เหตุที่เปลี่ยนใจของคนเขตหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

กระทู้สนทนา
เดิมเลือกพรรคหนึ่ง(เลือกมานานแล้ว) แต่ต่อมาเลือกพรรคสองทั้งเขตและพรรคในวันนี้
แต่เดิมก็กะจะเลือกเขตให้พรรคหนึ่ง และเลือกนายกให้พรรคสอง
แต่เมื่อได้เห็นพรรคหนึ่งพูดหาเสียง และได้เห็นพรรคสองพูดหาเสียง
คนในพรรคสองรวมถึงหัวหน้าพรรคสองพูดหาเสียงในตอนนี้ เหมือนกับ หัวหน้าพรรคหนึ่งหาเสียงในตอนนู้น ฟังแล้วน้ำตาซึม
และไม่มั่นใจว่าเลือกพรรคหนึ่งเหมือนเดิมแล้วจะยังไงไม่แน่ใจ
ผมก็ตัดสินใจได้เด็ดขาดเมื่อเห็นลีลาการพูดของหัวหน้าพรรคสอง ว่าจะเลือกพรรคสองทั้งสองใบ
---------
การเลือกพรรคหนึ่งในอดีต และการเลือกพรรคสองในปัจจุบัน เขตอื่นไม่รู้ คนอื่นไม่รู้ เขตผมตัวผมรู้ว่าไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เลือกเพราะนโยบายที่ฟังแล้วเข้าท่า น้ำตาซึม การพูดคุยตอบโต้ใน วงดีเบท ก็ชัดเจนตรงๆ ไม่ แอ๊บ นอ มอล
พอผลเลือกตั้งประกาศขั้นต้น ก็ไม่คิดว่า เขตและพรรคสอง ในเขตของผมจะได้รับการเลือกตั้ง เพราะเขตนี้ปกติคนส่วนใหญ่จะเลือกพรรคหนึ่งกัน
--------
ภาพรวมผลการเลือกตั้ง
พรรคสอง ได้ คะแนนเขตมากที่สุด และ ได้คะแนนพรรคมากที่สุด
พรรคหนึ่ง ได้ คะแนนเขตมากรองลงมาจากพรรคสอง และ ได้คะแนนพรรคมากรองลงมาจากพรรคสอง
พรรคสองได้คะแนนพรรคมากกว่าพรรคหนึ่งประมาณ 10 เสียง
-------
วิถีทางประชาธิปไตย
พรรคหนึ่งกับพรรคสอง รวมกันแล้ว ได้ 3 ใน 5 ของคะแนน สส.ทั้งหมด
ตั้งรัฐบาลได้แล้ว
แต่ทว่ายังมีบทเฉพาะกาลที่ต้องมีเสียง สว.เข้ามาโหวดให้เป็นนายกอีก 250 เสียง (จนกว่าจะถึง 11 พ.ค.2567 จึงไม่ต้องใช้เสียง สว.)
และจะต้องได้เกินครึ่งคือ มากกว่า 250 + 125 เท่ากับ 375 คือ ต้องมากกว่า 375 จึงจะได้เป็นนายก
-------
ทบทวนประวัติศาสตร์
เมื่อก่อนพรรคสามพรรคสี่พรรคห้าพรรคหนึ่งก็เคยครองความยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งในกรุงเทพแต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยจนมาถึงคราวพรรคสองในปัจจุบัน
งูเห่าเกิดในสมัยรัฐบาลพรรคสาม นายกที่มีงูเห่าพันคอ ไม่ไว้วางใจงูเห่า จึงยุบสภาก่อนลงมติไม่ไว้วางใจ
ต่อมา งูเห่า เกิดในฝ่ายค้าน กลับเป็น ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล
และ การหาเสียงบอกไม่เอาพรรคสี่ แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จประกาศผลเสร็จ ก็ย้ายไปเป็น รมต.พรรคสี่ 
แต่มี สส. เหลือในพรรคสอง กับ พรรคหนึ่ง ไม่ยอมเป็นงูเห่า แต่มีการย้ายขั้วเข้าพรรคหนึ่ง
เมื่อก่อน พรรคมี สส น้อย แต่มีเสียงโหวดเยอะ จึงถือเอาเสียงโหวตเยอะมาเป็นตัวตั้งเป็นที่หนึ่ง ชนะ พรรคหนึ่ง มีเสียงโหวตน้อยกว่า แต่มี สส เยอะกว่า 
แต่ได้รวบรวม สส จากพรรคที่ตอนหาเสียงบอกไม่เอาพรรคสี่ แล้วกลับลำมาร่วมกับ พรรคสี่จนมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งแบบปริ่มน้ำ
สว.ยกมือให้ เหตุผล ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่เนื่องจากเสียงเกินกึ่งหนึ่งแบบปริ่มๆ
------
อยากรู้เมื่อประกาศผลการเลือกตั้ง
อยากดูว่า คนจะเลือก งูเห่า หรือไม่
อยากดูว่า เงิน (กระสุน) จะทำให้ มีคนเลือกพรรคที่หลอกลวงประชาชนหรือไม่
อยากดูว่า คนที่เขาสำนึกบุญคุณ เงินซื้อเสียง เงินแจก(เอาเงินภาษีมาแจก)
อยากดูว่า เอาเงินภาษีมาให้เมียน้อยใช้ จีนเทา ฯลฯ จะมีผลการเลือกตั้งอย่างไร
-----
เมื่อมีผลการเลือกตั้งประกาศรับรองชั่วคราว
ก็เห็นว่าคนส่วนมากลงคะแนนเสียง ลงโทษพรรคที่ตระบัดสัตย์ โดยเลือกพรรคสอง และพรรคหนึ่ง เป็นหลัก
คนเลือกนโยบายพรรคหนึ่ง ก็ไม่มาก (ยังไม่เกิน 250)
คนเลือกนโยบายพรรคสอง ก็ไม่มาก (ยังไม่เกิน 250)
ดร.ลอย ได้แสดงวิธีคิดหาจำนวนเงิน/คน ที่คาดว่าซื้อเสียงออกมาได้ เป็นเงิน 2000 ลบ. และการซื้อโดยลงคะแนนเบอร์เขต และ ไปลงคะแนนปาตี้ลิสด้วยในเบอร์เดียวกันเพื่อเป็นการเช็ค
ส่วนคนเลือกรับเงินค่าเสียงก็มีน้อย แต่คนออกมาเลือกตั้งเยอะกว่าเดิม ทำให้การซื้อเสียงไม่มีผล
ดร.ลอย ให้ข้อสังเกตตามหลักคณิตศาสตร์ว่าเขตไหนบ้างซื้อเสียง ตามวิธีคิดทางคณิตศาสตร์
และคนเลือกพรรคสี่ พรรคห้า ที่เคยเป็นรัฐบาล ก็มีคนเลือกน้อย
----
ฉากทัศน์ของพรรคสอง
ผมก็นั่งหัวเราะในตัวหมากนอกพรรคสองที่โผล่ออกมาจนถึงปัจจุบัน (IO แพ้เรื่องจริงที่บอกต่อ)
ผมก็อยากดูพรรคสองจะมีปัญญาฝ่าด่าน 18 อรหันต์ ออกมาได้อย่างไร จนเป็น นายกรัฐมนตรี
อยากจะดู สว.วันที่ลงมติว่าจะท่วมท้นเหมือนที่ผมคิดไว้หรือไม่
พรรคหนึ่งจะมีลีลาเหมือนพรรคสามหรือไม่ 
เมื่อพรรคสองทำได้ ยังมีอีกเยอะที่รออยู่ โดยเฉพาะหนี้ที่พรรคสี่สร้างรอไว้ให้ และความเน่าที่ปกปิดไว้ในพรมตามที่ต่างๆ(กระทรวง กรม)
พรรคที่ใช้เงิน คงยอมไม่ได้ เพราะมีค่าใช้จ่าย ที่ต้องหาเพิ่มเติม
แต่จากการสังเกตลีลาพรรคสอง ผมก็จะตามดู ว่ามีลีลาเจ็บปวดด้วยความมีปัญญาอย่างไร และมีจุดมุ่งหมายเพื่อคนที่เดือดร้อนอย่างไรเป็นอันดับหนึ่ง
อยากเห็นความจริงของพรรคหนึ่งที่โผล่ออกมาในช่วงต่อมา เอาไว้เป็นตัวเลือก เผื่อพรรคสองเออเล่อร์ออกนอกวงโคจร
----
ตัวเลขคอรัปชั่นมีทุกพรรค แต่พรรคหนึ่งประชาชนมีกินมีใช้
รอดูพรรคสอง กับ พรรคหนึ่ง ร่วมมือกัน ว่าประชาชนจะมีความสุขกายสบายใจมีกินมีใช้หรือไม่เมื่อได้ร่วมกันทำงาน
เมื่อ สว.พ้นวาระแล้วใน 11 พ.ค.2567 สว.ที่ยกมือสนับสนุนพิธาในตอนแรกและยกมือให้จริงๆในวันเลือกพิธาเป็นนายก คงมีความสุขกายสบายใจกับลูกหลาน อยากดู สว.ตอนพ้นวาระ ว่าจะอย่างไรต่อไป
ปัจจุบัน ไ่ม่เคยเห็นมาก่อนว่า จะมีคนช่วยพรรคสองอย่างนี้
----
ถ้าดี ประชาชนสบายกายใจดี มีกินมีใช้ดี อยู่เป็นสุขดี
ประชาชนก็จะเลือกพรรคหนึ่ง และ พรรคสอง แค่สองพรรคนี้แหละ ครั้งหน้าก็พรรคหนึ่งบ้าง ครั้งอื่นก็พรรคสองบ้าง
พรรคที่ใช้เงินก็จะค่อยๆหมดไป แต่ก็จะมีพรรคที่ใช้เงินเกิดใหม่อีก ตามธรรมชาติ
ผม ประชาชนเขตหนึ่งในกรุงเทพ ก็มีแค่วันเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้กับพรรคและเขตที่ผมฟังนโยบายแล้วน้ำตาไหล เท่านั้น
63 ปีแล้ว จะไม่มโน ไม่คิดเองเออเอง 
ได้แต่ดูลีลากลยุทธของแต่ละตัวหมากการเมือง ดูไปหัวเราะไป
พรรคที่เลือกจะได้เป็นนายก ก็แล้วแต่สติปัญญาของคนที่จะเป็นนายกและทีมงาน
พรรคไหนดี พรรคไหนไม่ดี พรรคไหนคดเคี้ยว ก็จะได้เห็น 
4 ปีหน้าอาจไม่ถึง (อายุสภาไม่ใช่อายุผม) (แต่อายุผมก็ไม่แน่) ก็เอาไว้เลือกใหม่ถ้ายังมีชีวิตอยู่
ผบ.เหล่าทัพ ทุกท่านควรยกมือสนับสนุนพิธาให้เร็วนะครับอย่างพร้อมเพรียง มีแต่ได้ไม่มีเสียครับ พอเกษียณแล้วลูกหลานจะได้อยู่เย็นเป็นสุขครับ
ทำกรรมเอาไว้ ก็ต้องรับผลกรรมครับ
ทำกรรมดี ผลที่ได้รับคือ ความสุข
ทำกรรมไม่ดี ผลที่ได้รับคือ ความทุกข์( พระพุทธเจ้าตรัสบอกเอาไว้ครับ)
คนที่มีสติจะไม่เครียดกับเรื่องนี้ครับ
ส่วนคนที่เห็นมาเยอะ ก็ตามดูน้ำลายไหลเยิ้มยิ้มแย้มหน้าย่นทุกวันแหละครับ
แถมนะครับ ถ้าผมเป็น นายกตู่ นะครับ ผมจะยกมือให้พิธาเป็นนายกครับ ยกทุกวัน จนถึงวันยกจริงก็ยกให้พิธาเป็นนายกครับ
- กราบขออภัยต่อทุกๆท่านนะครับ หากข้อความของกระผมล่วงเกินนะครับ โปรดยกโทษให้ด้วยนะครับ เป็นความเห็นของคนแก่คนหนึ่งครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่