โคราชเนื้อหมูแพง สวนทางกับราคาผักสด ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าสู่ฤดูฝน
https://www.matichon.co.th/local/news_4023396
โคราชเนื้อหมูแพง สวนทางกับราคาผักสด ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าสู่ฤดูฝน
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมู และผักสด ในตลาดแม่กิมเฮง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่า เนื้อหมูมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสวนทางกับผักสดที่มีการปรับตัวลดลงหลายชนิด
จากการสอบถามพ่อค้าเขียงหมูรายหนึ่ง (สงวนชื่อ) ภายในตลาดสดแม่กิมเฮง เปิดเผยว่า ตอนนี้ราคาเนื้อหมู่ที่แผงของตนเองนั้น เนื้อสัน ขายอยู่ที่ กก.ละ 170-180 บาท แล้วแต่เกรด, เนื้อหมู 3 ชั้น กก.ละ 180 บาท และเนื้อติดมัน กก.ละ 170 บาท เป็นต้น
ช่วงนี้ราคาเนื้อหมู่มีการปรับขึ้นทุกช่วงวันพระ ซึ่งแผงหมู่ในตลาดสดไม่สามารถควบคุมราคาเองได้ โดยที่แผงของตนเองนี้ก็รับมาจากพ่อค้าคนกลางอีกหลายทอด ประมาณ 5 ทอด ทำให้ต้นทุนสูงมาก เช่นรับมา กก.ละ 145-150 บาทแล้ว จะให้ขายราคาถูกกว่านี้ก็ขาดทุน จึงจำเป็นต้องบอกกำไรเล็กน้อย เพื่อให้สามารถอยู่ได้
ขณะเดียวกัน นาง
ม้วน ถิขุนทด แม่ค้าแผงผักสด ในตลาดแม่กิมเฮง กล่าวว่า ช่วงนี้อะไรก็แพงหมด ยกเว้นผักสด เพราะเข้าสู่ฤดูฝน ผักจะออกสู่ตลาดปริมาณมากขึ้น ทำให้ราคาผักสดหลายชนิดปรับตัวลดลงอย่างมาก เช่น ผักบุ้ง จากเดิมราคา กก.ละ 50 บาท ลดลงเหลือ กก.ละ 20 บาท, ใบโหระพา และใบกระเพรา จากเดิมราคา กก.ละ 100 บาท ลดลงเหลือ กก.ละ 20-30 บาท, ต้นหอม จาก กก.ละ 170 บาท เหลือ กก.ละ 120 บาท และผักสลัด จาก กก.ละ 80 บาท เหลือ กก.ละ 50 บาท เป็นต้น
“
ที่เป็นเช่นนี้นอกจากผักจะออกสู่ตลาดมากแล้ว ยังมีเรื่องของผักถูกฝนเน่าเสีย ที่สวนผักต้องเร่งเก็บส่งตลาดก่อนที่ผักจะเสียหายหมด ทำให้ช่วงนี้ราคาผักถูกลงมาก ซึ่งช่วงหน้าฝนจะเป็นเช่นนี้ทุกปี ถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาผักจะถูกลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขายดีอะไร เพราะเศรษฐกิจไม่ดี แผงขายผักสดก็เงียบเหงาเหมือนเดิม”
'พิธา' รอด 100% อดีตที่ปรึกษา ปธ.สภา ฟันธงปม ม.151 'เหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุด'
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023399
‘พิธา’ รอด 100% อดีตที่ปรึกษา ปธ.สภา ฟันธงปม ม.151 ‘เหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุด’
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นาย
ประทีป วัชรโชคเกษม อดีตประธานอนุกรรมการผ่านร่างกฎหมายตั้งศาลทุจริตแห่งชาติ และอดีตที่ปรึกษาประธานสภาฯ ยุค นาย
มารุต บุนนาค ให้ความเห็นประเด็น มาตรา 151 ว่า นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอด 100% และเป็นกุศโลบายที่ลึกซึ้งซึ่ง กกต. ตัดคำร้อง 3 นักร้องตกไป และฟ้องเอง
นาย
ประทีป อธิบายเพิ่มเติมดังนี้
1. ช่วยให้ไม่ต้องโยนเผือกร้อนให้ศาลรัฐธรรมนูญ และให้มีการรับรองการเป็น สส.ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สส. ทั้งหมด ที่ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่
2. การกล่าวหาว่ารู้อยู่แล้วว่ามีหุ้นสื่อ itv ซึ่งได้รับมรดกมา และผ่านการตรวจสอบจาก กกต.ในการสมัคร สส.ปี 62 และปี 66 และผ่าน ปปช.มาแล้ว และกรณี นาย
ชาญชัย ถูกตัดสิทธิ์ และต่อสู้ศาลตัดสินว่า ถือหุ้นน้อยนิดไม่สามารถครอบงำกิจการได้
3. เมื่อไต่สวนยื่นฟ้อง อัยการอาจไม่สั่งฟ้อง ถึงฟ้องศาลอาจไม่รับฟ้อง ยังไงก็ชนะ ถ้าผิด กกต.ก็ผิด และมีเวลาเป็นปี และผ่านจุดตายมาได้แล้ว
4. ถึงพวก 3นักร้อง หรือ สส. สว. จะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญอีก ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องดูผลคดี ม.151 เรื่องถือหุ้น itv จึงจบแบบสวย ดูเหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุดสำหรับคุณ พิธา ที่จะผ่าน ด่าน สว. หรือไม่
“
และจะมีใครโหวตสู้ไหม ยังใช้เวลา อาจถึงเดือนธันวาคม จึงชนะ นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาตอนนี้ มีอันตรายสุดๆ 1 มกราคม 67 จึงโชคดี แบบสง่างาม”
ไพศาล อัด ‘กกต.’ 28 วันยังไม่รับรองส.ส. ซัด 12 ผลกระทบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023367
ไพศาล อัด ‘กกต.’ 28 วันยังไม่รับรองส.ส. ซัด 12 ผลกระทบหนักหนาสาหัสมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นาย
ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้กกต.เร่งประกาศรับรองผลส.ส. โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เลือกตั้งเสร็จ 28 วันแล้ว ยังไม่รับรองผลเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ห่วงผลกระทบ 12 ประการ ที่เกิดขึ้น บ้างเลยหรือ??
ผลกระทบ 12 ประการ จากการที่ยังไม่รับรอง ส.ส.
1. เปิดสภาไม่ได้
2. เลือกประธานสภาไม่ได้
3. เลือกนายกไม่ได้
4. โปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกไม่ได้
5. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. ไม่ได้
6. รัฐบาลรักษาการต่อไป โดยที่อำนาจในการบริหารเหลือน้อยเต็มที
7. งบประมาณ 2567 เดินหน้าไม่ได้
8. ทำโครงการพัฒนาประเทศไม่ได้
9. ทำข้อตกลงกับต่างประเทศไม่ได้
10.รัฐบาลที่ประชาชนต้องการให้เข้ามาแก้ปัญหา เข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้
11 ปัญหาการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร แก้ไขไม่ได้
12 การปฏิรูปทุกประการทำไม่ได้
บาปกรรมทั้ง 12 ประการนี้ จะหนักหนาสาหัสมากขึ้น ตามวันเวลาที่ผ่านไป
27 ล้านเสียงของประชาชนที่เลือกตั้ง มอบฉันทามติให้แก่รัฐบาลใหม่ ใครจะบังอาจมองข้าม หรือลบล้างได้เล่า
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/816294429856501?ref=embed_post
JJNY : โคราชเนื้อหมูแพง│'พิธา' รอด 100% อดีตที่ปรึกษา ปธ.สภา ฟันธง│ไพศาลอัด ‘กกต.’│อจ. 20 มหาลัยหนุนเลือกผู้ว่าฯ ทั่วปท.
https://www.matichon.co.th/local/news_4023396
โคราชเนื้อหมูแพง สวนทางกับราคาผักสด ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าสู่ฤดูฝน
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมู และผักสด ในตลาดแม่กิมเฮง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่า เนื้อหมูมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสวนทางกับผักสดที่มีการปรับตัวลดลงหลายชนิด
จากการสอบถามพ่อค้าเขียงหมูรายหนึ่ง (สงวนชื่อ) ภายในตลาดสดแม่กิมเฮง เปิดเผยว่า ตอนนี้ราคาเนื้อหมู่ที่แผงของตนเองนั้น เนื้อสัน ขายอยู่ที่ กก.ละ 170-180 บาท แล้วแต่เกรด, เนื้อหมู 3 ชั้น กก.ละ 180 บาท และเนื้อติดมัน กก.ละ 170 บาท เป็นต้น
ช่วงนี้ราคาเนื้อหมู่มีการปรับขึ้นทุกช่วงวันพระ ซึ่งแผงหมู่ในตลาดสดไม่สามารถควบคุมราคาเองได้ โดยที่แผงของตนเองนี้ก็รับมาจากพ่อค้าคนกลางอีกหลายทอด ประมาณ 5 ทอด ทำให้ต้นทุนสูงมาก เช่นรับมา กก.ละ 145-150 บาทแล้ว จะให้ขายราคาถูกกว่านี้ก็ขาดทุน จึงจำเป็นต้องบอกกำไรเล็กน้อย เพื่อให้สามารถอยู่ได้
ขณะเดียวกัน นางม้วน ถิขุนทด แม่ค้าแผงผักสด ในตลาดแม่กิมเฮง กล่าวว่า ช่วงนี้อะไรก็แพงหมด ยกเว้นผักสด เพราะเข้าสู่ฤดูฝน ผักจะออกสู่ตลาดปริมาณมากขึ้น ทำให้ราคาผักสดหลายชนิดปรับตัวลดลงอย่างมาก เช่น ผักบุ้ง จากเดิมราคา กก.ละ 50 บาท ลดลงเหลือ กก.ละ 20 บาท, ใบโหระพา และใบกระเพรา จากเดิมราคา กก.ละ 100 บาท ลดลงเหลือ กก.ละ 20-30 บาท, ต้นหอม จาก กก.ละ 170 บาท เหลือ กก.ละ 120 บาท และผักสลัด จาก กก.ละ 80 บาท เหลือ กก.ละ 50 บาท เป็นต้น
“ที่เป็นเช่นนี้นอกจากผักจะออกสู่ตลาดมากแล้ว ยังมีเรื่องของผักถูกฝนเน่าเสีย ที่สวนผักต้องเร่งเก็บส่งตลาดก่อนที่ผักจะเสียหายหมด ทำให้ช่วงนี้ราคาผักถูกลงมาก ซึ่งช่วงหน้าฝนจะเป็นเช่นนี้ทุกปี ถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาผักจะถูกลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขายดีอะไร เพราะเศรษฐกิจไม่ดี แผงขายผักสดก็เงียบเหงาเหมือนเดิม”
'พิธา' รอด 100% อดีตที่ปรึกษา ปธ.สภา ฟันธงปม ม.151 'เหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุด'
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023399
‘พิธา’ รอด 100% อดีตที่ปรึกษา ปธ.สภา ฟันธงปม ม.151 ‘เหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุด’
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายประทีป วัชรโชคเกษม อดีตประธานอนุกรรมการผ่านร่างกฎหมายตั้งศาลทุจริตแห่งชาติ และอดีตที่ปรึกษาประธานสภาฯ ยุค นายมารุต บุนนาค ให้ความเห็นประเด็น มาตรา 151 ว่า นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอด 100% และเป็นกุศโลบายที่ลึกซึ้งซึ่ง กกต. ตัดคำร้อง 3 นักร้องตกไป และฟ้องเอง
นายประทีป อธิบายเพิ่มเติมดังนี้
1. ช่วยให้ไม่ต้องโยนเผือกร้อนให้ศาลรัฐธรรมนูญ และให้มีการรับรองการเป็น สส.ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ สส. ทั้งหมด ที่ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่
2. การกล่าวหาว่ารู้อยู่แล้วว่ามีหุ้นสื่อ itv ซึ่งได้รับมรดกมา และผ่านการตรวจสอบจาก กกต.ในการสมัคร สส.ปี 62 และปี 66 และผ่าน ปปช.มาแล้ว และกรณี นายชาญชัย ถูกตัดสิทธิ์ และต่อสู้ศาลตัดสินว่า ถือหุ้นน้อยนิดไม่สามารถครอบงำกิจการได้
3. เมื่อไต่สวนยื่นฟ้อง อัยการอาจไม่สั่งฟ้อง ถึงฟ้องศาลอาจไม่รับฟ้อง ยังไงก็ชนะ ถ้าผิด กกต.ก็ผิด และมีเวลาเป็นปี และผ่านจุดตายมาได้แล้ว
4. ถึงพวก 3นักร้อง หรือ สส. สว. จะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญอีก ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องดูผลคดี ม.151 เรื่องถือหุ้น itv จึงจบแบบสวย ดูเหมือนน่ากลัว แต่ดีที่สุดสำหรับคุณ พิธา ที่จะผ่าน ด่าน สว. หรือไม่
“และจะมีใครโหวตสู้ไหม ยังใช้เวลา อาจถึงเดือนธันวาคม จึงชนะ นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาตอนนี้ มีอันตรายสุดๆ 1 มกราคม 67 จึงโชคดี แบบสง่างาม”
ไพศาล อัด ‘กกต.’ 28 วันยังไม่รับรองส.ส. ซัด 12 ผลกระทบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023367
ไพศาล อัด ‘กกต.’ 28 วันยังไม่รับรองส.ส. ซัด 12 ผลกระทบหนักหนาสาหัสมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้กกต.เร่งประกาศรับรองผลส.ส. โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เลือกตั้งเสร็จ 28 วันแล้ว ยังไม่รับรองผลเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ห่วงผลกระทบ 12 ประการ ที่เกิดขึ้น บ้างเลยหรือ??
ผลกระทบ 12 ประการ จากการที่ยังไม่รับรอง ส.ส.
1. เปิดสภาไม่ได้
2. เลือกประธานสภาไม่ได้
3. เลือกนายกไม่ได้
4. โปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกไม่ได้
5. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. ไม่ได้
6. รัฐบาลรักษาการต่อไป โดยที่อำนาจในการบริหารเหลือน้อยเต็มที
7. งบประมาณ 2567 เดินหน้าไม่ได้
8. ทำโครงการพัฒนาประเทศไม่ได้
9. ทำข้อตกลงกับต่างประเทศไม่ได้
10.รัฐบาลที่ประชาชนต้องการให้เข้ามาแก้ปัญหา เข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้
11 ปัญหาการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร แก้ไขไม่ได้
12 การปฏิรูปทุกประการทำไม่ได้
บาปกรรมทั้ง 12 ประการนี้ จะหนักหนาสาหัสมากขึ้น ตามวันเวลาที่ผ่านไป
27 ล้านเสียงของประชาชนที่เลือกตั้ง มอบฉันทามติให้แก่รัฐบาลใหม่ ใครจะบังอาจมองข้าม หรือลบล้างได้เล่า
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/816294429856501?ref=embed_post