JJNY : 5in1 ยิ่งลักษณ์เปรย│ทูตรัศม์ซัด‘ดอน’│จ่อออกหมายจับส.ว.│‘ไอติม’ ชำแหละ 3 อาวุธ│รัสเซียใช้โดรนถล่มยูเครนกลางดึก

ยิ่งลักษณ์ น้ำตาคลอ เปรย ‘อยากกลับบ้าน’ หวัง รบ.ใหม่ สานต่อนโยบายพัฒนาประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4039424

“ยิ่งลักษณ์” น้ำตาคลอ ปลื้มคนไทยไม่ลืม ขอบคุณประชาชนที่ยังเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ 21 มิ.ย. ครบ 56 ปี เปรย บางครั้งอยากกลับบ้าน แต่อยู่ที่โชคชะตา
 
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ คุยแหลก-ดึก กับ มดดำ-คชาภา ตันเจริญ โดยเล่าถึงชีวิตในต่างประเทศว่าทุกวันนี้พยายามไม่ยึดติดแม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องใช้ชีวิตที่ห่างจากลูกชาย น้องไปป์-ศุภเสกข์ อมรฉัตร พร้อมยังขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังให้ความรักและยังไม่ลืมเพราะถือเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจในการใช้ชีวิตในต่างแดนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาดูแลประเทศ
 
โดย มดดำ ได้ถามว่า จริงหรือไม่ ที่ตื่นมาเปิดวิดีโอวงจรปิดบ้านที่เมืองไทยดู ซึ่งยิ่งลักษณ์กล่าวว่า แรกๆ คนเรา มาอยู่ต้องอยู่ให้ติด ก็คุยกับลูกว่า เราอยู่ที่ไหน ต้องทำทุกที่ให้เหมือนที่บ้านเรา ก็เลือกที่ดูไบ ก็พยายามจะเติมเต็ม ความจริงวันนี้ก็จินตนาการบ้านเมืองไทย จำภาพบ้านได้หมด แต่บางมุม เคยเอาของไว้ อยู่ไหม ไม่อยู่ถูกเปลี่ยนไปอย่างไร ก็เจ็บปวด ลูกเคยทำ 3D เป็นรูปบ้านมาให้ ในนั้นมีรูปเขากับแม่อยู่ ถามว่าจำได้ไหม เราเห็นน้ำตาไหลเลย เขาบอกว่า แม่จำได้ไหม แม่อยากเห็นบ้านที่เมืองไทย เลยลด แล้วก็ชีวิตสงบขึ้นเยอะ
 
เมื่อถามว่า หากตนเองยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่คิดว่าโครงการไหนจะดำเนินการให้สำเร็จ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คิดว่าคงเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อดึงศักยภาพและจุดเด่นของแต่ละจังหวัดมานำเสนอและตอบโจทย์ในระดับประเทศ รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงและนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ พร้อมหวังว่ารัฐบาลใหม่จะมาสานต่อนโยบายดีๆ ในการพัฒนาประเทศ
 
นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่า วันนี้ตัวเองก็พยายามหาความรู้และศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบันเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีของโลกและรู้ถึงวิวัฒนาการในต่างประเทศเพื่อเรียนรู้ ต่อยอดและยังใช้เวลาในการออกกำลังกายเพื่อให้มีความสุขในการใช้ชีวิต
 
วันนี้พยายามไม่เศร้า พยายามไม่ทุกข์ แต่จริงๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่าชีวิตไม่มีความสุข หรือความทุกข์อยู่กับเราตลอดไป แต่ที่เห็นหัวเราะมีความสุข เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง เพราะไม่งั้นมันจะเป็นความทุกข์ แต่มุมหนึ่งของชีวิตมันก็มีความคิดถึงบ้าน” นางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวบางช่วง
 
เมื่อถามว่า อยากกลับบ้านหรือยัง นางสาวยิ่งลักษณ์ น้ำตาคลอ พร้อมว่า บ้านเป็นบ้านเกิด ก็อยากกลับ ถามว่าอยากกลับไหม อยากกลับ แต่ว่าถ้าเรามีโอกาสได้กลับ โชคชะตาลิขิตให้เราได้กลับ เราก็จะได้กลับ คิดแค่นี้ เพราะว่าบางที คิดว่าอยากกลับบ้านมาก บางทีมันทรมาน ต้องคิดแค่ระดับหนึ่ง และก็อยู่ให้ได้ (เสียงสั่น)
 
จนทำให้ มดดำ พิธีกรรายการ ถึงกับน้ำตาซึม ก่อนที่นางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวเสริมว่า เราไม่พูดก็อยู่ได้ มันอยู่ลึกๆ ข้างใน แต่เราพยายามปรับตัว ไม่งั้นเราทรมาน ตื่นเช้ามามองบ้าน ก็คิดว่าทำไมไม่ได้กลับบ้าน มันทรมาน ต้องปล่อยวางระดับหนึ่ง คิดถึง แต่เราต้องพยายามที่จะนิ่ง สงบ รอจังหวะเวลา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังได้กล่าวถึงในปัจจุบันที่เยาวชนหันมาสนใจการเมือง และคลิปที่เป็นที่สนใจคือคลิปที่อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ กล่าวแถลงใช่วงที่สถานการณ์การเมืองในอดีตที่รุนแรงผ่านวลี “ถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว” ว่า เป็นวันที่พยายามทำทุกอย่าง อะไรที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง พยายามปลดล็อกในสิ่งที่รัฐบาลในขณะนั้นทำได้ แต่ก็ยังมีการออกมาขับไล่อย่างรุนแรง ซึ่งในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ก็ไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้ง ซึ่งในสถานการณ์ขณะนั้นตนเองพยายามเข้มแข็งเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะทำได้ในการประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น
 
เราหวังว่าเรายุบสภาแล้วทุกอย่าง ที่เป็นความขัดแย้งก็จะเข้าสู่วิถีทางของประชาธิปไตยในสภา แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวังจนนำไปสู่การรัฐประหาร
 
นางสาวยิ่งลักษณ์ย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพบกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้จะมีกระแสข่าวดีลลับ พร้อมยืนยันตัวเองมีความชัดเจนว่ารับไม่ได้ในเรื่องของรัฐประหาร ส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่ 2 ตนในฐานะผู้ชมก็ต้องยอมรับและดีใจที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นครรลองในระบอบประชาธิปไตย
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


ทูตรัศม์ ซัด ‘ดอน’ เล่นเกมอันตราย ฝืนมติอาเซียน อุ้ม ‘เพื่อนรักเผด็จการ’ แปลกใจ ต้องทำขนาดนี้ ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4039617

ทูตรัศม์ ซัด ‘ดอน’ เล่นเกมอันตราย ฝืนมติอาเซียน อุ้ม ‘เพื่อนรักเผด็จการ’ แปลกใจ ต้องทำขนาดนี้ ?
 
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตทูตหลายประเทศ และเจ้าของเพจ ‘ทูตนอกแถว’ ให้สัมภาษณ์มติชนทีวี ในรายการ  The Politics ข่าวบ้านการเมือง โดยในตอนหนึ่งพิธีกรสอบถามถึงประเด็นที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จัดประชุมกลุ่มเพื่อนเมียนมาในวันที่ 18-19 มิถุนายน ว่ามีสาเหตุจากการที่ว่าที่รัฐบาลใหม่นำโดยพรรคก้าวไกลพยายามเสนอทางออกต่อการจัดการปัญหาในเมียนมาในอีกรูปแบบหนึ่งหรือไม่ จึงทำให้ฝั่งรัฐบาลเก่าออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้
 
นายรัศม์ กล่าวว่า เรากำลังพูดเรื่องแรงจูงใจว่าทำไมอยู่ดี ๆ จึงลุกขึ้นมาจัด ตนจึงอยากจะเสนอในเรื่องผลของการจัดประชุมในครั้งนี้ว่าจะนำอะไรมาบ้าง ซึ่งอยากจะเรียนว่าสิ่งที่ทางฝ่ายไทย คือคุณดอน กำลังทำเป็นเกมที่อันตรายมาก และจะนำผลเสียมา เรารู้กันว่าในอดีตที่ผ่านมา องค์กรอาเซียนเปรียบเสมือนเสาหลักของนโยบายต่างประเทศของไทย ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนาน เพราะนี่คือเกราะกำบัง สิ่งที่เสริมสร้างผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทางด้านความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจ
 
นี่คือเสาหลักของเรา แต่สิ่งที่คุณดอนทำ คือ การละเมิดมติของผู้นำอาเซียนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ว่า เขาจะไม่ติดต่อกับผู้นำทหารพม่า ตราบใดที่สถานการณ์ในพม่ายังไม่ดีขึ้น ความรุนแรงยังไม่ลดน้อยลง ยังไม่มีการหารือ ยังไม่มีการปล่อยตัวอองซาน ซูจี
 
พูดง่าย ๆ คือ หากยังไม่มีสัญญาณด้านบวกอะไรเลยเขาก็จะไม่ติดต่อใด ๆ ทั้งสิ้นกับพวกผู้นำเผด็จการทหารพม่า ซึ่งประเทศไทยก็ไปเห็นชอบตรงนี้ด้วย เรามีพันธะในการปฏิบัติตามที่ผู้นำอาเซียนตกลงกันไว้ แต่เราไม่ทำตามสิ่งนี้ และเราก็ไปสร้างเวทีขึ้นมาใหม่ แล้วในกรอบ ARF มันเป็นกลไกหนึ่งภายใต้อาเซียน ส่วนนี้เป็นแค่ส่วนเล็กที่คุณไปพูดในฟอรัม ท้ายที่สุดคุณต้องไปรายงานไปถึงระดับรัฐมนตรีต่างประเทศก่อนเขาถึงจะถือว่าตกลงกัน ไม่ใช่คุณไปพูดกับใครก็ไม่รู้ว่าในเวทีเล็ก ๆ แล้วคุณบอกอ้าว! แจ้งแล้ว ๆ
 
ถ้าแจ้งแล้วคนอื่นรับทราบแล้ว เขาจะปฏิเสธทำไม นี่แสดงว่าคุณกำลังจะบอกว่า สิงคโปร์ อินโดนีเซีย พวกนี้เขาพูดไม่รู้เรื่อง คุณเห็นเขาเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไร เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ซึ่งคุณกำลังฝ่าฝืนมติของผู้นำอาเซียนซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สูงสุด และผลที่ตามมา คือ ทำให้ความเป็นเอกภาพของอาเซียนลดลง และเมื่อสถานะอาเซียนลดลง ผลประโยชน์ต่างๆ ของประเทศไทยมันก็ถูกทำลายไปด้วย เพราะที่ผ่านมาอันนื้คือเสาหลักของเรา” นายรัศม์กล่าว
 
นายรัศม์กล่าวว่า สิ่งที่คุณทำต่อไปนี้ คือ การบ่อนทำลายอาเซียน ซึ่งร้ายแรงมาก เพราะกำลังทำลายนโยบายต่างประเทศที่เรายึดถือกันมาโดยตลอด คุณจะอ้างว่าไม่ใช่อะไรก็แล้วแต่ แต่นี่คือผลที่ตามมา หากย้อนกลับไปถึงแรงจูงใจว่าทำเพื่ออะไร หลายคนก็วิเคราะห์ซึ่งมันแปลกมากทีเดียว ทำไมไทยเราจะต้องไปโอบอุ้มเผด็จการทหารพม่าขนาดยอมยอมฝืนตัว ยอมเสียผลประโยชน์แห่งชาติที่เราเคยยึดถือ ยอมทำลายนโยบายต่างประเทศเสาหลักต่าง ๆ นานา เพื่ออะไร
 
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทหารพม่ามีอะไรเบื้องหลังที่มาแบล็กเมล์ฝ่ายไทยได้หรือเปล่า เราไม่รู้แต่มันแปลกที่เราจะต้องทุ่มเท ทำขนาดนั้น อุ้มขนาดนั้นเลยหรือ ต่อให้อุดมการณ์เพื่อนรักเผด็จการด้วยกัน แต่ถึงขั้นต้องทำขนาดนี้ ช่วยเหลือขนาดนี้ผมว่าแปลกพอสมควร” นายรัศม์กล่าว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
จ่อออกหมายจับ ‘ส.ว.กิตติศักดิ์’ ไม่มาตามนัด ตร. ‘นายอำเภอ’ ซัดอีกเป็น ส.ว.มาป่วนวัดทำไม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4039259

จ่อออกหมายจับ ส.ว.กิตติศักดิ์ ไม่ยอมมาพบตำรวจ เป็นครั้งที่ 2  ‘นายอำเภอ’ ซัดแทน ‘ผู้ว่าฯ’ หลังส.ว.คนดัง จวกพ่อเมืองยุ่งวัดบางคลาน แล้ว  ส.ว. มีหน้าที่อะไรมาป่วนวัด ผู้ว่าฯเขามีอำนาจโดยตรง
 
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน นายสุเมธ เมธีรัตนาพิพัฒน์ นายอำเภอโพทะเล อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ความคืบหน้าของคดีวัด วัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ขณะหลังจากที่ตำรวจ สภ.โพทะเล ได้ขออนุมัติหมายศาลพิจิตร ออกหมายจับ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. และนายดุศิต คำศิลา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลบึงนาราง อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร ซึ่งมีความเชื่อมโยง จ้างวานชายชุดดำบุกเข้าไปทำร้าย พระ ชาวบ้าน ไวยาวัจกรวัดบางคลานจนได้รับบาดเจ็บ ปรากฏว่าศาลพิจิตรให้ตำรวจออกหมายเรียกก่อน เนื่องจาก นายกิตติศักดิ์ และนายดุศิต ผู้ใหญ่บ้านนั้น มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมีตำแหน่งหน้าที่การงาน ซึ่งตำรวจ ออกหมายเรียก ให้นายกิตติศักดิ์ ส.ว. และนายดุศิต ผู้ใหญ่บ้าน มาพบวันที่ 1 มิถุนายน

แต่ปรากฏว่า นายกิตติศักดิ์ และนายดุศิต ผู้ใหญ่บ้าน และนายสิระ เจนนาคะ อดีต ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ มาเข้าพบ พนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม แต่ไม่ให้การใดๆ และจะมาพบตำรวจอีกครั้ง ต่อมาตำรวจ ออกมายเรียก ให้มาพบครั้งที่ 2 ปรากฏว่านายกิตติศักดิ์ ส.ว. และนายดุศิต ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ยอมมาพบ กับพนักงานสอบสวน จึงทำให้ตำรวจยังไม่สามารถส่งฟ้องอัยการได้ ซึ่งตรงนี้อยู่ที่ตำรวจจะทำอย่างไร ถ้าไม่มาให้การจะออกหมายจับหรือไม่

นายสุเมธกล่าวอีกว่า ขณะนี้ผมเองเร่งทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ เจ้าอาวาส วัดบางคลาน โดยเข้าไปชี้แจงว่าอย่าไปเชื่อ แกนนำบางคนที่ปลุกปั่น ใส่ร้ายพระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาส องค์ใหม่ กล่าวหาว่า ท่านยักยอกเงินวัด ซึ่งมันไม่เป็นความจริง ทำให้ชาวบ้านทะเลาะกัน แบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งที่ไปฟังแกนนำอีกฝ่ายใส่ร้ายท่าน ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าฝ่ายที่ปิดวัดนั้นก่อเรื่องก่อน จนถึงทุกวันนี้ ผมพยายามเข้าไปเจรจาหลายครั้งแต่ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามเจ้าอาวาสวัดบางคลานนั้นไม่ฟัง ส่วนใหญ่เป็นแกนนำ ที่ เคยถูกศาลพิจิตร ตัดสินสั่งห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวในวัดแต่ก็ยังฝ่าฝืนคำสั่งศาลพิจิตร ผมมองว่ากฎหมู่นั้น ยังอยู่เหนือกฎหมาย ตอนนี้นักท่องเที่ยวเข้าไปวัดบางคลาน จากที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปวัดบางคลานมากมาย แต่ตอนนี้แทบไม่ค่อยคนเข้ามาเที่ยววัดกันแล้ว

นายสุเมธกล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นคนของอดีตเจ้าอาวาสองค์เก่าได้จัดมวลชนเข้าไปคุมวัด ปิดวัด เพื่อไม่ให้พระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดองค์ ใหม่เข้าไปบริหารวัด ดังนั้นคงต้องรอความพร้อมของพระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ว่าพร้อมเมื่อไหร่ ทางฝ่ายปกครองจะพาท่าน เข้าวัดทันที่ เพราะเจ้าอาวาสวัดองค์ใหม่ ท่านมาด้วยการแต่งตั้งตามกฎหมายอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่