คือเรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อวานมีป้าข้างบ้านพาพี่สาวที่มาจากต่างจังหวัดมาหาที่สวนเพื่อขอต้นกล้าพริกไปปลูกไว้ทาน ซึ่งป้าบอกว่าได้ขอพ่อไว้แล้วสักพักพ่อก็เดินมาแล้วพาไปที่โรงเรือนสำหรับไว้เก็บต้นกล้าพริกซึ่งเราก็เดินไปด้วยเพราะเราจะไปรดน้ำต้นกล้าพริกอยู่พอดี พอไปถึงเราก็ได้ยินพี่สาวของป้าข้างบ้านขอต้นกล้าพริกกับพ่อเรา 6-7 ถาดซึ่งแต่ละถาดมีต้นกล้าพริกอยู่ประมาณ 108 ต้นซึ่งมันเป็นปริมาณที่เยอะมาก เราที่ได้ยินแกพูดก็แอบตกใจแล้วหันไปมองพ่อที่กำลังยิ้มให้แบบเหวอเหวอเพราะไม่คิดว่าแกจะขอเยอะขนาดนั้น เราที่เดินมาตามหลังได้ยินและรู้ว่าพ่อจะต้องให้แน่เพราะแกเป็นคนใจดี ก็เลยชิงเอ่ยตัดไปก่อนเลยว่าถ้าป้าอยากจะได้เยอะขนาดนั้นหนูขอขายให้นะเพราะว่ากว่าจะเพาะมาได้ต้นขนาดนี้ใช้เงินเยอะมาก อย่างเมล็ดพันธุ์พริกที่เอามาเพาะซื้อมากระป๋องละ 450 บาท เพาะได้ 50ถาด ตกถาดละ 9 บาท ถาดเพาะที่ซื้อมา 100 ถาดเป็นราคา 1,100 กว่าบาทหนูคิดแค่ 1,100 บาทก็จะตกถาดละ 11 บาทดินสำหรับเพาะต้นกล้าพริกกระสอบละ 480 บาท1 สอบจะใส่ถาดได้ประมาณ 20 ถาดตกถาดละ 24 บาทและค่ารดน้ำแต่ละวันหนูคิดวันละ 2 บาท 15 วันเท่ากับ 30 บาท และค่าปุ๋ยในระหว่างรดน้ำ 2 ครั้งครั้งละ 30 บาทหารกับจำนวนถาดแล้วหนูคิดรวมกันทั้งสองครั้งแค่ 2 บาทรวมแล้วก็จะตกถาดละ 76บาท หนูจะคิดแค่ถานละ 75 แล้วกัน 7 ถาดก็เท่ากับ 525 บาท พอหนูอธิบายจบป้าแก่ก็ด่าเราเลยว่าเป็นคนขี้เหนียวไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพราะแบบนี้ไงถึงไม่มีเพื่อนอนาคตก็จะไม่มีใครคบไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวแล้วแกก็เดินหนีเหลือไว้แค่ป้าข้างบ้านที่ยืนยิ้มแห้งๆแล้วแกก็บอกว่างั้นป้าขอแค่ถาดเดียวพอแล้วจะไปแบ่งคนละครึ่งกับพี่เอง จนตอนนี้เราก็ยังงงอยู่ว่าเราผิดหรอที่เราจะขายให้แทนที่จะให้ฟรีๆ
เราผิดเหรอที่จะขายต้นกล้าพริกให้ แทนที่จะให้ไปเฉยๆ