จับตา! 30 พ.ค.พรรคร่วมรัฐบาลถกแบ่งโควต้า รมต. ไร้วาระคุยเก้าอี้ประธานสภา ปัด เชิญ ‘วันนอร์’ นั่งแทน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4000728
จับตา! 30 พ.ค.พรรคร่วมรัฐบาลถกแบ่งโควต้า รมต. ไร้วาระคุยเก้าอี้ประธานสภา ปัด เชิญ ‘วันนอร์’ นั่งแทน
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.30 น. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้แจ้งกำหนดการว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคการเมือง จะมีการประชุมพูดคุยแนวทางและแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนามเอ็มโอยูเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคประชาชาติ (ปช.) เพื่อหารือกรอบการเตรียมความพร้อมในการบริหารและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลว่า สัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง และจะได้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างที่สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองได้มีเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวางตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้ว แต่ยังไม่สรุปอย่างทางการว่าบุคคลใดจะเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงใดบ้าง โดยสูตรคำนวณแบ่งรัฐมนตรีจะคิดจากจำนวน ส.ส.หารด้วย 8.6 ต่อรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ซึ่งพรรค ก.ก.ได้ 14 ที่นั่งบวก 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ 14 เก้าอี้ พรรค ปช.ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ส่วนพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-2 ที่นั่งนั้น ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม (ปธ.) และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อรวมเสียงแล้วอาจจะไม่ถึงสูตรที่กำหนดไว้ ก็อาจจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการพูดคุยในวันที่ 30 พฤษภาคม เพราะเป็นเรื่องที่พรรค พท.และพรรค ก.ก. สองพรรคต้องพูดคุยกันเองไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอื่น แต่แกนนำพรรค พท.มองว่าจะต้องมีการหารือกันด้วยเหตุด้วยผล อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เลือกใช้พรรค ปช.ในการประชุมนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเทียบเชิญให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค ปช. เป็นประธานสภา หรือเข้ามาเป็นกาวใจความไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลังจากนี้จะมีการประชุมสลับไปในทุกพรรคเช่นกัน
We Watch อึ้ง ‘บัตรเสียปีนี้’ เป็นล้านเลยเหรอพี่! ขุดสถิติย้อนหลัง ชวนหาสาเหตุทำไมเยอะขนาดนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4000505
We Watch อึ้ง! ‘บัตรเสียปีนี้’ เป็นล้านเลยเหรอพี่! ขุดสถิติ 5 ปีย้อนหลัง ชวนหาสาเหตุทำไมมากขนาดนี้
สืบเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป ปี 2566 อย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านเว็บไซต์ www.ectreport.com เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สรุปมีผู้มาใช้สิทธิ 39,514,973 คน คิดเป็นร้อยละ 75.71 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52,195,920 คน โดยการนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขต เป็นบัตรดี 37,190,071 ใบ คิดเป็นร้อยละ 94.12 บัตรเสีย 1,457,899 ใบ คิดเป็นร้อยละ 3.69 บัตร ไม่เลือกผู้ใด 866,885 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.19 ทั้งนี้ จากรายงานที่เปิดเผย พบว่าบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตมีบัตรเสีย ร้อยละ 3.69 ขณะที่แบบบัญชีรายชื่อมีบัตรเสียร้อยละ 3.82 มากกว่าที่ตั้งเป้าให้มีจำนวนบัตรเสียไม่เกินร้อยละ 2 นั้น
We Watch หนึ่งในองค์การภาคประชาสังคมที่ดำเนินการส่งอาสาสมัครไปจับตาการเลือกตั้งทั่วประเทศไทย พร้อมรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะ จัดทำเป็นรายงานการเลือกตั้ง 2566 ได้ตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนบัตรเสียที่ปีนี้มีมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา
We Watch ระบุว่า บัตรเสียปีนี้ เป็นล้านเลยเหรอพี่? กกต.ได้รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 อย่างเป็นทางการ ในรายงานมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ กกต. ได้เปิดเผยข้อมูลจำนวนบัตรดี บัตรเสีย และบัตรไม่เลือกผู้ใด
นำมาสู่ข้อสงสัยถึงจำนวนบัตรเสีย ซึ่งแบบ ส.ส.แบ่งเขตมีจำนวนมากถึง 1,457,899 ใบ และแบบบัญชีรายชื่อมีจำนวนมากถึง 1,509,836 ใบ รวมทั้งสิ้น 2,967,735 ใบ เท่ากับว่ามีเสียงจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกนำไปคำนวณที่นั่ง ส.ส.
We Watch พาย้อนกลับไปดูสถิติบัตรเสียตั้งแต่ปี 2544-2562 พบว่า
ปี 2544 เป็นการเลือกตั้งที่มีบัตรเสียมากถึง 3,737,910 ใบ คิดเป็น 6.25% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2548 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,874,176 ใบ คิดเป็น 4.44% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2550 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,661,211 ใบ คิดเป็น 4.06% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2554 มีบัตรเสียทั้งหมด 3,767,029 ใบ คิดเป็น 5.34% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2562 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,137,762 ใบ คิดเป็น 5.58% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปีล่าสุด 2566 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,967,735 ใบ แบ่งเป็นบัตร ส.ส.เขต 1,457,899 ใบ และบัตรบัญชีรายชื่อ 1,509,836 ใบ
We Watch อยากเชิญชวนแลกเปลี่ยนจากมุมมองของทุกคนว่า อะไรที่เป็นสาเหตุของบัตรเสียจำนวนมากขนาดนี้?
ส.ว.กิตติศักดิ์ ย่องเงียบ รับทราบ3ข้อหา เอี่ยวชายชุดดำบุกวัดบางคลาน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7686143
ส.ว.กิตติศักดิ์ พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ดอดพบพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล รับทราบ 3 ข้อกล่าวหา พัวพันชายชุดดำบุกวัดบางคลาน เจ้าตัวปิดปากเงียบ
จากกรณีที่มีชายชุดดำบุกเข้าไปทำร้ายพระ ชาวบ้าน ไวยาวัจกร วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2566 ซึ่งตำรวจสามารถจับผู้ต้องหา 20 กว่าคน ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ได้ออกหมายเรียก นาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. หลังพบมีความเชื่อมโยงกับชายชุดดำ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค.2566 นาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. พร้อมด้วย นาย
ดุศิต คำศิลา ผู้ใหญ่บ้านตำบล ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.
ประภาส อินถา รองผกก.สอบสวน สภ.โพทะเล ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยเดินทางมาเงียบไม่ให้สื่อมวลชนทราบ
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1. ผู้ใช้จ้างวาน 2. ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และ 3. ทำร้ายผู้อื่น ข่มขืนบังคับทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ และบังคับจิตรใจ หลังจากนาย
กิตติศักดิ์ และนาย
ดุศิต ได้รับฟังข้อกล่าวหาของตำรวจ ในเบื้องต้นไม่ขอให้การใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวนภายหลัง
เบื้องต้นตำรวจไม่มีการจับกุม เนื่องจากนาย
กิตติศักดิ์ และนาย
ดุศิต มาแสดงความจำนง มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งเดิมพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกวันที่ 1 แต่นาย
กิตติศักดิ์ และนาย
ศิลา เดินทางมามอบตัวก่อนวันนัดตำรวจ จึงเห็นว่า นาย
กิตติศักดิ์มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง และมีตำแหน่งเป็น ส.ว. จึงได้ปล่อยตัวไป
รองผกก.สอบสวน สภ.โพทะเล กล่าวว่า นาย
กิตติศักดิ์ และนาย
ดุสิต ยังไม่ได้ให้การในรายละเอียดทางคดีแต่อย่างใด และจะมาให้การในภายหลัง โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 3 ข้อหา ประกอบด้วย เป็นผู้ใช้และจ้างวาน บุกรุกเคหะสถานและทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ประกอบกับนาย
กิตติศักดิ์ และนาย
ดุสิต ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ เข้าพบพนักงานสอบสวนเอง จึงยังไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด และจึงต้องปล่อยตัวไปในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน วัดหลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ต.บางคลาน อ.โพทะเล เป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีชายฉกรรจ์ชุดดำปิดวัดทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ ไวยาวัจกร และชาวบ้านภายในวัด เมื่อวันที่ 6 เมที่ผ่านมา และตำรวจออกหมายเรียก นาย
กิตติศักดิ์ที่เชื่อมโยงชายชุดดำดังกล่าวนั้น โดยบรรยากาศที่วัดบางคลาน เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อเงินเหมือนแต่ก่อน
จากมิตรกลายเป็นศัตรู! แม่จุ๋มยัน"ป๋าเทพ"เลิกยุ่งการเมือง แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟ(คลิป)
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7685203
แม่จุ๋ม ภรรยา ป๋าเทพ โพธิ์งาม ยันป๋าไม่ยุ่งการเมืองแล้ว หลังเพจเฟซบุ๊ก “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” โพสต์แสดงจุดยืน ชี้แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟตลอด จากคนที่เคยรักกัน ก็กลับมารังเกียจกัน
วันที่ 26 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน เพจเฟซบุ๊ก “
ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” ของ ป๋า
เทพ หรือ นาย
สุเทพ โพธิ์งาม ดาราตลกอาวุโส โพสต์ข้อความระบุ ”
หากคนไทยทุกคนมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตบนพื้นฐานของความดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันในสังคม
บ้านเมืองก็จะร่มเย็นเป็นสุขเพราะชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเสาหลัก เป็นที่ยึดเหนี่ยวของปวงชนชาวไทยให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต อุทิศความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวม และควรมีสติไตร่ตรองมีสติรู้เท่าทันสิ่งต่างๆอยู่เสมอ ป้องกันและระวังภัยที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ดูแลรักษาและรับเอาความเป็นชาติไทยสืบไว้ตลอดไป ” ทำให้หลายคนมองว่าป๋าเทพพูดถึงเรื่องการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน
โดยเรื่องนี้ แม่จุ๋ม นาง
ภัสราวรรณ ทรงพีระพัฒน์ ภรรยาป๋าเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ป๋าเทพกำลังอยู่ระหว่างพักผ่อน เนื่องจากป่วย มีอาการเจ็บคอ ไม่มีเสียง และยังอยู่ในอารมณ์ที่คิดถึงวัวกับควายที่ผูกพันเลี้ยงดูกันมา แล้วต้องบริจาคให้กับวัดทั้งหมด ส่วนเรื่องข้อความที่มีการโพสต์ในเพจขนมเปี๊ยะขั้นเทพนั้น
ป๋าไม่ได้โพสต์ แต่เป็นแอดมินเพจ นำเอาจุดยืนในเรื่องของความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ป๋ายึดถือและเทินทูนมาโพสต์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของเพจที่ใช้สื่อสารกับแฟนคลับและลูกค้าขนมเปี๊ยะ เพราะทางครอบครัวก็ยังต้องทำมาหากิน ยืนยันว่า โพสต์ดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้ไปเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวแล้ว เรื่องการเมืองในครอบครัวของเรามีการพูดคุยกันปกติ แต่ไม่ได้ไปแสดงออกใดๆอีก เพราะช่วงที่ผ่านมาการเมืองไทยรุนแรงมาก แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟตลอด จากคนที่เคยรักกัน ก็กลับมารังเกียจกัน กลายเป็นศัตรูกัน ดูๆ แล้ว มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้
สุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า ป๋าจะเข้ามาพูดเกี่ยวกับการเมืองอีกหรือไม่ แม่
จุ๋ม กล่าวว่า “
เราไม่ขอยืนยันว่าในอนาคตป๋าจะกลับมาวิจารณ์การเมืองอีกหรือไม่ แต่ตอนนี้ป๋าไม่อยากยุ่งกับอะไรเลย อยากจะพัก 70 กว่าแล้ว”
JJNY : 5in1 จับตา! 30 พ.ค.│We Watch อึ้ง‘บัตรเสียปีนี้’│กิตติศักดิ์ย่องเงียบ│"ป๋าเทพ"เลิกยุ่งการเมือง│ยูเครนพร้อมตอบโต้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4000728
จับตา! 30 พ.ค.พรรคร่วมรัฐบาลถกแบ่งโควต้า รมต. ไร้วาระคุยเก้าอี้ประธานสภา ปัด เชิญ ‘วันนอร์’ นั่งแทน
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.30 น. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้แจ้งกำหนดการว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคการเมือง จะมีการประชุมพูดคุยแนวทางและแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนามเอ็มโอยูเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคประชาชาติ (ปช.) เพื่อหารือกรอบการเตรียมความพร้อมในการบริหารและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองให้ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวจะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลว่า สัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะได้กี่ที่นั่ง และจะได้รัฐมนตรีกระทรวงใดบ้างที่สอดคล้องกับนโยบายของแต่ละพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองได้มีเริ่มมีการพูดคุยเรื่องวางตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้ว แต่ยังไม่สรุปอย่างทางการว่าบุคคลใดจะเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงใดบ้าง โดยสูตรคำนวณแบ่งรัฐมนตรีจะคิดจากจำนวน ส.ส.หารด้วย 8.6 ต่อรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ซึ่งพรรค ก.ก.ได้ 14 ที่นั่งบวก 1 เก้าอี้นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ 14 เก้าอี้ พรรค ปช.ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วย ส่วนพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-2 ที่นั่งนั้น ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม (ปธ.) และพรรคพลังสังคมใหม่ เมื่อรวมเสียงแล้วอาจจะไม่ถึงสูตรที่กำหนดไว้ ก็อาจจะไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี
ส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีการพูดคุยในวันที่ 30 พฤษภาคม เพราะเป็นเรื่องที่พรรค พท.และพรรค ก.ก. สองพรรคต้องพูดคุยกันเองไม่ได้เกี่ยวกับพรรคอื่น แต่แกนนำพรรค พท.มองว่าจะต้องมีการหารือกันด้วยเหตุด้วยผล อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เลือกใช้พรรค ปช.ในการประชุมนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเทียบเชิญให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค ปช. เป็นประธานสภา หรือเข้ามาเป็นกาวใจความไม่ลงรอยที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลังจากนี้จะมีการประชุมสลับไปในทุกพรรคเช่นกัน
We Watch อึ้ง ‘บัตรเสียปีนี้’ เป็นล้านเลยเหรอพี่! ขุดสถิติย้อนหลัง ชวนหาสาเหตุทำไมเยอะขนาดนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4000505
We Watch อึ้ง! ‘บัตรเสียปีนี้’ เป็นล้านเลยเหรอพี่! ขุดสถิติ 5 ปีย้อนหลัง ชวนหาสาเหตุทำไมมากขนาดนี้
สืบเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป ปี 2566 อย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านเว็บไซต์ www.ectreport.com เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สรุปมีผู้มาใช้สิทธิ 39,514,973 คน คิดเป็นร้อยละ 75.71 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52,195,920 คน โดยการนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขต เป็นบัตรดี 37,190,071 ใบ คิดเป็นร้อยละ 94.12 บัตรเสีย 1,457,899 ใบ คิดเป็นร้อยละ 3.69 บัตร ไม่เลือกผู้ใด 866,885 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.19 ทั้งนี้ จากรายงานที่เปิดเผย พบว่าบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตมีบัตรเสีย ร้อยละ 3.69 ขณะที่แบบบัญชีรายชื่อมีบัตรเสียร้อยละ 3.82 มากกว่าที่ตั้งเป้าให้มีจำนวนบัตรเสียไม่เกินร้อยละ 2 นั้น
We Watch หนึ่งในองค์การภาคประชาสังคมที่ดำเนินการส่งอาสาสมัครไปจับตาการเลือกตั้งทั่วประเทศไทย พร้อมรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะ จัดทำเป็นรายงานการเลือกตั้ง 2566 ได้ตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนบัตรเสียที่ปีนี้มีมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา
We Watch ระบุว่า บัตรเสียปีนี้ เป็นล้านเลยเหรอพี่? กกต.ได้รายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 อย่างเป็นทางการ ในรายงานมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ กกต. ได้เปิดเผยข้อมูลจำนวนบัตรดี บัตรเสีย และบัตรไม่เลือกผู้ใด
นำมาสู่ข้อสงสัยถึงจำนวนบัตรเสีย ซึ่งแบบ ส.ส.แบ่งเขตมีจำนวนมากถึง 1,457,899 ใบ และแบบบัญชีรายชื่อมีจำนวนมากถึง 1,509,836 ใบ รวมทั้งสิ้น 2,967,735 ใบ เท่ากับว่ามีเสียงจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกนำไปคำนวณที่นั่ง ส.ส.
We Watch พาย้อนกลับไปดูสถิติบัตรเสียตั้งแต่ปี 2544-2562 พบว่า
ปี 2544 เป็นการเลือกตั้งที่มีบัตรเสียมากถึง 3,737,910 ใบ คิดเป็น 6.25% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2548 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,874,176 ใบ คิดเป็น 4.44% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2550 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,661,211 ใบ คิดเป็น 4.06% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2554 มีบัตรเสียทั้งหมด 3,767,029 ใบ คิดเป็น 5.34% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปี 2562 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,137,762 ใบ คิดเป็น 5.58% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ
ปีล่าสุด 2566 มีบัตรเสียทั้งหมด 2,967,735 ใบ แบ่งเป็นบัตร ส.ส.เขต 1,457,899 ใบ และบัตรบัญชีรายชื่อ 1,509,836 ใบ
We Watch อยากเชิญชวนแลกเปลี่ยนจากมุมมองของทุกคนว่า อะไรที่เป็นสาเหตุของบัตรเสียจำนวนมากขนาดนี้?
ส.ว.กิตติศักดิ์ ย่องเงียบ รับทราบ3ข้อหา เอี่ยวชายชุดดำบุกวัดบางคลาน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7686143
ส.ว.กิตติศักดิ์ พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ดอดพบพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล รับทราบ 3 ข้อกล่าวหา พัวพันชายชุดดำบุกวัดบางคลาน เจ้าตัวปิดปากเงียบ
จากกรณีที่มีชายชุดดำบุกเข้าไปทำร้ายพระ ชาวบ้าน ไวยาวัจกร วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2566 ซึ่งตำรวจสามารถจับผู้ต้องหา 20 กว่าคน ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ได้ออกหมายเรียก นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. หลังพบมีความเชื่อมโยงกับชายชุดดำ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค.2566 นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. พร้อมด้วย นายดุศิต คำศิลา ผู้ใหญ่บ้านตำบล ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส อินถา รองผกก.สอบสวน สภ.โพทะเล ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยเดินทางมาเงียบไม่ให้สื่อมวลชนทราบ
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1. ผู้ใช้จ้างวาน 2. ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน และ 3. ทำร้ายผู้อื่น ข่มขืนบังคับทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ และบังคับจิตรใจ หลังจากนายกิตติศักดิ์ และนายดุศิต ได้รับฟังข้อกล่าวหาของตำรวจ ในเบื้องต้นไม่ขอให้การใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเดินทางมาให้การกับพนักงานสอบสวนภายหลัง
เบื้องต้นตำรวจไม่มีการจับกุม เนื่องจากนายกิตติศักดิ์ และนายดุศิต มาแสดงความจำนง มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งเดิมพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกวันที่ 1 แต่นายกิตติศักดิ์ และนายศิลา เดินทางมามอบตัวก่อนวันนัดตำรวจ จึงเห็นว่า นายกิตติศักดิ์มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง และมีตำแหน่งเป็น ส.ว. จึงได้ปล่อยตัวไป
รองผกก.สอบสวน สภ.โพทะเล กล่าวว่า นายกิตติศักดิ์ และนายดุสิต ยังไม่ได้ให้การในรายละเอียดทางคดีแต่อย่างใด และจะมาให้การในภายหลัง โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 3 ข้อหา ประกอบด้วย เป็นผู้ใช้และจ้างวาน บุกรุกเคหะสถานและทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ประกอบกับนายกิตติศักดิ์ และนายดุสิต ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ เข้าพบพนักงานสอบสวนเอง จึงยังไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด และจึงต้องปล่อยตัวไปในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน วัดหลวงพ่อเงิน พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ต.บางคลาน อ.โพทะเล เป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีชายฉกรรจ์ชุดดำปิดวัดทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ ไวยาวัจกร และชาวบ้านภายในวัด เมื่อวันที่ 6 เมที่ผ่านมา และตำรวจออกหมายเรียก นายกิตติศักดิ์ที่เชื่อมโยงชายชุดดำดังกล่าวนั้น โดยบรรยากาศที่วัดบางคลาน เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อเงินเหมือนแต่ก่อน
จากมิตรกลายเป็นศัตรู! แม่จุ๋มยัน"ป๋าเทพ"เลิกยุ่งการเมือง แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟ(คลิป)
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7685203
แม่จุ๋ม ภรรยา ป๋าเทพ โพธิ์งาม ยันป๋าไม่ยุ่งการเมืองแล้ว หลังเพจเฟซบุ๊ก “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” โพสต์แสดงจุดยืน ชี้แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟตลอด จากคนที่เคยรักกัน ก็กลับมารังเกียจกัน
วันที่ 26 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน เพจเฟซบุ๊ก “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” ของ ป๋าเทพ หรือ นายสุเทพ โพธิ์งาม ดาราตลกอาวุโส โพสต์ข้อความระบุ ” หากคนไทยทุกคนมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตบนพื้นฐานของความดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันในสังคม
บ้านเมืองก็จะร่มเย็นเป็นสุขเพราะชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเสาหลัก เป็นที่ยึดเหนี่ยวของปวงชนชาวไทยให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต อุทิศความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวม และควรมีสติไตร่ตรองมีสติรู้เท่าทันสิ่งต่างๆอยู่เสมอ ป้องกันและระวังภัยที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ดูแลรักษาและรับเอาความเป็นชาติไทยสืบไว้ตลอดไป ” ทำให้หลายคนมองว่าป๋าเทพพูดถึงเรื่องการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน
โดยเรื่องนี้ แม่จุ๋ม นางภัสราวรรณ ทรงพีระพัฒน์ ภรรยาป๋าเทพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ป๋าเทพกำลังอยู่ระหว่างพักผ่อน เนื่องจากป่วย มีอาการเจ็บคอ ไม่มีเสียง และยังอยู่ในอารมณ์ที่คิดถึงวัวกับควายที่ผูกพันเลี้ยงดูกันมา แล้วต้องบริจาคให้กับวัดทั้งหมด ส่วนเรื่องข้อความที่มีการโพสต์ในเพจขนมเปี๊ยะขั้นเทพนั้น
ป๋าไม่ได้โพสต์ แต่เป็นแอดมินเพจ นำเอาจุดยืนในเรื่องของความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ป๋ายึดถือและเทินทูนมาโพสต์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของเพจที่ใช้สื่อสารกับแฟนคลับและลูกค้าขนมเปี๊ยะ เพราะทางครอบครัวก็ยังต้องทำมาหากิน ยืนยันว่า โพสต์ดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้ไปเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวแล้ว เรื่องการเมืองในครอบครัวของเรามีการพูดคุยกันปกติ แต่ไม่ได้ไปแสดงออกใดๆอีก เพราะช่วงที่ผ่านมาการเมืองไทยรุนแรงมาก แตะเมื่อไหร่ลุกเป็นไฟตลอด จากคนที่เคยรักกัน ก็กลับมารังเกียจกัน กลายเป็นศัตรูกัน ดูๆ แล้ว มาถึงจุดนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้
สุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า ป๋าจะเข้ามาพูดเกี่ยวกับการเมืองอีกหรือไม่ แม่จุ๋ม กล่าวว่า “เราไม่ขอยืนยันว่าในอนาคตป๋าจะกลับมาวิจารณ์การเมืองอีกหรือไม่ แต่ตอนนี้ป๋าไม่อยากยุ่งกับอะไรเลย อยากจะพัก 70 กว่าแล้ว”