นายกสมาคมทนายชี้ ไทยต้องมี 112 ชงตั้ง กก.กลั่นกรอง ไม่ให้ ตร.-อัยการฟ้องไว้ก่อน
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3998542
นายกสมาคมทนายความชี้ ประเทศไทยต้องมีมาตรา 112 คุ้มครองสถาบัน แต่ต้องแก้ไขให้มี กก.กลั่นกรองฯไม่ควรใช้สำนักพระราชวัง ตำรวจ-อัยการต้องไม่ฟ้องไว้ก่อน ศาลต้องกล้าให้ประกัน
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นาย
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย
ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
ตามที่เกิดประเด็นถกเถียงกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าควรมีการยกเลิก ควรมีการแก้ไข และไม่ควรแตะต้องเลยนั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่าไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญาได้มีบัญญัติเพื่อการปกป้องสถาบันหลักทั้ง 3 แล้ว ดังนี้
(1) การปกป้องสถาบันชาติ ได้แก่ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
(2) การปกป้องสถาบันศาสนา ได้แก่ ความผิดต่อศาสนาตามมาตรา 206 มีโทษจำคุกหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(3) การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ความผิดตามมาตรา 112 มีโทษจำคุกสามปีถึงสิบห้าปี
ดังนั้น การที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้มีการยกเลิกมาตรา 112 นั้น เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่มีอคติและไม่มีเหตุผลรองรับ เพราะประเทศมีกฎหมายปกป้องสถาบัน ชาติ และศาสนาแล้ว เหตุใดจึงจะยกเลิกการปกป้องสถาบัน
ส่วนที่เสนอให้แก้เป็นความผิดที่ยอมความได้ และมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปียิ่งขาดเหตุผล เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีหลักการเดียวกับมาตรา 116 และ 206 จึงต้องเป็นความผิดต่อรัฐที่ยอมความไม่ได้ และมีอัตราโทษเช่นเดียวกัน ส่วนที่บางฝ่ายเห็นว่าควรมีการแก้ไขอัตราโทษให้สอดคล้องกับมาตรา 116 และ 206 ก็เป็นเรื่องที่รัฐสภาจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
ปัญหาที่แท้จริงของมาตรา 112 ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ จึงเกิดการกลั่นแกล้งโดยใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทำร้ายอีกฝ่าย ส่วนที่เสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้เสียหายยิ่งไม่บังควร เพราะจะเป็นการดึงเอาสถาบันมาเป็นคู่กรณีกับประชาชน
สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควรมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรองว่าการกระทำใดเป็นความผิดต่อมาตรา 112 หรือไม่ เพื่อให้ตำรวจและอัยการถือปฏิบัติไม่ให้เกิดกรณีฟ้องไว้ก่อนเพื่อเอาตัวรอด ส่วนศาลก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้เป็นเช่นเดียวกับความผิดฐานอื่น หาไม่แล้วจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบันเพราะความขลาดกลัวและการใช้ดุลพินิจที่เลือกปฏิบัติของศาล
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid02CX5v17guotoBJ4ajA99HRemgDV5v2Uy6xuN4TALZL1q4i47kJmotkgyc2pa5CHENl
‘หมอเรวัต’ ชงทางออกหย่าศึก ‘ก.ก.-พท.’ ชิงปธ.สภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3998144
‘หมอเรวัต’ ชงทางออกหย่าศึก ‘ก.ก.-พท.’ ชิง ปธ.สภา
นพ.
เรวัต วิศรุตเวช แกนนำพรรคเพื่อชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมว่า ถ้าสองพรรคใหญ่ขัดแย้งกัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งประธานสภา จะทำให้ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และตำแหน่งประธานสภา ก็ไม่ใช่กฎเหล็กที่จะต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือสอง แต่อาจจะเป็น พรรคอันดับที่เท่าไหร่ก็ได้ แต่ควรถือเอาความเหมาะสมและคุณสมบัติเป็นที่ตั้ง ซึ่งควรเป็นบุคคลที่มีทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ แม่นข้อกฎหมาย ข้อบังคับมีวิจารณญาณและปฏิภาณไหวพริบเพื่อให้การประชุมสภาดำเนินไปได้ด้วยดี
น.พ.
เรวัตกล่าวอีกว่า จากประสบการณ์หลายปีที่ได้ร่วมประชุมสภาในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งจึงขอเสนอให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ลองเสนอแคนดิเดต พรรคละ 3 ชื่อ ส่วนอีก 6 พรรคเล็กก็รวมกันเสนอ 3 ชื่อ เพื่อให้ส.ส. ประชาชนทั่วไป และเอฟซีของแต่ละพรรคได้มีโอกาสพิจารณาว่าใครคือบุคคลที่สมควรจะ ดำรงตำแหน่ง ประธานสภา
“
ผมคิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางออกที่เหมาะสมและมีเหตุมีผล ที่สร้างสรรค์มากกว่าความขัดแย้งที่ทำให้เป็นอุปสรรคอยู่ในขณะนี้” น.พ.
เรวัตกล่าว
ข้าวมันไก่ร้านดังโคราช เห็นด้วย ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ชี้ถ้าเศรษฐกิจดีจ่ายมากกว่านี้ก็ยังได้
https://www.matichon.co.th/region/news_3997335
ข้าวมันไก่ร้านดังโคราช เห็นด้วย ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ชี้ถ้าเศรษฐกิจดีจ่ายมากกว่านี้ก็ยังได้
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นผู้ประกอบการธุรกิจ SME และลูกจ้างในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ถึงกรณีนโยบายพรรคก้าวไกล ที่เสนอว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาททันที
นาย
นพอนันท์ พรอนันต์ฤกษ์ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ รักกาแฟ ถนนจักรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เรื่องนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทนั้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง และร้านของตน ซึ่งมีคนงานอยู่กว่า 10 คน ทั้งแม่ครัว พ่อครัว เด็กเซิร์ฟ และคนเก็บเงิน ตนก็จ่ายค่าแรงขั้นต่ำเกินวันละ 450 บาทกันมานานแล้ว
ส่วนใหญ่เฉลี่ยได้วันละ 490-500 บาท เพราะตนเห็นว่าทุกวันนี้ค่าครองชีพ ข้าวของทุกอย่างก็สูงขึ้น จึงต้องปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ อีกทั้งพรรคก้าวไกล ก็ถือว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ตนก็อยากจะให้โอกาสคนรุ่นใหม่ลองมาบริหารประเทศดูบ้าง เผื่ออะไรจะดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนร้านของตนการขึ้นค่าแรงให้แค่นี้ไม่ได้กระทบอะไร ยิ่งถ้ารัฐบาลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะให้จ่ายมากกว่านี้ก็ยังไหว
ด้าน น.ส.
ธนัญลักษณ์ ดีขันธ์ อายุ 49 ปี พนักงานร้านข้าวมันไก่ รักกาแฟ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท เพราะค่าครองชีพสูง ทำให้ผู้ใช้แรงงานต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย แต่ก็รู้สึกกังวลอยู่ว่า ผู้ประกอบการบางรายอาจจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ ดังนั้นจึงต้องฝากความหวังถึงรัฐบาลชุดใหม่ ช่วยทำให้ข้าวของถูกลง และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบมากจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนี้
JJNY : ไทยต้องมี 112 ชงตั้ง กก.กลั่นกรอง│‘หมอเรวัต’ชงทางออก ชิงปธ.สภา│ร้านดังโคราชเห็นด้วยขึ้นค่าแรง│โรงเบียร์ขนาดเล็กเฮ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3998542
นายกสมาคมทนายความชี้ ประเทศไทยต้องมีมาตรา 112 คุ้มครองสถาบัน แต่ต้องแก้ไขให้มี กก.กลั่นกรองฯไม่ควรใช้สำนักพระราชวัง ตำรวจ-อัยการต้องไม่ฟ้องไว้ก่อน ศาลต้องกล้าให้ประกัน
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
ตามที่เกิดประเด็นถกเถียงกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าควรมีการยกเลิก ควรมีการแก้ไข และไม่ควรแตะต้องเลยนั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่าไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญาได้มีบัญญัติเพื่อการปกป้องสถาบันหลักทั้ง 3 แล้ว ดังนี้
(1) การปกป้องสถาบันชาติ ได้แก่ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
(2) การปกป้องสถาบันศาสนา ได้แก่ ความผิดต่อศาสนาตามมาตรา 206 มีโทษจำคุกหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(3) การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ความผิดตามมาตรา 112 มีโทษจำคุกสามปีถึงสิบห้าปี
ดังนั้น การที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้มีการยกเลิกมาตรา 112 นั้น เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่มีอคติและไม่มีเหตุผลรองรับ เพราะประเทศมีกฎหมายปกป้องสถาบัน ชาติ และศาสนาแล้ว เหตุใดจึงจะยกเลิกการปกป้องสถาบัน
ส่วนที่เสนอให้แก้เป็นความผิดที่ยอมความได้ และมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปียิ่งขาดเหตุผล เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีหลักการเดียวกับมาตรา 116 และ 206 จึงต้องเป็นความผิดต่อรัฐที่ยอมความไม่ได้ และมีอัตราโทษเช่นเดียวกัน ส่วนที่บางฝ่ายเห็นว่าควรมีการแก้ไขอัตราโทษให้สอดคล้องกับมาตรา 116 และ 206 ก็เป็นเรื่องที่รัฐสภาจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
ปัญหาที่แท้จริงของมาตรา 112 ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ จึงเกิดการกลั่นแกล้งโดยใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทำร้ายอีกฝ่าย ส่วนที่เสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้เสียหายยิ่งไม่บังควร เพราะจะเป็นการดึงเอาสถาบันมาเป็นคู่กรณีกับประชาชน
สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควรมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรองว่าการกระทำใดเป็นความผิดต่อมาตรา 112 หรือไม่ เพื่อให้ตำรวจและอัยการถือปฏิบัติไม่ให้เกิดกรณีฟ้องไว้ก่อนเพื่อเอาตัวรอด ส่วนศาลก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้เป็นเช่นเดียวกับความผิดฐานอื่น หาไม่แล้วจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบันเพราะความขลาดกลัวและการใช้ดุลพินิจที่เลือกปฏิบัติของศาล
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid02CX5v17guotoBJ4ajA99HRemgDV5v2Uy6xuN4TALZL1q4i47kJmotkgyc2pa5CHENl
‘หมอเรวัต’ ชงทางออกหย่าศึก ‘ก.ก.-พท.’ ชิงปธ.สภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3998144
‘หมอเรวัต’ ชงทางออกหย่าศึก ‘ก.ก.-พท.’ ชิง ปธ.สภา
นพ.เรวัต วิศรุตเวช แกนนำพรรคเพื่อชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมว่า ถ้าสองพรรคใหญ่ขัดแย้งกัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งประธานสภา จะทำให้ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และตำแหน่งประธานสภา ก็ไม่ใช่กฎเหล็กที่จะต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือสอง แต่อาจจะเป็น พรรคอันดับที่เท่าไหร่ก็ได้ แต่ควรถือเอาความเหมาะสมและคุณสมบัติเป็นที่ตั้ง ซึ่งควรเป็นบุคคลที่มีทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ แม่นข้อกฎหมาย ข้อบังคับมีวิจารณญาณและปฏิภาณไหวพริบเพื่อให้การประชุมสภาดำเนินไปได้ด้วยดี
น.พ.เรวัตกล่าวอีกว่า จากประสบการณ์หลายปีที่ได้ร่วมประชุมสภาในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งจึงขอเสนอให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ลองเสนอแคนดิเดต พรรคละ 3 ชื่อ ส่วนอีก 6 พรรคเล็กก็รวมกันเสนอ 3 ชื่อ เพื่อให้ส.ส. ประชาชนทั่วไป และเอฟซีของแต่ละพรรคได้มีโอกาสพิจารณาว่าใครคือบุคคลที่สมควรจะ ดำรงตำแหน่ง ประธานสภา
“ผมคิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางออกที่เหมาะสมและมีเหตุมีผล ที่สร้างสรรค์มากกว่าความขัดแย้งที่ทำให้เป็นอุปสรรคอยู่ในขณะนี้” น.พ.เรวัตกล่าว
ข้าวมันไก่ร้านดังโคราช เห็นด้วย ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ชี้ถ้าเศรษฐกิจดีจ่ายมากกว่านี้ก็ยังได้
https://www.matichon.co.th/region/news_3997335
ข้าวมันไก่ร้านดังโคราช เห็นด้วย ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ชี้ถ้าเศรษฐกิจดีจ่ายมากกว่านี้ก็ยังได้
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นผู้ประกอบการธุรกิจ SME และลูกจ้างในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ถึงกรณีนโยบายพรรคก้าวไกล ที่เสนอว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาททันที
นายนพอนันท์ พรอนันต์ฤกษ์ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ รักกาแฟ ถนนจักรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เรื่องนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทนั้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง และร้านของตน ซึ่งมีคนงานอยู่กว่า 10 คน ทั้งแม่ครัว พ่อครัว เด็กเซิร์ฟ และคนเก็บเงิน ตนก็จ่ายค่าแรงขั้นต่ำเกินวันละ 450 บาทกันมานานแล้ว
ส่วนใหญ่เฉลี่ยได้วันละ 490-500 บาท เพราะตนเห็นว่าทุกวันนี้ค่าครองชีพ ข้าวของทุกอย่างก็สูงขึ้น จึงต้องปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ อีกทั้งพรรคก้าวไกล ก็ถือว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ตนก็อยากจะให้โอกาสคนรุ่นใหม่ลองมาบริหารประเทศดูบ้าง เผื่ออะไรจะดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนร้านของตนการขึ้นค่าแรงให้แค่นี้ไม่ได้กระทบอะไร ยิ่งถ้ารัฐบาลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะให้จ่ายมากกว่านี้ก็ยังไหว
ด้าน น.ส.ธนัญลักษณ์ ดีขันธ์ อายุ 49 ปี พนักงานร้านข้าวมันไก่ รักกาแฟ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท เพราะค่าครองชีพสูง ทำให้ผู้ใช้แรงงานต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย แต่ก็รู้สึกกังวลอยู่ว่า ผู้ประกอบการบางรายอาจจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ ดังนั้นจึงต้องฝากความหวังถึงรัฐบาลชุดใหม่ ช่วยทำให้ข้าวของถูกลง และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบมากจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนี้