนนำ ‘ก้าวไกล’ นัด 7 พรรคร่วม รบ. หารือ 11 ก.ค. ตอกย้ำความชัดเจนเสียง ส.ว.หนุน ‘พิธา’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4070324
แกนนำ ‘ก้าวไกล’ นัด 7 พรรคร่วม รบ. หารือ 11 ก.ค. ตอกย้ำความชัดเจนเสียง ส.ว.หนุน ‘พิธา’
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ประสานงานมายังพรรคร่วมต่างๆ ทั้ง 8 พรรค เพื่อนัดหมายหารือวันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา
เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 กรกฎาคม สิ่งที่พรรคร่วมอยากได้ความชัดเจนจากพรรค ก.ก. คือจำนวนเสียง ส.ว. ที่จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค ก.ก. เป็นนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากที่ผ่านมาแกนนำพรรค ก.ก.ยืนยันมาโดยตลอดว่าได้เสียง ส.ว.เพียงพอ แต่สิ่งที่ ส.ว.บางส่วนสื่อสารออกมาเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น จึงต้องการความชัดเจนเพื่อเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้จุดยืนของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค ยังเป็นการสนับสนุนพรรค ก.ก.ตั้งรัฐบาลตามเอ็มโอยูที่ได้ลงนามกันไว้ ไม่มีการคิดแผนสอง แต่ก็อยากทราบความชัดเจนเพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเกมในสภา หากฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเล่นเกมการเมืองอะไรขึ้นมา
ด้านนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการรัฐสภา ได้ออกหนังสือ ด่วนมากที่ สผ 0014/ร1 ถึง ส.ส.และ ส.ว. เรื่องการประชุมร่วมรัฐสภา เนื่องด้วยประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย