JJNY : ‘ไผ่’ ปลุกด้อมส้ม-แดง│‘จาตุรนต์’ งง ‘ดอน’ โร่เชิญอาเซียน│“ดร.พิชาย”ยก6ปมทำคดีหุ้นitvจบ│“เมืองบัคมุต”เหลือเพียงซาก

‘ไผ่’ ปลุกด้อมส้ม-แดง สามัคคี-ออมแรง รอสัญญาณ ใครขวางปชช.พร้อมลงถนน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4033602
 
 
‘ไผ่’ ฝาก ด้อมส้ม-ด้อมแดง ‘เวลานี้สามัคคีกันไว้’ ชี้ศัตรูคนเดียวกัน’ เราต่างเสียเปรียบจากระบบการเมือง ชวนอดทน ออมแรง รอสถานการณ์ ‘ขวางเจตจำนง’ พร้อมลงถนน
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์เลือกตั้ง66 จัดกิจกรรม “ทวงผลเลือกตั้ง ร่วมกดดัน กกต.” #หยุดขวางทางรัฐบาลประชาชน นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน และ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ หรือ เป๋า ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ และ แซน ทะลุฟ้า ร่วมด้วย
 
บรรยากาศเวลา 19.20 น. มีการเปิดเวทีฟรีไมค์รับฟังเสียงประชาชน โดยมีคำถาม อาทิ 
1.อยากบอกอะไรรัฐบาลรักษาการ 
และ 2.อยากบอกอะไรรัฐบาลประชาชนชุดใหม่ 
 
ทั้งนี้ มีผู้ร่วมจับไมค์แสดงความเห็นอย่างต่อเนื่อง อาทิ “ลาออกได้แล้วตู่” – “ทำงานรับใช้ประชาชน ฟังเสียงประชาชน
 
เวลา 19.50 น. นายจตุภัทร หรือ ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า ตนเห็นหลายคน ออกมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 เราได้สำนึกการต่อสู้จากคนเหล่านี้ เราเห็นประชาชนเหล่านี้ออกมาต่อสู้ทุกยุคสมัย จนวันหนึ่งเราได้มาร่วมต่อสู้ และยืนที่นี่ในวันนี้ และมีคนรุ่นใหม่เรื่อยๆ เป็นคนธรรมดา ที่ออกมาต่อสู้
 
“ผมอุ่นใจมากทุกครั้ง บางคนมีคดีร่วมกัน นี่คือบรรยากาศ เรามีความหวังทุกยุคสมัย มีโอกาสเลือกตั้งก็ออกไปเลือกตั้ง สู้บนถนน การต่อสู้บนสนามเลือกตั้ง รัฐสภา มีมาเรื่อยๆ การต่อสู้ปี 63 -64 ภารกิจยังไม่สิ้นสุด แต่ยังมีคนทำตามความฝัน ออกมาทุกครั้งที่มีความอยุติธรรมในสังคม ผมคิดว่าครั้งนี้เราก็มีความหวัง อยากจะเปลี่ยนแปลง มีกฎหมายที่ดี มีรัฐสภาที่ดี ถึงออกไปเลือกตั้ง คาดหวังคุณภาพชีวิตที่ดี แต่มันไม่ใช่
 
ทุกคนรู้ว่า ก้าวไกลและเพื่อไทย ได้เสียงอันดับ 1-2 อยากให้จัดตั้งรัฐบาล แต่เรารู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ปกติ เราจึงต้องออกมากัน ผมมีความหวัง แต่อะไรที่ขัดขวางรัฐบาลประชาชน ? อันแรกคือ 1.กกต. 2.ส.ว. คือสิ่งที่เราต้องขบคิด ถอดบทเรียนเพื่อสู้ต่อไป เมื่อมีปัญหาก็ออกมา ถึงเวลาก็เลือกตั้งใหม่
ครบ 1 เดือนที่เรารอมา กกต.ยังไม่ประกาศ จนเราทวงถาม ออกมาร่วมตัวแสดงพลัง ผมเชื่อว่าการต่อสู้ในศักราชใหม่กำลังจะเกิดขึ้น คนกำหนดอนาคต คือหนุ่มสาวที่จะมาเขียนอนาคตประเทศร่วมกัน การออกมาปกป้องคือหน้าที่ของเรา เราอยากสร้างบรรยากาศใหม่ของการชุมนุม เราเห็นที่ผ่านมาเป็นบทเรียน หวังว่าปัญหาบนท้องถนนจะไปสู่รัฐสภา แต่มันจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ออกมาติดตาม และปกป้อง ส.ว. คนไหนจะโหวตและไม่โหวตให้เราบ้าง ถ้าเราไม่มีอุดมการณ์แบบนี้ ฝ่ายนั้นก็เตรียมตัวเหมือนกัน
 
“คนที่สู้ในยุคตุลา และในยุคนี้ อยากให้อดทนนิดนึง ใจเย็นๆ รอคอยผู้คนที่จะมาร่วมทางกับเรา และรอรับเพื่อนใหม่ ใครที่เรียนรู้และกลับตัว ขอให้โอบรับไว้ สร้างขบวนการต่อสู้ของทุกคน สะสมพลังจากเล็ก น้อย จนมากมายมหาศาล ถ้าไม่มีคนออกมาตั้งแต่เมื่อ 30-40 ปีที่แล่ว ก็คงไม่มีพวกผม ดังนั้นแชร์ประสบการณ์ต่อสู้ของแต่ละยุคสมัย ออกมาสร้างบรรยากาศของประชาชน พบปะกัน เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้ เรายินดีที่จะโอบรับไปด้วยกัน อุปสรรคที่ขวางหน้า ต้องรวมใจสมัคร อย่าทะเลาะกัน เขามีทรัพยากรมาก แต่เรายืนระยะไม่ได้ ต้องหาเช้า-กินค่ำ ไม่ได้มีเวลา ทรัพยากรมากจนรอคอยได้แบบเขา เราต้องการการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด วันนี้ เดี๋ยวนี้ เพราะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้วรอคอยได้ เราเชื่อว่าปัญหาสังคมไทยที่ผ่านมา คือปัญหาการเมือง มันคือปมของทุกอย่าง
 
การที่เรายืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ มันเกิดการเรียนรู้ของเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคม เกิดการตั้งคำถาม ถกเถียง ตกผลึก การเลือกตั้งครั้งนี้คือการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นไม่ว่าจะด้อมส้ม ด้อมแดง เวลานี้สามัคคีกันไว้ เรามีศัตรูคนเดียวกัน ขวากหนามอันเดียวกัน คือ กกต. ที่ไม่ประกาศผล คือ ส.ว.ที่จะขวางการจัดตั้งรัฐบาล หรือการยุบพรรค ฝากแฟนคลับกลุ่มการเมืองทั้งหลาย พวกเราทั้งหมดคือผู้ถูกกดขี่ เสียเปรียบจากระบบการเมืองแบบนี้
 
เราอยากสร้างหมู่ประชาชนเข้มแข็งไปด้วยกัน การต่อสู้ในศักราช 66 เริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้จะเริ่มจากน้อยนิด แต่สำคัญมาก เพราะคือการเริ่มต้นของคนที่พ่ายแพ้แต่ไม่ยอมแพ้ เรามารวมกันตรงนี้เพราะคิดจะสู้ใหม่ เราจะสู้ด้วยความหวัง จนกว่าจะชนะ หลายคนมองว่าประเทศนี้น่าจะไม่สีทองผ่องอำไพอีกแล้ว แต่ตราบใดที่ยังมีคนต่อสู้ ขอให้อดทน เข้มแข็ง เก็บแรงกันไว้ รอคอยว่าจะมีสถานการณ์การเมืองไหน เรามีหน้าที่ออกมาปกป้องเจตจำนงประชาชน และองค์กรที่ขัดขวางเจตจำนง สู้ขนาดนี้ มันส่งต่อมาแล้ว การเปลี่ยนแปลงในรัฐสภา ในมิติต่างๆ จะเกิดขึ้น เราจะต่อสู้บนท้องถนน เพื่อส่งคน ส่งประเด็นต่างๆ เข้าไปในสภา ครั้งนี้จะเปิดโอกาสการเปลี่ยนแปลง ศักราชของปี 66 เริ่มต้นขึ้นแล้ว มาร่วมออกแบบการต่อสู้นี้ไปด้วยกัน เพราะทุกคนคือเจ้าของประเทศนี้” นายจตุรภัทรกล่าว ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา 20.10 น.
 
สำหรับกิจกรรมดังกล่าว สืบเนื่องจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 14 พฤษภาคม 2566 ผ่านพ้นไปเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน แต่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศรับรองผล ส.ส.อย่างเป็นทางการ แม้จะยังไม่เลยกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ 60 วัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 127 ก็ตาม

แต่ส่งผลให้กระบวนการเปิดประชุมสภาและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังเริ่มขึ้นไม่ได้ เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์เลือกตั้ง66 จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการประวิงเวลาของ กกต.หรือไม่ ด้วยเหตุผลใด เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้เวลารับรองผลการนานกว่าปกติ จึงนัดหมายรวมตัวเพื่อทวงผลเลือกตั้งให้ประเทศเดินหน้า
 


‘จาตุรนต์’ งง ‘ดอน’ โร่เชิญอาเซียนถกวิกฤตเมียนมา ทำไมไม่รอรบ.หน้าหรือมั่นใจได้อยู่ต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4033726

‘จาตุรนต์’ งง ‘ดอน’ เชิญอาเซียนถกวิกฤตเมียนมา ทำไมไม่รอรบ.หน้าจัดการ หรือมั่นใจได้อยู่ต่อ
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้แชร์ทวินข่าวของ สุทธิชัย หยุ่น ที่ระบุว่า

วงการทูตอาเซียนเครียด! รัฐมนตรีต่างประเทศ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ของรัฐบาลรักษาการของไทยเชิญรัฐบาลทหารพม่ามาไทยวันอาทิตย์นี้เพื่อถกวิกฤตเมียนมา ” “ดอน” ร่อนจดหมายเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมาร่วม แต่อินโดนีเซีย, เจ้าภาพอาเซียนปีนี้, ไม่มา แถมยัอนว่าอาเซียนกำลังดำเนินการอยู่แล้ว
 
โดย นายจาตุรนต์ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่รอให้รัฐบาลหน้าตัดสินใจ หรือมั่นใจว่าจะเป็นรัฐบาลต่อไปอีก
 
https://twitter.com/chaturon/status/1669851111719837696
 


“ดร.พิชาย”ยก6ปมทำคดีหุ้นitvจบ “พิธา”รอด คาดกกต.ยุติการดำเนินการตามม.151
https://www.dailynews.co.th/news/2444772/

“ดร.พิชาย”ยก 6 ปมทำคดีหุ้นไอทีวีจบ “พิธา”รอด คาดกกต.จะยุติการดำเนินการตามม.151 และคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงยื่นนี้ต่อศาลรธน. เพราะอาจเข้าข่ายการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยก.ม. ดีไม่ดีถูกฟ้องกลับม.143ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตรองคณบดีคณะพัฒนาสังคม และสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 

คดีหุ้น itv จบแล้ว

1. นายพิธา เป็นผู้จัดการมรดก  หุ้น itv เป็นของกองมรดก ไม่ใช่ของนายพิธา  แม้ว่านายพิธา เป็นหนึ่งในทายาท  แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้แบ่งมรดกส่วนนี้ให้ใคร ก็หมายความว่ายังไม่มีทายาทคนใดเป็นเจ้าของหุ้นนี้  ดังนั้นที่ผ่านมาจะถือว่านายพิธาครอบครองหุ้นไม่ได้ (ปัจจุบันหุ้นส่วนนี้ได้โอนให้ทายาทคนอื่นไปแล้ว)

2  แม้อาจมีใครที่ ตีความว่านายพิธา ถือหุ้นสื่อ และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจยกคำร้องด้วยเหตุผลในข้อ 1  แต่ถ้ารับคำร้อง นายพิธาก็ยังคงมีโอกาสรอดสูง  เพราะบรรทัดฐานของคดีปกครองและคดีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีความสอดคล้องกัน ดังนี้

  “การที่จะพิจารณาว่า บุคคลใดเป็นหรือเคยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น #ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง หรือไม่ นั้น #จะต้องพิจารณาตรวจสอบตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏ ว่า บริษัทได้ประกอบกิจการจริงหรือไม่ #มิใช่พิจารณาเพียงวัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น”

ศาลรัฐธรรมนูญในเดือนตุลาคม 2563 ก็พิพากษากรณีถือหุ้นสื่อของน.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ตามแนวนี้  และในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 963/2565   (ประชุมใหญ่) ระบุชัดว่า

“การพิจารณาวัตถุประสงค์ของบริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่เพียงอย่างเดียว แล้วมีมติว่า บริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม กรณีจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

( เพจบรรทัดฐานคดีปกครองและคดีรัฐธรรมนูญ 7 มิถุนายน 2566)

3. ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2566 กรณีถือหุ้นสื่อของ นายชาญชัย ผู้สมัคร ส.ส. จ.นครนายก พรรค ปชป. ศาลฎีกา ก็ใช้แนวทางนี้  และยังได้นำเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาร่วมวินิจฉัยด้วย นั่นคือหากถือหุ้นในสัดส่วนน้อย จะไม่สามารถครอบงำสื่อได้  จึงคืนสิทธิการสมัคร ส.ส.แก่นายชาญชัย

4. ด้วยข้อเท็จจริงเหล่านี้ จึงทำให้ขบวนการสกัดนายพิธา พยายามที่จะรื้อฟื้นความเป็นสื่อแก่ itv โดยหวังว่าจะเพิ่มน้ำหนักแก่ข้อกล่าวหา  แต่ก็ถูกเปิดโปงเสียก่อน จนทำให้หลักฐานที่พยายามสร้างเพื่อแสดงความเป็นสื่อของ itv สูญสิ้นความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง 

5 และถึงแม้ว่าจะรื้อฟื้นความเป็นสื่อได้ ก็ยังต้องเจอกับคำตัดสินล่าสุดของศาลฎีกาที่ยึดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ  เพราะหุ้นที่อ้างว่านายพิธา ถือครองนั้นมีสัดส่วนเพียงประมาณ 0.0035% เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถมีอิทธิพลใด ๆ ต่อ การครอบงำไอทีวีแต่อย่างใด

6.สรุปนายพิธาก็จะรอด เพราะ  1) นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก ไม่ได้ครอบครองหุ้น ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  2) ตามข้อเท็จจริง ไอทีวีก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อแล้วตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา  3) สัดส่วนหุ้นที่ก็น้อยมาก ซึ่งไม่สามารถครอบงำได้

คดีหุ้นสื่อ ไอทีวีจึงจบลงด้วยประการฉะนี้

คาดว่า กกต.คงจะยุติการดำเนินการตามมาตรา 151 ในไม่ช้า

และคาดว่าคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาเรื่องนี้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญอีก ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือ ส.ส.  เพราะหากยื่นอาจเข้าข่ายการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

และหากนำเอกสารที่พยายามรื้อฟื้นความเป็นสื่อให้แก่ไอทีวียื่นเป็นหลักฐานต่อศาล  อาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องกลับตามมาตรา 143 ของ พรป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และดีไม่ดีต้องจบชีวิตในคุก

ส่วนคนที่ใช้กฎหมายอาญา มาตรา 157  เพื่อขู่ให้ กกต. ยื่นเรื่องก็รอดตัวไป เพราะได้โยนเผือกร้อนไปให้ กกต. ไปแล้ว

https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/pfbid0UK3Wfw6nphLr2dQqdSw2XQ2UtE6hWabrw56ppVbnyxDhzwPn3QfqJqzvb7XDqwf2l
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่