ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติมิตรตลอดจนคนที่รักเปาป้อม ซึ่งจากไปค่ะ
ชอบกีฬามวย แต่ช่วงหลังไม่ได้ติดตาม ทำให้ไม่รู้จักเปาป้อม จนเมื่อมีข่าวเรื่องการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเขา ซึ่งมีคนจำนวนมากตกใจและเสียใจเมื่อทราบเรื่องนี้ จึงไล่อ่านรายงานข่าวและข้อความส่วนบุคคลผู้ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเปาป้อมคนนี้
ไม่ว่าจะคนดังหรือไม่ดัง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีคนฆ่าตัวตาย จะสะเทือนใจทุกครั้ง เรื่องของเปาป้อมนี้ก็เช่นกัน
วัยเพียง 34 ปี กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ และเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถพิเศษมาก มีทักษะด้านร่างกาย คือชกมวย และเป็นครูสอนชกมวย มีความโดดเด่น ในการทำงานในฐานะกรรมการบนเวทีมวย ซึ่งคนที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องมีหลักคิดและหลักปฏิบัติดีและแน่วแน่เป็นพิเศษ
จากรายงานข่าวที่อ่าน จับความได้ไม่แน่ชัดว่าอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุให้เปาป้อมตัดสินใจเช่นนี้ เห็นอยู่บ้างที่รายงานว่ามีภาวะซึมเศร้า แต่ไม่รู้ชัดว่าได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์และรับการรักษาอยู่หรือไม่ โดยส่วนตัว เท่าที่สังเกต คนที่มีอาการเครียดสูงเรื้อรังจนกระทั่งทำให้เกิดการเจ็บป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่ไปพบจิตแพทย์ ถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาหรือเธอจะพบว่าอาการของโรคหลาย ๆ ทำให้ตนเองไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เรื่องง่าย ๆ ก็ตัดสินใจไม่ได้ ไม่มีสมาธิ รู้สึกสิ้นหวัง ในช่วงเวลานี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะหากไม่ได้รับการรักษาและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายเพราะทนที่ตัวเองเป็นทุกข์และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ
หากเปาป้อมยังมีชีวิตอยู่ จะบอกเขาว่าชีวิตคนเรานั้น มีทุกข์สุขปะปน และในแง่หนึ่ง มันอาจคือการที่คนเราต้องจัดการสิ่งต่าง ๆ หรือมากกว่านั้นคือแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่มีวันจบสิ้น ระหว่างที่เกิดปัญหา ต้องอาศัยความอดทนให้มาก พร้อมไปกับการพยายามแก้ไขที่สาเหตุ หลายปัญหาแก้ไขไม่ได้ ปัญหานั้นมันก็จะแก้ไขตัวมันเอง และนอกจากนั้น ปัญหาส่วนใหญ่ ตัวเราเองแต่ละคน -- หากทนได้สักหน่อย -- ปัญหาแต่ละปัญหาจะค่อย ๆ คลี่คลายไปได้ในที่สุด ก่อนที่จะมีปัญหาใหม่ผ่านเข้ามาอีก นี้คือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต
จากรายงานข่าว เห็นประเด็นสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์ในอดีตที่สูญเสียลูกไป 1 คน และปัญหาความสัมพันธ์กับภรรยา สองเรื่องนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ที่มีส่วนทริกเกอร์ให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ การสูญเสีย แม้ทุกคนจะรู้ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อประสบเข้ากับตนเองตรง ๆ มันยากมากที่ข้ามผ่านไปได้ ความคิดหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับคนที่สูญเสีย อาจคือเมื่อมีคนจากไปแล้ว การจากไปของตนเองจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และยังอาจได้พบกับคนที่จากไปด้วย
เรื่องความสัมพันธ์กับภรรยา ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย และที่สุดแล้ว เปาป้อมกล่าวโทษตนเองว่าเป็นคนผิด ไม่มากก็น้อย นี้คืออาการเล็ก ๆ ที่เป็นสัญญาณบอกว่าอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรืออยู่ในภาวะซึมเศร้าที่ยังไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรค เคยอ่านเจอว่าปัญหาที่มีส่วนให้เกิดโรคนี้ลำดับแรก ๆ คือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในกรณีของเปาป้อมนั้น ยิ่งมีปัญหากับภรรยา ถือว่าร้ายแรง อายุยังน้อย แม้จะเคยรักกัน แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมาแล้วระยะหนึ่งความเยาว์วัยทำให้ยังมีตัวตนและมีของของตน รวมทั้งการมีและใช้อารมณ์ลบอยู่มาก ย่อมมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น อาจร้ายแรงถึงขั้นไม่รักกันอีก โดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้เลยว่า หากทนอีกสักนิดและปรับเปลี่ยนตนเอง เช่น ด้วยการลดความมีตัวตนของตนเองลง รักก็จะกลับมาได้อีก แต่รายละเอียดจะไม่เหมือนเดิม บนพื้นฐานของความจริงความสัมพันธ์ไม่ว่าในสถานะใด เอาเข้าจริงแล้ว มันมีพลวัต
ประเด็นที่อดสงสัยไม่ได้อยู่ที่ว่า การเป็นนักกีฬามวยไทยมาก่อน และอาจไม้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมาบ้าง จะมีส่วน -- แม้น้อยมาก ๆ -- หรือไม่ที่ทำให้เปาป้อมตัดสินใจเช่นนี้
เรื่องของเปาป้อมเหมือนกับการจบชีวิตตนเองลงของคนเก่งและมีชื่อเสียงหลาย ๆ คน รวมทั้งคนที่ไม่มีชื่อเสียงด้วยว่า ไม่มีใครรู้หรอกว่า แต่ละคนต่างก็มีการต่อสู้ มีความทุกข์หรือทนได้ยาก มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยกันทุกคน เราอาจไม่สามารถรู้หรือช่วยเหลือเขาหรือเธอได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนเราพึงมีให้กันและกันนั้นคือการไม่เข้าไปมีส่วนเป็นปัญหาให้พวกเขา
ใจหาย และขอให้ดวงวิญญาณของเปาป้อมไปสู่สุคติค่ะ
การจากไปของเปาป้อม คนสำคัญที่ได้รับการยกย่องในวงการมวย
ชอบกีฬามวย แต่ช่วงหลังไม่ได้ติดตาม ทำให้ไม่รู้จักเปาป้อม จนเมื่อมีข่าวเรื่องการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเขา ซึ่งมีคนจำนวนมากตกใจและเสียใจเมื่อทราบเรื่องนี้ จึงไล่อ่านรายงานข่าวและข้อความส่วนบุคคลผู้ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเปาป้อมคนนี้
ไม่ว่าจะคนดังหรือไม่ดัง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีคนฆ่าตัวตาย จะสะเทือนใจทุกครั้ง เรื่องของเปาป้อมนี้ก็เช่นกัน
วัยเพียง 34 ปี กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ และเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถพิเศษมาก มีทักษะด้านร่างกาย คือชกมวย และเป็นครูสอนชกมวย มีความโดดเด่น ในการทำงานในฐานะกรรมการบนเวทีมวย ซึ่งคนที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องมีหลักคิดและหลักปฏิบัติดีและแน่วแน่เป็นพิเศษ
จากรายงานข่าวที่อ่าน จับความได้ไม่แน่ชัดว่าอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุให้เปาป้อมตัดสินใจเช่นนี้ เห็นอยู่บ้างที่รายงานว่ามีภาวะซึมเศร้า แต่ไม่รู้ชัดว่าได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์และรับการรักษาอยู่หรือไม่ โดยส่วนตัว เท่าที่สังเกต คนที่มีอาการเครียดสูงเรื้อรังจนกระทั่งทำให้เกิดการเจ็บป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่ไปพบจิตแพทย์ ถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาหรือเธอจะพบว่าอาการของโรคหลาย ๆ ทำให้ตนเองไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เรื่องง่าย ๆ ก็ตัดสินใจไม่ได้ ไม่มีสมาธิ รู้สึกสิ้นหวัง ในช่วงเวลานี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะหากไม่ได้รับการรักษาและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายเพราะทนที่ตัวเองเป็นทุกข์และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ
หากเปาป้อมยังมีชีวิตอยู่ จะบอกเขาว่าชีวิตคนเรานั้น มีทุกข์สุขปะปน และในแง่หนึ่ง มันอาจคือการที่คนเราต้องจัดการสิ่งต่าง ๆ หรือมากกว่านั้นคือแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่มีวันจบสิ้น ระหว่างที่เกิดปัญหา ต้องอาศัยความอดทนให้มาก พร้อมไปกับการพยายามแก้ไขที่สาเหตุ หลายปัญหาแก้ไขไม่ได้ ปัญหานั้นมันก็จะแก้ไขตัวมันเอง และนอกจากนั้น ปัญหาส่วนใหญ่ ตัวเราเองแต่ละคน -- หากทนได้สักหน่อย -- ปัญหาแต่ละปัญหาจะค่อย ๆ คลี่คลายไปได้ในที่สุด ก่อนที่จะมีปัญหาใหม่ผ่านเข้ามาอีก นี้คือสิ่งที่เรียกว่าชีวิต
จากรายงานข่าว เห็นประเด็นสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์ในอดีตที่สูญเสียลูกไป 1 คน และปัญหาความสัมพันธ์กับภรรยา สองเรื่องนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ที่มีส่วนทริกเกอร์ให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ การสูญเสีย แม้ทุกคนจะรู้ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อประสบเข้ากับตนเองตรง ๆ มันยากมากที่ข้ามผ่านไปได้ ความคิดหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับคนที่สูญเสีย อาจคือเมื่อมีคนจากไปแล้ว การจากไปของตนเองจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และยังอาจได้พบกับคนที่จากไปด้วย
เรื่องความสัมพันธ์กับภรรยา ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย และที่สุดแล้ว เปาป้อมกล่าวโทษตนเองว่าเป็นคนผิด ไม่มากก็น้อย นี้คืออาการเล็ก ๆ ที่เป็นสัญญาณบอกว่าอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรืออยู่ในภาวะซึมเศร้าที่ยังไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรค เคยอ่านเจอว่าปัญหาที่มีส่วนให้เกิดโรคนี้ลำดับแรก ๆ คือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในกรณีของเปาป้อมนั้น ยิ่งมีปัญหากับภรรยา ถือว่าร้ายแรง อายุยังน้อย แม้จะเคยรักกัน แต่เมื่ออยู่ด้วยกันมาแล้วระยะหนึ่งความเยาว์วัยทำให้ยังมีตัวตนและมีของของตน รวมทั้งการมีและใช้อารมณ์ลบอยู่มาก ย่อมมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น อาจร้ายแรงถึงขั้นไม่รักกันอีก โดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้เลยว่า หากทนอีกสักนิดและปรับเปลี่ยนตนเอง เช่น ด้วยการลดความมีตัวตนของตนเองลง รักก็จะกลับมาได้อีก แต่รายละเอียดจะไม่เหมือนเดิม บนพื้นฐานของความจริงความสัมพันธ์ไม่ว่าในสถานะใด เอาเข้าจริงแล้ว มันมีพลวัต
ประเด็นที่อดสงสัยไม่ได้อยู่ที่ว่า การเป็นนักกีฬามวยไทยมาก่อน และอาจไม้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมาบ้าง จะมีส่วน -- แม้น้อยมาก ๆ -- หรือไม่ที่ทำให้เปาป้อมตัดสินใจเช่นนี้
เรื่องของเปาป้อมเหมือนกับการจบชีวิตตนเองลงของคนเก่งและมีชื่อเสียงหลาย ๆ คน รวมทั้งคนที่ไม่มีชื่อเสียงด้วยว่า ไม่มีใครรู้หรอกว่า แต่ละคนต่างก็มีการต่อสู้ มีความทุกข์หรือทนได้ยาก มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยกันทุกคน เราอาจไม่สามารถรู้หรือช่วยเหลือเขาหรือเธอได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนเราพึงมีให้กันและกันนั้นคือการไม่เข้าไปมีส่วนเป็นปัญหาให้พวกเขา
ใจหาย และขอให้ดวงวิญญาณของเปาป้อมไปสู่สุคติค่ะ