เทคโนโลยีจะก้าวหน้าแค่ไหน ชีวิตหลังความตายของแต่ละศาสนาก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่แท้จริงใครกล่าวถูกใครกล่าวผิด

จริงๆผมศึกษาชีวิตหลังความตายของแต่ละศาสนามานิดหน่อยเพราะความสนใจ เป้าหมายเพื่อความกระจ่างในปัญญา ไม่ได้เพื่อลบหลู่ หรือบอกถูกผิด แต่เพียงตั้งข้อสังเกตุว่าความเชื่อของแต่ละศาสนาไม่เหมือนกันเลย ตามความเชื่อของพระศาสดาและพระคัมภีร์ของแต่ละศาสนาของตนเอง 

ศาสนาเกือบทุกศาสนาจะมีทัศนะต่อชีวิตของมนุษย์ที่เรียกว่า ทวินิยม (Dualism)ซึ่งจะมีการแบ่งชีวิตแบ่งออกได้2อย่างด้วยกันคือ กายกับจิต หรือ รูปกับนาม โดยสอดคล้องกับความในเรื่องเชื่อความตายที่กล่าวว่า ความตายเป็นเพียงแค่การแตกสลายของธาตุ (กาย)4ดิน ิน้า ลม ไฟแต่หากดวงวิญญาณ (จิต) ยังคงเป็นอมตะไม่มีวันตายวิญญาณที่เคยอาศัยอยู่ในกาย (รูป) ก็ได้ออกจากกายเพื่อเข้าสู่สภาวะของการเกิดใหม่หรือต้องเผชิญเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายต่อไป คติความเชื่อในเรื่องของชีวิตก่อนตายหรือหลังตายในแต่ละศาสนาก็จะมีรูปแบบการสั่งสอนที่แตกต่างกันโดยจุดประสงค์ก็เพื่อให้ศาสนิกชนเชื่อว่าชีวิตก่อนหรือหลังความตายมีลักษณะอย่างไร ภพภูมิของวิญญาณเป็นอย่างไร มีหลักปฏิบัติอย่างไร โดยแต่ละศาสนาก็จะมีหลักการสอนและวิธีปฏิบัติใน รูปแบบของความดี เพื่อเป็นการมุ่งหวังว่าชีวิตของศาสนิกชนของตนเองเมื่อตายไปแล้วดวงวิญญาณก็จะไปสู่ภพที่ดีตามคำสอนของแต่ละศาสนา

ความเชื่อในเรื่องวิญญาณ (จิต) (ชีวิตหลังความตาย) ในศาสนาต่างๆ สามารถแบ่งประเภทกลุ่มศาสนาได้2ประเภท ดังนี
1.เทวนิยม จะเชื่อในพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุดในการบันดาลและตัดสินทุกอย่างในมนุษย์ พระองค์เป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งหลาย พระองค์สามารถที่ติดต่อมนุษย์โดยผ่านศาสดาพยากรณ์หลายองค์ พระองค์มีอ านาจในการดลบันดาลทุกๆอย่างให้เป็นไปตามประสงค์ของพระองค์ แต่เมื่อกล่าวถึงวิธีการสอนชีวิตก่อนตายศาสนาเทวนิยมก็จะมีหลักค าสอนที่มีเป้าหมายมุ่งเน้นให้ศาสนิกชนพากันท าความดีละเว้นความชั่วเพื่อการเข้าถึงความสุขนิรันดร์ในโลกหน้าหลังจากเสียชีวิต โดยมีพระผู้เป็นเจ้าคอยที่จะตัดสินความดีความชั่วของมนุษย์ด้วยพระองค์เอง
2.อเทวนิยม ศาสนาที่ปฏิเสธอ ำนาจของพระเจ้าหรืออ านาจความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พร้อมทั้งปฏิเสธความไม่มีอยู่จริงของพระเจ้า รวมทั้งมีความเชื่อว่าโลกและสรรพสิ่งเกิดขึ้นเองตามกฎของธรรมชาติ มนุษิย์เป็นผู้ก าหนดชะตาชีวิตของตนเองทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย พร้อมทั้งไม่ได้ให้ความส าคัญกับปัญหาของชีวิตหลังความตายเชื่อว่าทุกมนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง ใครท ากรรมดีก็จะได้รับผลของกรรมดีใครท ากรรมชั่วก็จะได้รับกรรมชั่ว ในหลักค าสอนเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ให้เร่งท าความดีให้มากและงดเว้นจากความชั่วเพราะเมื่อจากโลกนี้ไปก็มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วที่ตนเองท าไว้ติดตามตัวไปไม่มีใครที่จะสามารถแก้ไขกรรมเหล่านั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความส าเร็จล้วนแต่ไม่ได้มาจากการอ้อนวอนร้องขอจากพระเจ้า

อิสลาม ความเชื่อของศาสนาอิสลามเกี่ยวกับความตาย เป็นแบบผสมผสานระหว่างศาสนายูดาห์และศาสนาโซโรอัสเตอร์ เมื่อคนตายแล้ววิญญาณจะไม่ตายเพราะเป็นอมตะ จะอยู่ในภพภูมิหนึ่ง(อัล เบลซาฮัค) คอยวันพิพากษาโลก  เมื่อถึงวันพิพากษาโลกทุกร่างจะลุกออกมาจากหลุมศพ วิญญาณจะต่อร่างกายส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นคนปกติแล้วนำไปเฝ้าพระอัลเลาะห์ เพื่อรับการตัดสินบุญบาป คนที่ทำความดีก็จะถูกส่งขึ้นสู่สวรรค์ส่วนคนที่ท าความชั่วก็จะลงสู่นรก

พุทธ ความเชื่อชีวิตหลังความตายขึ้นอยู่กับ การกระทำสมัยมีชีวิตอยู่ บาป กรรมดีและกรรมชั่ว สรุปได้ว่า พุทธศาสนาเชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายชีวิตมีอยู่เพราะอาศัยปัจจัยต่าง ๆ มาประกอบกันอย่างเหมาะสมกล่าวคือ ขันธ์ 5 ที่ประกอบไปด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งความตายเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้นอกจากความสิ้นไปแห่งปัจจัยเหล่านั้น สาเหตุของความตายมี4สาเหตุคือการสิ้นอายุขัย สิ้นกรรม สิ้นทั้งอายุและกรรม และมีเหตุหรือกรรมอย่างอื่นมาตัดรอนพระพุทธศาสนามีค าสอนให้เชื่อกฏแห่งกรรมมีอยู่จริง ถ้าหากบุคคลใดทำกรรมดีก็จะได้ดีหากบุคคลใดทำกรรมชั่วก็ได้ชั่วทุกๆอย่างของการกระทำมีกรรมคอยส่งผล กล่าวคือ มีกรรมวิบาก หมายถึง ต้องรับผลของกรรม มนุษย์ทุกคนเป็นเจ้าของกรรมที่ทำไว้ และเป็นเจ้าของแห่งผลกรรมนั้นๆ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อกรรมที่ตนเองได้กระทำไม่ว่าจะเป็นกรรมหรือกรรมชั่ว โดยเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริง

ศาสนาคริสต์ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ประกอบด้วย3ส่วน คือวิญญาณ จิตใจ ร่างกาย สามส่วนนี้จะทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติในโลกนี้ ชีวิตหลังความตายมีกล่าวไว้ 2 อย่างคือ
1.ชีวิตหลังความตาย คือการกลับไปมี“ชีวิตนิรันดร์”ซึ่งหมายความว่า เมื่อตายแล้วมนุษย์จะกลับไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์อันเป็นที่อยู่ถาวร ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้สำหรับมนุษย์ทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระองค์
2.เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลง ร่างกายจะสลายกลายเป็นธุลีดินตามเดิม ส่วนวิญญาณที่แยกออกจากร่างกายจะถูกนำไปพิพากษาตามบุญและบาปของตนที่ได้เคยกระทำไว้ หากทำความดีมากๆ ก็จะไปยังสวรรค์ แต่หากทำความชั่วก็จะไปยังสถานไฟชำระหรือนรกเพื่อชำระโทษ นอกจากนั้นชาวคาทอลิกยังมีความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพภายหลังความตายอีกด้วย

หมายเหตุ :ทุกศาสนาล้วนมีคำสอนให้ทุกคนมุ่งกระทำแต่ความดี ทั้งหมด

******ดังนั้นในทัศนะของผมเองล้วนๆ เน้นว่า คหสต เรื่อง ชีวิตหลังความตาย*****
1.จะต้องมีเพียงหนทางเดียวหรือเพียงวิธีเดียวหรือไม่
2.ชีวิตหลังความตายหรือที่สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของศาสนาหรือไม่  เชื่ออย่างไรไปที่อย่างนั้นตามความเชื่อ
3.หากศาสนาใดสามารถพิสูจน์และทำนายถูกแสดงว่าอีกหลายศาสนาจะต้องกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่
4.สมมุติหากปัจจุบันนับถือศาสนาพุทธและต่อมาแต่งงานเป็นอิสลามจะทำให้ชีวิตหลังความตายพิพากษาอย่างไร 
5.หากอีก 1,000 ปี 10,000 ปี เทคโนโลยีหรือความก้าวหน้าระดับเดินทางข้ามกาลเวลาจะสามารถพิสูจน์ชิวิตหลังความตายได้หรือไม่ 

ขอบคุณทุกทัศนะ ไม่มีถูกผิดแต่ผมตั้งข้อสงสัยเพื่อความกระจ่างในปัญญาครับ
หากข้อมูลที่ผมหยิบยกมาเป็นตัวอย่างคลาดเคลื่อนต้องขออภัยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่