NUG ค้านไทย เชิญรมว.กต.เมียนมาหารือ ชี้ไม่ช่วยแก้วิกฤต แทรกแซงกิจการภายใน
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4035184
NUG ค้านไทย เชิญรมว.กต.เมียนมาหารือ ชี้ไม่ช่วยแก้วิกฤต แทรกแซงกิจการภายใน
กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา (เอ็นยูจี) ได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 17 มิถุนายน แสดงความผิดหวังที่รัฐบาลไทยเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งถือว่า ไม่มีความชอบธรรมตามกฎหมายเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับปัญหาเมียนมาระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้
แถลงการณ์ระบุว่าการเชิญดังกล่าวจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาและวิกฤตการเมืองของเมียนมา แต่จะบ่อนทำลายการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และประชาธิปไตย ทั้งยังจะทำให้ปัญหาในเมียนมาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เอ็นยูจีระบุด้วยว่า การเชิญครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับรองกองทัพเมียนมาที่กดขี่ข่มเหงประชาชน แต่ยังแสดงถึงความไม่ใส่ใจต่อเจตจำนงค์ของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน และถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในที่ยอมรับไม่ได้ และฝ่าฝืนหลักการของอาเซียนอย่างชัดเจน
แถลงการณ์ของเอ็นยูจียังคัดค้านคำเชิญดังกล่าว และเรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศไทยยุติการกระทำที่เหลวไหลและการประชุมที่ไม่พร้อม พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ได้รับเชิญไม่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้
"ทิชา ณ นคร"ซัดต้นตอ"หยก"สุดโต่งเพราะ"คนเกินเจ้า"
https://siamrath.co.th/n/455493
วันที่ 18 มิ.ย.66
‘ป้ามล’ ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก โพสต์เฟซบุ๊ก Thicha Nanakorn ระบุว่า
ป้าเคยคุยกับหยก 3 ครั้ง ….
เธอไม่ก้าวร้าวทุกลมหายใจและเธอไม่ได้ถูกล้างสมอง เธอเป็นตัวของตัวเองและเป็นไปตามที่อ่าน รู้ เข้าใจ เชื่อ เธออายุ 15 ปี และถูกจับตอนอายุ 14 ปี ด้วยข้อหา 112 กฎหมายที่ใครก็ได้ แจ้งความที่ไหนก็ได้ แต่ไม่รับแจ้งไม่ได้ หรือคนๆ นั้นจะอคติสุดโต่ง ล่าแม่มด คลั่ง ก็ใช้สิทธิ์นั้นได้
หลังจากรับข้อหามาตรา 112 ทุกคนที่ใกล้เธอ เห็นมาตรา 112 แต่ไม่เห็นเธอ ทุกคนที่ใกล้เธอ กลัวรังสีมาตรา 112 มากกว่ากลัวเธอ ทุกคนตัดสินเธอก่อนผู้พิพากษาและออกอาการเกินเจ้า
แม่เธอไม่ได้ทิ้งเธอ … แม่เธอไม่ได้รังเกียจพี่ๆ ที่ดูแลลูกเธอ แต่กลัวคนที่กลัวมาตรา 112 ทั้งที่ใกล้เธอและเธอต้องใกล้
หยกไม่ได้เกิดมาพร้อมความสุดโต่ง ความก้าวร้าว หยกไม่ได้บ้า ไม่ได้เพี้ยน ไม่ได้เป็น อย่างเช่นสีที่ป้าย
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า … เด็กหญิงอายุ 15 คนนี้ แรงขึ้นตามสัดส่วนของกฎหมาย
ใช่ ! เธอต้องคำราม จำเป็นต้องคำราม เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องคำราม กลไกปกป้องตนเองของเธอยังมีชีวิต ยังมีแรง ยังมีพลัง
การปกป้องสถาบันยังต้องมี … แต่การแก้ไข มาตรา 112 ก็ต้องมี เพราะคนเกินเจ้ามีจริง และคนเกินเจ้าเหล่านี้ได้ทำลายสถาบันอย่างลึกซึ้ง จริงจัง
อ๋อ ! ถ้าคุณยังเป็นพุทธะที่เมตตา อย่าลืมช่วยคิด ช่วยหาคำตอบกันด้วยว่า สังคมแบบไหนที่เด็กอายุน้อยๆ ต้องคำรามเพื่อความอยู่รอด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=9632297613510541&id=100001911932080&ref=embed_post
'วิโรจน์' จี้ขยายผลผู้การชลบุรี ถาม "เป้รักผู้การกี่ครั้ง ผู้การรักคนอื่นต่อหรือไม่"
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7720343
‘วิโรจน์’ จี้ขยายผลผู้การชลบุรี ปม 140 ล้านบาท ถาม “เป้รักผู้การกี่ครั้ง ผู้การรักคนอื่นต่อหรือไม่” ชี้คอรัปชั่นอึเต็มกางเกง ไม่ต้องส่องก็ย้อยให้เห็น
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ปมเงิน 140 ล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อ ทราบว่าขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว แต่เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้ เนื่องจากเงินที่เรียกรับจำนวนสูงถึง 140 ล้านบาท
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต้องสอบสวนให้ชัดว่า มีการเรียกรับจริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องถามว่า “
เป้รักผู้การฯ มากี่ครั้งแล้ว” และ “
มีคนอื่นที่รักผู้การฯ ด้วยหรือไม่” รวมทั้ง “
ผู้การฯ คือรักสุดท้ายของเป้หรือไม่” หรือ “
ผู้การฯ ไปรักคนอื่นต่อหรือเปล่า”
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ไม่นานมานี้ก็พบตำรวจในระดับบังคับบัญชา มีภาพปรากฏหิ้วกระเช้าไปอวยพร แสดงความยินดี จึงต้องขยายผลต่อไปว่า เป้รักผู้การฯ แล้วผู้การฯ ไปรักใครต่อหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าหนักมาก เข้าข่ายผิดกฎหมายการเรียกรับสิน มาตรา 143 และมาตรา 149 รวมทั้งมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากระบบตั๋ว ระบบวิ่งเต้น เพราะตำรวจในระดับผู้การบางคน เข้ามาด้วยระบบซื้อขายตำแหน่งก็มีต้นทุน เมื่อเข้ารับตำแหน่งแทนที่จะมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วางแผนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ แต่กลับมาซ่องสุม ไม่ต่างจากอั้งยี่ ซ่องโจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขอเสนอให้มีการสอบสวนขยายผลว่า พัวพันกับมาเฟียในท้องถิ่น และมาเฟียกลุ่มจีนสีเทา รวมทั้งมาเฟียต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเว็บพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติดนั้นพัวพันกับขบวนการมาเฟียต่างชาติ
เมื่อถามว่า จะมีผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าผู้การฯ พัวพันหรือไม่ นาย
วิโรจน์ ตอบว่า ผู้ที่อยู่สูงกว่านั้นมักจะอยู่หลังม่าน อยู่หลังโทรศัพท์ ไม่ออกมาเปิดเผยตัวเอง คนที่ออกมาเปิดเผยตัวส่วนใหญ่จะเป็นลูกน้อง ตัวเล็กเท่านั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวใหญ่ จะเป็นผู้เขียนกระดาษ “เป้รักผู้การฯ เท่าไหร่”
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายก่อน หากพบว่าเป็นจริง ต้องสอบสวนต่อว่าพัวพันกับใคร ที่มาของตำแหน่งเป็นอย่างไร มีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ ถ้าหากซื้อขายตำแหน่งมา ผู้ใดเป็นคนให้เงินไปซื้อ แหล่งเงินที่ซื้อตำแหน่งก็จะบอกได้ว่าใครเป็นตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีการจับกุมตำรวจที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวหลายครั้ง แต่ไม่เคยสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลย ควรจะปรับวิธีการสอบสวนขยายผลหรือไม่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลมีรากฐานจากเผด็จการ ซึ่งการแต่งตั้งมักจะเฉพาะคนของตัวเอง เป็นเครือข่ายของตัวเอง เพราะกลัวการถูกเช็กบิลย้อนหลัง ฉะนั้นการตรวจสอบถ่วงดุลก็มักจะติดกับคำว่า คนนี้เพื่อนนาย คนของนาย หรือเครือข่ายของนาย ส่งผลต่อกลไกการปราบปรามทุจริตทำไม่ได้ และได้แต่จับปลาซิวปลาสร้อย
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาการคอรัปชัน แตะที่ไหนก็เจอที่นั่น เหมือนอุจจาระเต็มกางเกงไปหมด ตอนนี้ไม่ต้องส่องเข้าไปในกางเกง ก็เห็นคราบสีเหลืองที่ย้อยออกมา เพราะมาจากระบบอุปถัมภ์ การซื้อขายตำแหน่ง และเครือข่ายอำนาจที่สร้างเอาไว้ ต้องทำลายให้หมด
เมื่อถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ การจัดการปัญหาคอรัปชันจะเริ่มจากจุดไหน นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะทำงานของคณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะมีการพูดถึงแนวทางการจัดการปัญหาคอรัปชันของรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพน้าพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งจะต้องรื้อใหม่ทั้งระบบ การแก้ไขกฎหมาย การออกกฎหมายคุ้มครองผู้ออกมาเปิดโปงทุจริต และการกันเป็นพยาน เพื่อทลายการคอรัปชัน
JJNY : NUG ค้านไทย ชี้ไม่ช่วยแก้วิกฤต│"ทิชา"ซัด"คนเกินเจ้า"│'วิโรจน์' จี้ขยายผลผู้การชลบุรี│ธุรกิจถนนข้าวสารโอดยอดขายวูบ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4035184
NUG ค้านไทย เชิญรมว.กต.เมียนมาหารือ ชี้ไม่ช่วยแก้วิกฤต แทรกแซงกิจการภายใน
กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา (เอ็นยูจี) ได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 17 มิถุนายน แสดงความผิดหวังที่รัฐบาลไทยเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งถือว่า ไม่มีความชอบธรรมตามกฎหมายเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับปัญหาเมียนมาระหว่างวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้
แถลงการณ์ระบุว่าการเชิญดังกล่าวจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาและวิกฤตการเมืองของเมียนมา แต่จะบ่อนทำลายการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และประชาธิปไตย ทั้งยังจะทำให้ปัญหาในเมียนมาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เอ็นยูจีระบุด้วยว่า การเชิญครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับรองกองทัพเมียนมาที่กดขี่ข่มเหงประชาชน แต่ยังแสดงถึงความไม่ใส่ใจต่อเจตจำนงค์ของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน และถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในที่ยอมรับไม่ได้ และฝ่าฝืนหลักการของอาเซียนอย่างชัดเจน
แถลงการณ์ของเอ็นยูจียังคัดค้านคำเชิญดังกล่าว และเรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศไทยยุติการกระทำที่เหลวไหลและการประชุมที่ไม่พร้อม พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ได้รับเชิญไม่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้
"ทิชา ณ นคร"ซัดต้นตอ"หยก"สุดโต่งเพราะ"คนเกินเจ้า"
https://siamrath.co.th/n/455493
วันที่ 18 มิ.ย.66 ‘ป้ามล’ ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก โพสต์เฟซบุ๊ก Thicha Nanakorn ระบุว่า
ป้าเคยคุยกับหยก 3 ครั้ง ….
เธอไม่ก้าวร้าวทุกลมหายใจและเธอไม่ได้ถูกล้างสมอง เธอเป็นตัวของตัวเองและเป็นไปตามที่อ่าน รู้ เข้าใจ เชื่อ เธออายุ 15 ปี และถูกจับตอนอายุ 14 ปี ด้วยข้อหา 112 กฎหมายที่ใครก็ได้ แจ้งความที่ไหนก็ได้ แต่ไม่รับแจ้งไม่ได้ หรือคนๆ นั้นจะอคติสุดโต่ง ล่าแม่มด คลั่ง ก็ใช้สิทธิ์นั้นได้
หลังจากรับข้อหามาตรา 112 ทุกคนที่ใกล้เธอ เห็นมาตรา 112 แต่ไม่เห็นเธอ ทุกคนที่ใกล้เธอ กลัวรังสีมาตรา 112 มากกว่ากลัวเธอ ทุกคนตัดสินเธอก่อนผู้พิพากษาและออกอาการเกินเจ้า
แม่เธอไม่ได้ทิ้งเธอ … แม่เธอไม่ได้รังเกียจพี่ๆ ที่ดูแลลูกเธอ แต่กลัวคนที่กลัวมาตรา 112 ทั้งที่ใกล้เธอและเธอต้องใกล้
หยกไม่ได้เกิดมาพร้อมความสุดโต่ง ความก้าวร้าว หยกไม่ได้บ้า ไม่ได้เพี้ยน ไม่ได้เป็น อย่างเช่นสีที่ป้าย
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า … เด็กหญิงอายุ 15 คนนี้ แรงขึ้นตามสัดส่วนของกฎหมาย
ใช่ ! เธอต้องคำราม จำเป็นต้องคำราม เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องคำราม กลไกปกป้องตนเองของเธอยังมีชีวิต ยังมีแรง ยังมีพลัง
การปกป้องสถาบันยังต้องมี … แต่การแก้ไข มาตรา 112 ก็ต้องมี เพราะคนเกินเจ้ามีจริง และคนเกินเจ้าเหล่านี้ได้ทำลายสถาบันอย่างลึกซึ้ง จริงจัง
อ๋อ ! ถ้าคุณยังเป็นพุทธะที่เมตตา อย่าลืมช่วยคิด ช่วยหาคำตอบกันด้วยว่า สังคมแบบไหนที่เด็กอายุน้อยๆ ต้องคำรามเพื่อความอยู่รอด
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=9632297613510541&id=100001911932080&ref=embed_post
'วิโรจน์' จี้ขยายผลผู้การชลบุรี ถาม "เป้รักผู้การกี่ครั้ง ผู้การรักคนอื่นต่อหรือไม่"
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7720343
‘วิโรจน์’ จี้ขยายผลผู้การชลบุรี ปม 140 ล้านบาท ถาม “เป้รักผู้การกี่ครั้ง ผู้การรักคนอื่นต่อหรือไม่” ชี้คอรัปชั่นอึเต็มกางเกง ไม่ต้องส่องก็ย้อยให้เห็น
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ปมเงิน 140 ล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อ ทราบว่าขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว แต่เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้ เนื่องจากเงินที่เรียกรับจำนวนสูงถึง 140 ล้านบาท
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต้องสอบสวนให้ชัดว่า มีการเรียกรับจริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องถามว่า “เป้รักผู้การฯ มากี่ครั้งแล้ว” และ “มีคนอื่นที่รักผู้การฯ ด้วยหรือไม่” รวมทั้ง “ผู้การฯ คือรักสุดท้ายของเป้หรือไม่” หรือ “ผู้การฯ ไปรักคนอื่นต่อหรือเปล่า”
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ไม่นานมานี้ก็พบตำรวจในระดับบังคับบัญชา มีภาพปรากฏหิ้วกระเช้าไปอวยพร แสดงความยินดี จึงต้องขยายผลต่อไปว่า เป้รักผู้การฯ แล้วผู้การฯ ไปรักใครต่อหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าหนักมาก เข้าข่ายผิดกฎหมายการเรียกรับสิน มาตรา 143 และมาตรา 149 รวมทั้งมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากระบบตั๋ว ระบบวิ่งเต้น เพราะตำรวจในระดับผู้การบางคน เข้ามาด้วยระบบซื้อขายตำแหน่งก็มีต้นทุน เมื่อเข้ารับตำแหน่งแทนที่จะมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วางแผนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ แต่กลับมาซ่องสุม ไม่ต่างจากอั้งยี่ ซ่องโจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขอเสนอให้มีการสอบสวนขยายผลว่า พัวพันกับมาเฟียในท้องถิ่น และมาเฟียกลุ่มจีนสีเทา รวมทั้งมาเฟียต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเว็บพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติดนั้นพัวพันกับขบวนการมาเฟียต่างชาติ
เมื่อถามว่า จะมีผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าผู้การฯ พัวพันหรือไม่ นายวิโรจน์ ตอบว่า ผู้ที่อยู่สูงกว่านั้นมักจะอยู่หลังม่าน อยู่หลังโทรศัพท์ ไม่ออกมาเปิดเผยตัวเอง คนที่ออกมาเปิดเผยตัวส่วนใหญ่จะเป็นลูกน้อง ตัวเล็กเท่านั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวใหญ่ จะเป็นผู้เขียนกระดาษ “เป้รักผู้การฯ เท่าไหร่”
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายก่อน หากพบว่าเป็นจริง ต้องสอบสวนต่อว่าพัวพันกับใคร ที่มาของตำแหน่งเป็นอย่างไร มีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ ถ้าหากซื้อขายตำแหน่งมา ผู้ใดเป็นคนให้เงินไปซื้อ แหล่งเงินที่ซื้อตำแหน่งก็จะบอกได้ว่าใครเป็นตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมาจะมีการจับกุมตำรวจที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวหลายครั้ง แต่ไม่เคยสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลย ควรจะปรับวิธีการสอบสวนขยายผลหรือไม่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลมีรากฐานจากเผด็จการ ซึ่งการแต่งตั้งมักจะเฉพาะคนของตัวเอง เป็นเครือข่ายของตัวเอง เพราะกลัวการถูกเช็กบิลย้อนหลัง ฉะนั้นการตรวจสอบถ่วงดุลก็มักจะติดกับคำว่า คนนี้เพื่อนนาย คนของนาย หรือเครือข่ายของนาย ส่งผลต่อกลไกการปราบปรามทุจริตทำไม่ได้ และได้แต่จับปลาซิวปลาสร้อย
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาการคอรัปชัน แตะที่ไหนก็เจอที่นั่น เหมือนอุจจาระเต็มกางเกงไปหมด ตอนนี้ไม่ต้องส่องเข้าไปในกางเกง ก็เห็นคราบสีเหลืองที่ย้อยออกมา เพราะมาจากระบบอุปถัมภ์ การซื้อขายตำแหน่ง และเครือข่ายอำนาจที่สร้างเอาไว้ ต้องทำลายให้หมด
เมื่อถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ การจัดการปัญหาคอรัปชันจะเริ่มจากจุดไหน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะทำงานของคณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะมีการพูดถึงแนวทางการจัดการปัญหาคอรัปชันของรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพน้าพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งจะต้องรื้อใหม่ทั้งระบบ การแก้ไขกฎหมาย การออกกฎหมายคุ้มครองผู้ออกมาเปิดโปงทุจริต และการกันเป็นพยาน เพื่อทลายการคอรัปชัน