เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง!!!!! ทำไมชีวิตถึงได้เป็นแบบนี้ เงินไม่สามารถซื้อความรักได้จากลูก

สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิก

ก่อนจะเล่าเรื่องของเรา เราขอขอบคุณทุก comment ทุกคำติชม ทุกคำแนะนำนะคะ

ก่อนอื่น เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียว  เราได้เลิกกับอดีตสามีเมื่อประมาณ 22 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเราอายุ 47 ปี เนื่องจากเราได้ตั้งท้องตอนเรียน และผู้ชายไม่รับผิดชอบ เราเลยต้องจำใจแบกท้องของเราจนคลอด และ ดร๊อปเรียนไว้ ประมาณ 2 ปี จนลูกเริ่มโต เราเลยกลับมาเรียนต่อจนจบ พอเราเรียนจบเราได้งานทำ เราเลี้ยงลูกคนเดียวโดยไม่ได้พึ่งพาบ้านผู้ชาย เราขาดการติดต่อกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ลูกเราอายุ 23 ปี

เข้าเรื่องนะคะ เราต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ตั้งแต่ลูกเรายังเด็ก เราพยายามทำงาน หาเงิน เพื่อที่เราต้องการให้ลูกเราได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เราทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ เราทำงาน 7 วันไม่เคยบ่น หรือเหนื่อยเลย เช้า ตี 5 เราออกไปทำงาน เย็น 2 ทุ่มเรากลับบ้าน (อ้อ เราจ้างคนดูแลลูกเรานะคะ)  ตอนนั้นเราคิดว่า ถ้าเราทำงานเยอะ เราจะได้เงินเยอะ และเราสามารถที่จะทำให้ลูกเรามีชีวิตที่ดีได้ บางครั้ง เรากลับมาจากที่ทำงาน เราแทบไม่มีเวลา ดูแลลูกเลย กลับมา เราก็พาลูกเข้านอน (เพราะพี่เลี้ยงเค้าอาบน้ำ ป้อนข้าวเรียบร้อย)  ตื่นเช้าเราไปทำงาน หน้าที่ของพี่เลี้ยงที่จะต้องดูแล หาข้าว หาปลาให้ลูกเรา วันเสาร์ เราก็ไปทำงาน โดยที่บางครั้งเราจะพาลูกไปทำงานด้วย วันอาทิตย์ เราก็แทบจะไม่มีเวลาให้ลูก เพราะงานเราที่เราดูแล ต้องทำงาน 7 วัน เราจะมีเวลาให้ลูกบ้าง แต่ในหัวเราจะคิดแต่เรื่อง งาน งาน และงาน  วนลูปอยู่แบบนี้จนถึงลูกเราโต  เราส่งลูกเรียนโรงเรียนดีๆ เราส่งลูกเรียน โรงเรียน 2 ภาษาเรา ทุกครั้ง ลูกขออะไร เราก็จะซื้อให้ โดยไม่คิดอะไรมาก (อาจจะเพราะว่าเราไม่มีเวลาให้ เราทำแต่งาน จนเราใช้เงินเพื่อชดเชยลูกเรา) ตอนเช้า ตอนประถม เราจะให้ลูกไปรถโรงเรียน พอตอนเย็น เราให้รถโรงเรียนไปส่งที่เรียนพิเศษ และเราจะไปรับ ที่เรียนพิเศษ และกลับบ้าน วนอยู่แบบนี้ประมาณ 6 ปี (ตั้งแต่ ป. 1-6) พอมัธยม ตอนเช้า เราจะไปส่งเอง แต่ตอนกลับ เราจะให้ลูกเรานั่ง แท้กซี่กลับบ้าน ทุกวัน ตั้งแต่ประถม เราจะซื้อมือถือให้ลูกเราใช้  มีมือถือดี ๆ ตอนนั้น BB กำลังฮิต เราก็ซื้อให้ พอมี i-phone เราก็ซื้อให้ ที่เราซื้อให้ เผื่อว่ามีปัญหาได้โทรหาแม่ได้ตลอดเวลา  ขอบอกตรงๆ เราเลี้ยงลูกด้วยเงิน (อันนี้เรายอมรับ) เพราะเราไม่มีเวลา จนตอนนี้ ลูกเราเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว เราก็ยังคงซื้อขอให้เค้า ๖ของใช้ส่วนตัวบางอย่าง) โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยได้มีเวลาสั่งสอนเค้า เราไม่เคยได้ให้ความอบอุ่นเค้า ในฐานะแม่คนนึง เราคิดอยู่อย่างเดียว ทำงาน งาน งาน และงาน เพื่อที่เค้าจะได้เรียนดีๆ ไม่ต้องลำบาก อนาคตจะได้ดีๆ เราไม่เคยให้เค้าต้องช่วยงานบ้าน เพราะทุกสิ่งอย่าง เราจ้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาด เราไม่เคยสอนให้รู้จัก คำว่าระเบียบวินัย เราไม่เคยสอนให้ลูกรู้จักคำว่า ลำบาก หรือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะความที่เค้าเป็นลูกคนเดียว เราคิดมาตลอด ว่า เราไม่มีเวลาให้เค้า ดังนั้นทุกสิ่งที่เค้าต้องการ เราจะซื้อให้ เราคิดว่านั่นคือสิ่งชดเชย ที่เราไม่สามารถให้เวลาเค้าได้  ... เราคิดผิด!!!! และผิดมากๆ  จนตอนนี้ ลูกเราโตแล้ว ทำงานแล้ว เค้ายังคงแบมือขอแม่ โดยที่เงินเดือนเค้า เค้าจะเก็บ เค้าไม่รู้จัก คำว่าแบ่งปัน เค้าไม่รู้จัก คำว่า แม่เหนื่อย  แม่ก็อยากพัก เค้าจะคิดแต่ถึงตัวเค้าเอง  

ทุกวันนี้เราไม่สามารถดุ ว่า หรือตักเตือนเค้าได้เลย พอเราพูดอะไร หรือตักเตือนอะไรไป เค้าจะเถียง และเอาอารมณ์ตัวเองเป็นหลัก เค้าเริ่มที่จะมีแฟนตอนทำงาน  ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง เค้าจะมีเวลาให้แฟนเค้า เค้าจะไปแต่กับแฟนเค้า แต่กับเรา เค้าไม่เคยมีเวลาให้ 

จนตอนนี้ เค้าเริ่มห่างไกลเราทุกวัน เค้าไม่เคยพูดจาดีๆ กับเรา เค้าไม่เคยสนใจเรา เค้าจะออกจากบ้านไปกับแฟน ไม่ว่าเค้าจะไปไหน เค้าไม่เคยบอกเรา หรือไม่เคยขออนุญาตเรา เค้าอยากจะไปคือเค้าแต่งตัวออกไป ทุกสิ่งอย่าง เค้าจะมีแค่แฟนเค้า เรารับรู้ได้  เราเสียใจนะ เราไม่รู้ว่าเราพลาดไปจุดไหน หรือ เพราะเราไม่เคยคิดว่า การที่เราทำแบบนี้ การที่เราต้องการให้เค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีการศึกาษดีๆ จะทำให้ ความสัมพันธ์ ระหว่างแม่และลูกห่างกัน แต่ในใจเรา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เราคิดอย่างเดียว เราไม่อยากให้เค้าลำบาก เราทำงานเก็บเงิน จนตอนนี้ เรามีความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีบ้าน มีรถ มีที่ดิน แต่!!!!เราไม่ประสบความสำเร็จ ใน ฐานะ.... แม่

จนตอนนี้ เราต้องพบจิตแพทย์ เราต้องกินยานอนหลับทุกคืน ไม่งั้น เราจะนอนคิด ๆๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา ว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่สามารถทำหน้าที่ "แม่ที่ดีได้ " การที่เราทำแบบนี้ เราผิดมากเหรอ เราผิดมั้ยที่เราต้องการให้เค้ามีชีวิตที่ดี เราก็รู้นะคะ เราไม่มีเวลาให้เค้าเลย แต่ เราพูดให้เค้าฟังตลอดว่า ทุกวันนี้แม่ทำเพื่อลูกนะ อยากให้ลูกไม่ลำบาก แม่เลยต้องทำงานหนัก 

ปล. แต่ลูกเราดีหน่อย ตรงที่เค้าไม่เกเร เค้าเป็นเด็กเรียนนะคะ แต่ เค้าค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจ ไม่คิดถึงแม่เลย ว่าแม่จะลำบากแค่ไหน ทุกวันนี้เค้าจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรคือต้องได้ ถ้าเราไม่ให้เค้าจะมีอารมณ์กร้าวร้าวใส่เรา
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
เข้ามาให้กำลังใจครับ
1.คุณได้พยามอย่างเต็มที่แล้วครับ  คุณพยายามในแบบของคุณแล้ว คุณยอมทำงานหนักเพื่อหวังให้ลูกได้ดี คุณทำสุดความสามารถแล้ว  อย่าได้
   โทษตัวเองอีกเลยครับ  

2.ด้วยความไม่รู้ จึงได้ใช้เงินอย่างเดียว จึงเผลอเป็นการสปอยด์ลูกไป มีอะไรก็ให้หมด  พอโตแล้วก็เสียนิสัย   ก็ต้องยอมรับตรงนี้

3.อายุ 23 ปี กำลังเป็นวัยที่จะแสดงออกแบบนั้น  เมื่อลูกคุณโตมากกว่านี้ จะเริ่มเข้าใจมากขึ้นเอง  หรือต้องอกหัก เจอความทุกข์ เจอจุดเปลี่ยน
   เป็นเรื่องปกติ มีความสุขไม่คิดถึงพ่อแม่  แต่พอเจอความทุกข์ หน้าพ่อแม่จะลอยขึ้นมาเอง

4.แล้ววันหนึ่งลูกคุณจะรู้ว่าแม่รักเราที่สุดแล้วในจักรวาลนี้  

5.ตัวผมเองก็มีช่วงเวลาแบบนั้น  แต่ไม่ใช่ในวัย 23 ปี  ตลอดเวลาตอนเด็กผมมักจะไม่เข้าใจแม่เสมอๆ จนเจอความทุกข์ จนมีโอกาสได้ปฏิบัติ
  ธรรมจึงเข้าใจ ผมรักแม่ผมที่สุด คิดย้อนกลับไปแล้วน้ำตามันจะไหล ซาบซึ้งในพระคุณแม่ ทุกวันนี้ก็อยู่กับแม่ครับ

6. คุณต้องปล่อยวาง เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัว  อย่างน้อยๆวันนี้ลูกก็โตมาได้ อายุ 23 ปี มีงานทำแล้ว   คุณทำสำเร็จแล้วเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
    ไม่ได้แย่นัก   อย่าโทษตัวเอง ตัวคนเดียวทำได้ขนาดนี้ ผมว่าคุณไม่ได้แย่ครับ

7. ถึงเวลาที่คุณต้องทำเพื่อตัวเองบ้างแล้วครับ  ให้เริ่มเก็บเงินเผื่อไว้สำหรับตัวเองยามแก่  หรือยามป่วย

8. ก็คุยกับลูก ไม่ต้องไปคาดหวังอะไร  คอยสนับสนุนในยามที่เดือดร้อน   เป็นเพื่อนช่วยลูกคิดในยามที่เขาต้องการ

9. เอาประโยคนี้ไปคุย ไปปรับเป็นของตัวเองนะครับ  โดยไม่ต้องไปหวังผลอะไรทั้งนั้น
                   "เรื่องเงิน ลูกต้องรู้จักแบ่งเก็บนะลูก อย่าเอาไปใช้จนหมด ต้องมีเผื่อไว้ฉุกเฉินเสมอ   วันหนึ่งเมื่อแม่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว  ลูกจะ
     ได้เอาตัวรอดได้  แม่จะได้หมดห่วง  เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ แม่อาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ผ่านมาแม่ไม่มีโอกาสได้ดูแลใกล้ชิดลูก
      เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
                จึงพยายามหาเงินตลอด กลัวลูกอด ตัวแม่เองก็ต้องเก็บเงินไว้ ไม่รู้จะเจ็บป่วยเมื่อไหร่ อาจต้องเป็นภาระลูก ไม่รู้จักตกงานเมื่อไหร่
         อายุแม่ก็เริ่มจะเยอะแล้ว ประหยัดๆนะลูก "

10. ปฏิเสธลูกให้เป็น  ไม่ต้องไปสนใจความเกรี้ยวกราด  ให้ถือว่าเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง ไม่อย่างงั้นก็จะดูดทรัพย์ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักพอ ทรัพย์ก็เสีย
     นิสัยก็เสีย    ทำงานแล้วก็ให้ลูกหาเงินใช้เอง ขาดนิดๆหน่อยจะช่วยก็ได้ แต่อย่าเยอะเกินไป  

      "อย่าเป็นทาสของลูกครับ   เพราะลูกคุณเองนั่นแหละที่จะซวยในอนาคต"

11. ลูกสาวมักชอบทะเลาะกับแม่ เป็นเรื่องปกติ

12. ทำทาน ศีล ภาวนา หาเวลาไปปฏิบัติธรรม ตามแนวทางสติปัฏฐาน 4  หรือที่เรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน  แล้วคุณจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
      ปล่อยวางมากขึ้น   ปัญหาหลักๆตอนนี้ อยู่ที่จิตใจของคุณครับ  ส่วนตัวผมไปฝึกที่วัดอัมพวันหลวงพ่อจรัญ ไม่ต้องเสียตังสักบาท  
      จึงได้เข้าใจความคิดของแม่ ในทางกลับกันคุณก็จะเข้าใจความคิดของลูก แล้วก็ของตัวคุณเองด้วย  

                จะได้แก้ปัญหาชีวิตได้ ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นด้วย  คุณจะรู้เห็นตามความเป็นจริง  
                 (คุณจะเชื่อหรือไม่ผมไม่บังคับนะครับ แค่แนะนำเฉยๆ เพราะผมได้ดีจากตรงนี้  )

เป็นกำลังใจให้ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ลูกสาวใช่ไหมครับ?

ลูกคงโหยหาความรักมาตลอดชีวิต และตอนนี้น้องเจอความรักที่ว่านั้นแล้ว นั้นคือ แฟน น้องจะรักแฟนสุดชีวิตเพราะโหยหามานาน

ทีนี้ คุณต้องภาวนา ให้น้องได้แฟนที่ดี เพราะถ้าไม่ดี โอกาสที่น้องจะถอยออกมาแบบครอบครัวปกติยาก เพราะความรักที่น้องมีต่อแฟนสูงกว่าความรักที่มีต่อตัวเองเนื่องจากน้องโหยหาความรักตั้งแต่เด็กครับ

ส่วนเงินที่หาให้น้อง นั้นคือหน้าที่ของแม่ น้องจะเกิดความชินจนไม่เห็นความพยายามและความลำบากของแม่ครับ
ความคิดเห็นที่ 8
คุณกำลังกล่าวโทษตัวเองมากเกินไปครับ

จริงอยู่ที่การให้ความสำคัญกับงานและเงินมากเกินไปจนไม่มีเวลาดูแลอบรมสั่งสอนลูก เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ

แต่สำหรับลูกคุณ ผมคิดว่าไม่ได้มีอะไรเลวร้าย ลูกคุณสามารถเรียนจนจบ และรู้จักทำงานด้วย

นี่คือ Ok มากๆแล้วครับ

ลูกคุณอายุ 23 ปีแล้ว เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ต้องเริ่มรับผิดชอบตัวเองและครอบครัวในอนาคต เป็นธรรมดาที่คนวัยนี้การจะทำอะไร ตัดสินใจอะไร สามารถทำได้ด้วยตัวเองทั้งหมด โดยไม่ต้องมาคอยบอก ถามหรือปรึกษาพ่อแม่

สิ่งที่คุณพลาดคือพลาดการติดสนิทกับลูก ความผูกพันที่มีต่อกันจึงค่อนข้างผิวบาง ลูกจึงขาดการไว้ใจ ขาดการเห็นวามสำคัญของคุณ

คุณจึงต้องทำใจและยอมรับต่อการเติบโตของลูก ลูกคุณกำลังโบยบินสู่โลกกว้าง ก็ให้เค้าได้บินไป แม้สายสัมพันธ์ของคุณจะไม่ได้หนาแน่น แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีเลย เมื่อถึงเวลาลูกก็จะแวะเวียนกลับมาหาคุณบ้างเป็นครั้งคราวไป

คุณแค่ทำใจยอมรับมัน และไม่มีอะไรที่คุณต้องเสียใจ ลูกคุณสามารถเติบโต รับผิดชอบตัวเองเรียนจบมีงานทำ นี่คือเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว

ตัวคุณเองอายุยังถือว่าไม่มาก 47 ปี มีกำลังเวลาให้ได้เรียนรู้และทำสิ่งใหม่ๆอีกเพียบ น่าตื่นเต้นดีออก ที่จากนี้จะได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง โดยที่ยังมีแรงในการทำอีกเหลือเฟือ

ดีกว่าคนอื่นๆที่กว่าลูกจะโตกว่าจะเรียนจบก็ ตัวเองอายุปาเข้าไปใกล้วัยเกษียณ หมดแรงที่จะหาความสุขใส่ตัวเอง

มีความสุขกับสิ่งที่เป็นครับ

ขอพระเจ้าอวยพระพร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่