JJNY : 5in1 ‘อรรถจักร์’ ลั่น│‘เพื่อไทย’รับห่วง‘พิธา’│สุทินชี้ส่อทุจริต│อ.ปริญญา ถามกกต.รับผิดชอบได้มั้ย│แม่ค้าขายไข่โอด

‘อรรถจักร์’ ลั่น กกต.ตัดสินใจพลาด เตรียมรับผิด เจาะเกม ‘สอยพิธา’ ใช้ ม.151 เลี่ยงเทียบคดี-ลดกระแสต้าน?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4022802
 
 
‘อรรถจักร์’ อัด กกต.มักง่ายไม่ได้ – เจาะเกมใช้ ม.151 ฟันพิธา เลี่ยงเปรียบเทียบคดี – ลดกระแสต่อต้าน ? ลั่น ตัดสินใจพลาดเตรียมรับวิกฤต ‘โศกนาฏกรรมสังคม’
 
สืบเนื่องสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติตั้งกรรมการไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ตาม ม.42(3) และ ม.151 มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง นั้น
 
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เผยแพร่จดหมายถึงสังคมไทย เรื่อง “กกต. กับการ ‘หาทาง’ ลงโทษที่เน้นสำนึกส่วนบุคคล” โดยมีเนื้อหาความว่า
 
น่าเศร้าใจนะครับที่กระบวนการเคลื่อนเข้าสู่ประชาธิปไตยของสังคมไทยกำลังถูกทำให้ชะงักงัน และอาจจะนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
 
ผมกำลังจะพูดถึงเกมการเมืองของ กกต. ที่ออกมาในรูปของการเน้นให้ความผิดของ คุณพิธา (ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30) นั้น กลายเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากสำนึกส่วนบุคคลของคุณพิธาเอง ตามมาตราที่ 151 การเลือกเน้นการพิจารณาข้อกล่าวหาคุณพิธา ในลักษณะเช่นนี้ จะทำให้ดูเสมือนว่า กกต.มีความชอบธรรมในการที่จะลงโทษคุณพิธา ผมคิดว่า กกต.คงจะประเมินว่าหากออกมาในลักษณะที่เป็นความผิดส่วนบุคคลและเป็นสำนึกของคุณพิธาเพียงคนเดียว น่าจะลดกระแสต่อต้านของมวลชนลงเพราะเป็นความผิดที่ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะส่วนตัวของบุคคลโดยแท้
 
ผมรู้สึกตงิดๆ ใจ อยู่ตั้งแต่เห็นหน้าบรรดา กกต.ที่โผล่มาทางโทรทัศน์ว่ามีลักษณะ “กระหยิ่มยิ้มย่อง” ก่อนการประกาศจะใช้มาตรา 151 และเป็นการ “รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ” ซึ่งหมายความว่า กกต.จะใช้อำนาจพิจารณาเรื่องนี้ก่อนส่งต่อไปยังศาลยุติธรรม อำนาจของการพิจารณาคดีพิธานี้ สังคมไทยจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมาตรา 151 นี้กำหนดบทลงโทษไว้สูงลิ่ว คือมีทั้งโทษจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งนานถึง 20 ปี
 
การที่เลือกมาตรา 151 นี้ ก็เพราะต้องการเลี่ยงการเปรียบเทียบกับคดีการถือหุ้นสื่ออื่นๆ ที่จะทำให้ผลการตัดสินเป็นคุณแก่กรณีคุณพิธา การใช้มาตรา 151 ก็เพราะหวังว่าจะใช้คดีของคุณสิระ เป็นตัวตั้งเพื่อเปรียบเทียบลงโทษ แต่ผมอยากจะบอกสังคมไทยว่า คดีของคุณสิระ กับคุณพิธามันคนละเรื่องกัน หาก กกต.เทียบเคียงเช่นนี้ ก็หมายความว่าต้องการเอาเรื่องคุณพิธาให้ได้นั้นเอง
 
การจะพิสูจน์ว่าคุณพิธารับรู้หรือไม่รับรู้ว่าตนเองมีคุณสมบัติหรือไม่ ก็ต้องดูที่การดำรงอยู่ของ ITV ด้วยว่า ในสังคมขณะนั้น ITV มีสถานะอย่างไร หาก กกต.ไม่พิสูจน์ในจุดนี้ให้ชัดเจนและสังคมยอมรับได้เสียก่อน และกระโดดไปสู่การตัดสินการรับรู้หรือไม่รับรู้ของพิธาโดยเทียบเคียงกับ คดีคุณสิระ ผมเชื่อว่า กกต.ตัดสินใจผิด และต้องขอบอกว่า กกตจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น
 
การเมืองของความหวังเรื่อง “ความเสมอภาคและยุติธรรม” ได้ถูกจุดและลามไปทุกมิติของสังคมแล้ว จะดับไฟแห่งความหวังของสังคมนี้อย่างมักง่ายไม่ได้หรอกครับ
 
พี่น้องทุกท่าน ขอช่วยกันจับตามองเพทุบายทั้งหลายของบรรดา “น้ำน้อย” ในสังคมไทย ที่พยายามดับไฟแห่งความหวังของพวกเรา และต้องช่วยกันเตือนสติพวกเขา (ที่คงเหลือน้อยนิด) ว่าพวกเขากำลังก่อให้เกิดวิกฤตทั้งสังคม
 
โศกนาฏกรรมของสังคมไทยหลีกเลี่ยงได้ หากยืนอยู่บน “ความยุติธรรม” ที่แท้จริง
 
10 มิถุนายน 2566
 


‘เพื่อไทย’ รับห่วง ‘พิธา’ หลังกกต.มีมติตั้ง กก.ไต่สวน ม.151 แต่เชื่อเคลียร์ได้จบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4022644

‘เพื่อไทย’ รับห่วง ‘พิธา’ หลังกกต.มีมติตั้ง กก.ไต่สวน ม.151 แต่เชื่อเคลียร์ได้ทุกประเด็น บอก เรื่องแคนดิเดตนายกฯ ต้องคุยกันเพราะอยู่ร่วมกัน 8 พรรค ย้ำ อยากให้ ‘ก้าวไกล’ ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
 
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่บริเวณ ATRIUM ZONE 2 ชั้น G ศูนย์การค้า Siam Center นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรค พท. และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.  ร่วมกิจกรรมนิทรรศการ Diverscity Art Music Fashion
 
โดยนายประเสริฐ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมกิจกรรมถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติตั้งกรรมการไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้ว่า ไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง ตามมาตรา 42 (3) และมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนี้หากให้กรรมการไต่สวนของกกต. ได้ดำเนินการ เชื่อว่าไม่มีอะไร นายพิธาจะสามารถตอบคำถามได้เคลียร์ทุกประเด็น เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นต้น ในฐานะที่เป็นแกนนำร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน ก็ให้กำลังใจนายพิธาในการแก้ไขข้อกล่าวหาต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
 
เมื่อถามว่า แต่โทษค่อนข้างแรงเพราะเป็นโทษทางอาญา นายประเสริฐ กล่าวว่า โทษหนัก แต่ตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมของกกต. ว่าจะดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรมกับนายพิธา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมีความเป็นห่วงแต่ก็ให้กำลังใจ ส่วนความกังวลว่ากระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีอาจจะสะดุดหรือไม่นั้น เรื่องนี้เราไม่กังวล เชื่อว่านายพิธาสามารถผ่านพ้นตรงนี้ไปได้
  
เมื่อถามว่า จะกลายเป็นเงื่อนไขในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของส.ว.หรือไม่ เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ นายประเสริฐ กล่าวว่า ต้องดูผลของการไต่สวนก่อนว่านายพิธา และคณะกรรมการของกกต.มีข้อไต่สวนอย่างไร ขอให้รอดูนิดเดียว ตนคิดว่าคงไม่นาน เพราะการเลือกตั้งผ่านมาร่วมเดือนแล้ว อีกไม่นานจะมีการรับรองผลส.ส.ทั่วประเทศ
 
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องมีการคุยกันเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ประเด็นนี้ยังไม่ได้มีการคุยในวงพรรคร่วมฯ เพียงแค่คุยกรอบการทำงานร่วมกัน 14 คณะ ที่เราได้วางนโยบายด้านต่างๆ ไว้เท่านั้น ส่วนเรื่องนายพิธา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้นไอทีวีหรือเรื่องมาตรา 151 ไม่ได้มีการหยิบยกขึ้นมา

เมื่อถามว่า แต่พรรค พท. มีสิทธิเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ขอดูก่อนและต้องพูดคุยกัน เพราะเราอยู่ร่วมกัน 8 พรรค  ฉะนั้น ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น อยากให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ก.ก.ที่เป็นแกนนำสามารถจัดตั้งได้สำเร็จ
 
นายประเสริฐ กล่าวถึงกิจกรรมวันนี้ด้วยว่า เดือนนี้ถือเป็นเดือนแห่งการรำลึกของการต่อสู้เพื่อคนที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นงานที่น่าสนใจ โดยพรรค พท.ให้การสนับสนุนเรื่องนี้มาโดยตลอด รวมถึงสนับสนุนสมรสเท่าเทียม เมื่อสภาฯ เปิดเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกๆ ที่เราจะเข้าไปแก้ไข


 
สุทิน ชี้ส่อทุจริตถึงสั่งนับคะแนนใหม่ จี้กกต.สอบผิดปกติขั้นตอนใด เชื่อไม่กระทบเพื่อไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7708072

‘เพื่อไทย’ เชื่อ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ไม่กระทบพรรค ชี้ ส่อทุจริตถึงสั่งนับคะแนนใหม่ จี้ กกต.ตรวจสอบว่าผิดปกติขั้นตอนใด
 
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต 16 หน่วย และแบบบัญชีรายชื่อ 31 หน่วย ใหม่ รวม 47 หน่วยเลือกตั้งใน 16 จังหวัดในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ว่า ถือว่าเป็นการสั่งนับคะแนนใหม่ที่เยอะมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา แสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ และมีความพยายามที่จะกระทำทุจริตในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ หรือไม่ ส่วนจะผิดปกติในขั้นตอนใด กกต.ควรจะเข้าไปตรวจสอบด้วยนอกเหนือไปจากการสั่งนับคะแนนใหม่
  
เมื่อถามว่า การนับคะแนนใหม่จะมีผลต่อสัดส่วน ส.ส.ของพรรค พท.หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดหมายยาก เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่ต้องนับคะแนนใหม่เกิดจากอะไร เมื่อนับคะแนนใหม่ก็จะเกิดความไม่แน่นอน ส่วนจะเกิดผลดีหรือผลเสียกับพรรคการเมืองหรือไม่นั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดู แต่ในส่วนของพรรค พท.นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับว่าที่ ส.ส.ที่อยู่ในเขตที่ต้องนับคะแนนใหม่ ไม่มีใครหนักใจกับเรื่องดังกล่าว จึงเชื่อว่าการนับคะแนนใหม่คงไม่กระทบกับพรรค พท. อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อร้องเรียนว่าที่ ส.ส.ประมาณ 20 กว่าคนนั้น ก็ถือเป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
 

 
อ.ปริญญา ถามกกต.รับผิดชอบได้มั้ย รับรองผลเลือกตั้ง95%ทำพรรคอันดับ1เปลี่ยน
https://www.matichon.co.th/clips/news_4022598

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ประกาศรับผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 100% แทนที่จะเป็น 95% มิฉะนั้นอาจทำให้พรรคอันดับ 1 เปลี่ยนไป พร้อมถามแล้ว กกต.จะรับผิดชอบได้มั้ย ชมคลิป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่