สวัสดีชาวพันทิป
ไม่ได้เข้ามานาน วันนี้ ขอมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อื่น
เพราะเวลาเรามีปัญหา หรือ อยากได้ข้อมูล พันทิป ก็ยังเป็นที่ที่เรามาอ่าน
วันนี้ถือเป็นการ ตอบแทนบุญคุณ พันทิป และเป็นการ ส่งต่อ กำลังใจ และความรู้
ถ้าขี้เกียจอ่านยาวๆ อ่าน แค่นี้เลย
"ถ้าคุณ ตึงคอ ตึงกล้ามเนื้อหน้า อยู่ๆ ใจเต้นรัว หมดแรง ไปหาหมอทั่วไป ก็แล้ว ตรวจสุขภาพ ก็แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
ไปหา จิตแพทย์ ค่ะ ช่วยได้ ดีขึ้นได้ เชื่อเรา"
มาแบบยาวๆ
เราอายุ 44 แม่ลูกสอง เติบโตมาแบบ คนปกติ มีเครียด มีมีความสุข มีโกรธ มีปล่อยวางได้
แต่ค่อนข้าง ไปในทาง โลกสวย โลกบวก มองโลกตามความจริง ซะมากหน่อย
แต่ก็ไม่ประมาท วางแผนการเรียน วางแผนการเงิน วางแผนการงาน เหมือนคนทั่วไป แต่ไม่ถึงกับเพอร์เฟคชั่นนิส
ที่จะบอกคือ จากก็คนธรรมดานี่และ มันป่วยได้ อย่าคิดไปว่า อดีตเราเคยจัดการปัญหาได้ เราเคยเข้มแข็ง ทำไมตอนนี้เราทำไม่ได้วะ
เห้ย พวกเธอ เราป่วยกันได้ เราเข้าใจ
จากการเติบโตมา 44 ปี ขอสรุปเลย ชีวิตคนเรามันมีปัญหาสะสม กันทั้งนั้นแหละ ที่มันรอระเบิดในบางคน
แล้วเราก็ถึงวันนั้น (เราข้ามปัญหาเรานะ เดี๋ยวยาว 555)
แต่จะเล่าจุดที่เราคิดว่ามันจุดชนวนเรา
คือเมื่อ 5 เดือนก่อน จะมี ออดิท ใหญ่ ที่ที่ทำงานเรา แล้วเราเครียดมาก
มันครบหรือยัง มันมีจุดพลาดไหม จะมีเอกสารหนึ่งเราโคตรมั่นใจว่ามันครบ แต่พอตอนตรวจ มันไม่ครบ
ด้วยอายุเท่าเรา เราไม่สามารถ หัวเราะแหะๆ ได้แล้ว เราโตแล้ว มันรู้สึกพลาด รู้สึกผิด
แล้วเริ่ม กังวล
ไปหมด อันนั้นที่เราว่าครบ มันครบไหมวะ
มันผิดหวังกับตัวเอง บลาๆๆๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หรือเป็นเรื่องคนอื่น เราก็จะแบบ
เห้ย คนเราพลาดได้ คำพูดสวยๆ คือ เห้ย คนไม่พลาดคือคนไม่เคยทำอะไรโว้ย
แต่พอเจอกับตัวเอง ในยามที่ ระเบิดเวลา มัน รอ ระเบิดอยู่ มา 44 ปี นึกออกไหมเธอ
มันก็เลยตู้ม
อาการ~~~
เราเริ่มปวดตึงคอ ปวดมากกก เราก็โทษหมอน โทษออฟฟิศซินโดรม
เริ่มเหนื่อยเพลีย ก็โทษ ฝุ่น pm2.5
จนมีวันหนึ่งใจเราเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก (เราชอบฟังเรื่องสุขภาพ) เราก็มโนแหละ
หัวใจอุดตันป่ะวะ รีบไป รพ.
หมอบอก หัวใจไม่ได้เป็นอะไร เจ็บกล้ามเนื้อ ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ เราเบาใจไปนิด
แต่อาการ ตึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มมา
มันตึง หน้า ตึงหัวไปหมด เราก็คิด ไมเกรนแหละ ก็กินยาไมเกรน มันบรรเทานะ แต่มันไม่หาย
จนเราก็มโน เหมือนเดิม เส้นประสาทอะไรป่ะเนี่ย ไปหาหมอระบบประสาท
คุณหมอตรวจ บอกเลย เราเครียด
โอเคเรายอมรับว่าเครียด แต่ เราคิดว่า เห้ยย เราเอาอยู่ เราเลยไม่กินยาคลายเครียด ที่หมอสั่งให้
เริ่มหา นั่งสมาธิ เริ่มหาข้อมูล และเริ่มยอมรับ น่าจะแพนิคแล้วเรา
ยัง ... ยังไม่ยอมไปหาหมอจิตแพทย์ ยังมีอีโก้ ว่าเอาอยู่
จนอาการทันหนักขึ้น คอปวด หัวตึง หน้าตึง จน ตากระตุก ลิ้นเหมือนคับๆ ปาก
ฉันยัง ดื้อจ้า... ยังไปหา หมอ ประสาทวิทยา คนที่ 2
คนที่สองยืนยันเหมือนเดิม เราเครียด
พอดีตรงกับตรวจร่างกายของบริษัทประจำปีพอดี เราก็ตรวจชุดใหญ่ไฟกระพริบ
ซึ่งผลคือ ปกติ!!!
แต่อาการเราเริ่มหนักขึ้น อยู่ๆ ดี แรงหมด อยู่ดีๆ ใจเต้นรัว จนต้องแอบไปนั่งเงียบๆ ทำสมาธิ
ตอนนั้นเราตระหนักแล้วหล่ะ ว่าเราน่าจะแพนนิค
แต่เราจะไปแอบหลบ ไปนั่งสมาธิ ทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะ (คือเราไม่อยากให้ใครรู้ อายอ่ะ พูดตรงๆ)
ออกกำลายกาย ก็ทำไม่ค่อยได้ เอาแค่หายใจ ยังกลัวเลย ว่าจะไม่ไหว
เราเลยตัดสินใจ
ยอมรับความจริง!!!!!
เธอป่วย!!!! ไปหาหมอ
ถ้าใครเป็นแบบเรา เราเข้าใจนะ การยอมรับว่าเราป่วยทางจิต บางทีมันยาก ในบางคน
เราไปหาจิตแพทย์
มันไม่ได้เหมือนในหนังนะ ที่แบบไปพร้ำพรรนาปัญหาให้หมอฟัง
เราเล่า คล้ายๆ ด้านบนที่เราเล่ามห้พวกเธอฟังมานั่นแหละ
คุณหมอ บอกว่า เราเป็นโรควิตกกังวลจนแพนนิค
คุณหมอให้ยาสองตัว (เราขอไม่บอกยานะ เราไม่อยากให้เธอไปซื้อเองกัน เธอควรหาหมอก่อน)
เมื่อเรา ยอมรับ ความจริง แล้ว ว่าเราป่วย และ เราจะรักษา เรากินยาตามหมอสั่ง แบบ เราจะไม่เถียงอะไร
ลองมันสักตั้งวะ!!!!
เธอ!!!!! คืนเดียว !!!!
เรา ตื่นมา พร้อมความปวดคอที่หายไป !!! หน้าตึงหายไป!!! หัวตึ้บหายไป
แบบ 80%
หมอบอกว่า ที่เราตึง คือ เราเครียด จนระบบประสาทมันทำให้กล้ามเนื้อ ตึง ตึงจะเลือดมันเลี้ยงสมองไม่พอ
แล้วความกังวลของเรา ทำเรานอนไม่สนิท มานาน แบบไม่รู้ตัว อาการตึงหัว คือนอนไม่พอ
พอเรากินยา เพื่อปรับตรงนี้
ทุกอย่างก็คลี่คลาย!!!
เธอ.... แล้วหมอนเป็นพันที่ไปซื้อ ฝั่งเข็มออฟฟิศซินโดรม ไปนวดแก้เส้นตึง บลาๆๆๆ
คือการที่เรา หลงทาง พยายามไปหาทางอ้อมรักษา โดยที่เรา ไม่ยอมรับความจริงว่า
ความเครียด ความวิตกกังวล คือ ตัวไปบีบกล้ามเนื้อเรา
มันร้ายกาจมากเธอ
พอเราหลับสนิท เราก็มีแรง หัวใจก็ไม่ต้องบีบเลือดสู้แรงๆ
มันยังมีอาการอยู่บ้างประมาณ 10% เรารักษามา แค่ 2 อาทิตย์
หมอให้ทานยาไปก่อน เราเหมือน อยู่กลางมหาสมุทร ค่อยๆ เรียนว่ายน้ำ เกาะห่วงยา (ยาสองตัว)
ไปก่อน สักระยะ ปรับร่างกาย ปรับความคิด แล้วค่อยๆ หัดว่ายเอง
เราอยากบอกทุกคนว่า เราเคยกลัวยารักษาโรคทางจิต มันดูน่ากลัวเนอะ และยากจะยอมรับ
เราเคยเป็นแบบนั้น
แต่พอรับยา ได้รักษาอย่างถูกต้อง
พอคอหายปวด เรี่ยวแรงกลับมา
เราออกกำลังกายได้อีกครั้ง ทำงานได้อย่างเต็มที่
กลับไปใช้ชีวิต "แบบเราคนเดิม"
มันดีมาก แล้วเราจะมีแรงที่จะสู้ไปกับ โรคต่อไป
สรุปคือ
ไปหาหมอนะ ถ้าเธออ่าน แล้วสงสัยจะเป็นแพนนิค เหมือนเรา
แล้วขอให้หายไวๆ กลับมาสดใสเหมือนเดิมนะ
มันรักษาได้จริงๆ
แชร์ประสบการณ์ โรควิตกกังวล จน แพนนิค
ไม่ได้เข้ามานาน วันนี้ ขอมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อื่น
เพราะเวลาเรามีปัญหา หรือ อยากได้ข้อมูล พันทิป ก็ยังเป็นที่ที่เรามาอ่าน
วันนี้ถือเป็นการ ตอบแทนบุญคุณ พันทิป และเป็นการ ส่งต่อ กำลังใจ และความรู้
ถ้าขี้เกียจอ่านยาวๆ อ่าน แค่นี้เลย
"ถ้าคุณ ตึงคอ ตึงกล้ามเนื้อหน้า อยู่ๆ ใจเต้นรัว หมดแรง ไปหาหมอทั่วไป ก็แล้ว ตรวจสุขภาพ ก็แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
ไปหา จิตแพทย์ ค่ะ ช่วยได้ ดีขึ้นได้ เชื่อเรา"
มาแบบยาวๆ
เราอายุ 44 แม่ลูกสอง เติบโตมาแบบ คนปกติ มีเครียด มีมีความสุข มีโกรธ มีปล่อยวางได้
แต่ค่อนข้าง ไปในทาง โลกสวย โลกบวก มองโลกตามความจริง ซะมากหน่อย
แต่ก็ไม่ประมาท วางแผนการเรียน วางแผนการเงิน วางแผนการงาน เหมือนคนทั่วไป แต่ไม่ถึงกับเพอร์เฟคชั่นนิส
ที่จะบอกคือ จากก็คนธรรมดานี่และ มันป่วยได้ อย่าคิดไปว่า อดีตเราเคยจัดการปัญหาได้ เราเคยเข้มแข็ง ทำไมตอนนี้เราทำไม่ได้วะ
เห้ย พวกเธอ เราป่วยกันได้ เราเข้าใจ
จากการเติบโตมา 44 ปี ขอสรุปเลย ชีวิตคนเรามันมีปัญหาสะสม กันทั้งนั้นแหละ ที่มันรอระเบิดในบางคน
แล้วเราก็ถึงวันนั้น (เราข้ามปัญหาเรานะ เดี๋ยวยาว 555)
แต่จะเล่าจุดที่เราคิดว่ามันจุดชนวนเรา
คือเมื่อ 5 เดือนก่อน จะมี ออดิท ใหญ่ ที่ที่ทำงานเรา แล้วเราเครียดมาก
มันครบหรือยัง มันมีจุดพลาดไหม จะมีเอกสารหนึ่งเราโคตรมั่นใจว่ามันครบ แต่พอตอนตรวจ มันไม่ครบ
ด้วยอายุเท่าเรา เราไม่สามารถ หัวเราะแหะๆ ได้แล้ว เราโตแล้ว มันรู้สึกพลาด รู้สึกผิด
แล้วเริ่ม กังวลไปหมด อันนั้นที่เราว่าครบ มันครบไหมวะ
มันผิดหวังกับตัวเอง บลาๆๆๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หรือเป็นเรื่องคนอื่น เราก็จะแบบ
เห้ย คนเราพลาดได้ คำพูดสวยๆ คือ เห้ย คนไม่พลาดคือคนไม่เคยทำอะไรโว้ย
แต่พอเจอกับตัวเอง ในยามที่ ระเบิดเวลา มัน รอ ระเบิดอยู่ มา 44 ปี นึกออกไหมเธอ
มันก็เลยตู้ม
อาการ~~~
เราเริ่มปวดตึงคอ ปวดมากกก เราก็โทษหมอน โทษออฟฟิศซินโดรม
เริ่มเหนื่อยเพลีย ก็โทษ ฝุ่น pm2.5
จนมีวันหนึ่งใจเราเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก (เราชอบฟังเรื่องสุขภาพ) เราก็มโนแหละ
หัวใจอุดตันป่ะวะ รีบไป รพ.
หมอบอก หัวใจไม่ได้เป็นอะไร เจ็บกล้ามเนื้อ ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ เราเบาใจไปนิด
แต่อาการ ตึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มมา
มันตึง หน้า ตึงหัวไปหมด เราก็คิด ไมเกรนแหละ ก็กินยาไมเกรน มันบรรเทานะ แต่มันไม่หาย
จนเราก็มโน เหมือนเดิม เส้นประสาทอะไรป่ะเนี่ย ไปหาหมอระบบประสาท
คุณหมอตรวจ บอกเลย เราเครียด
โอเคเรายอมรับว่าเครียด แต่ เราคิดว่า เห้ยย เราเอาอยู่ เราเลยไม่กินยาคลายเครียด ที่หมอสั่งให้
เริ่มหา นั่งสมาธิ เริ่มหาข้อมูล และเริ่มยอมรับ น่าจะแพนิคแล้วเรา
ยัง ... ยังไม่ยอมไปหาหมอจิตแพทย์ ยังมีอีโก้ ว่าเอาอยู่
จนอาการทันหนักขึ้น คอปวด หัวตึง หน้าตึง จน ตากระตุก ลิ้นเหมือนคับๆ ปาก
ฉันยัง ดื้อจ้า... ยังไปหา หมอ ประสาทวิทยา คนที่ 2
คนที่สองยืนยันเหมือนเดิม เราเครียด
พอดีตรงกับตรวจร่างกายของบริษัทประจำปีพอดี เราก็ตรวจชุดใหญ่ไฟกระพริบ
ซึ่งผลคือ ปกติ!!!
แต่อาการเราเริ่มหนักขึ้น อยู่ๆ ดี แรงหมด อยู่ดีๆ ใจเต้นรัว จนต้องแอบไปนั่งเงียบๆ ทำสมาธิ
ตอนนั้นเราตระหนักแล้วหล่ะ ว่าเราน่าจะแพนนิค
แต่เราจะไปแอบหลบ ไปนั่งสมาธิ ทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะ (คือเราไม่อยากให้ใครรู้ อายอ่ะ พูดตรงๆ)
ออกกำลายกาย ก็ทำไม่ค่อยได้ เอาแค่หายใจ ยังกลัวเลย ว่าจะไม่ไหว
เราเลยตัดสินใจ
ยอมรับความจริง!!!!!
เธอป่วย!!!! ไปหาหมอ
ถ้าใครเป็นแบบเรา เราเข้าใจนะ การยอมรับว่าเราป่วยทางจิต บางทีมันยาก ในบางคน
เราไปหาจิตแพทย์
มันไม่ได้เหมือนในหนังนะ ที่แบบไปพร้ำพรรนาปัญหาให้หมอฟัง
เราเล่า คล้ายๆ ด้านบนที่เราเล่ามห้พวกเธอฟังมานั่นแหละ
คุณหมอ บอกว่า เราเป็นโรควิตกกังวลจนแพนนิค
คุณหมอให้ยาสองตัว (เราขอไม่บอกยานะ เราไม่อยากให้เธอไปซื้อเองกัน เธอควรหาหมอก่อน)
เมื่อเรา ยอมรับ ความจริง แล้ว ว่าเราป่วย และ เราจะรักษา เรากินยาตามหมอสั่ง แบบ เราจะไม่เถียงอะไร
ลองมันสักตั้งวะ!!!!
เธอ!!!!! คืนเดียว !!!!
เรา ตื่นมา พร้อมความปวดคอที่หายไป !!! หน้าตึงหายไป!!! หัวตึ้บหายไป
แบบ 80%
หมอบอกว่า ที่เราตึง คือ เราเครียด จนระบบประสาทมันทำให้กล้ามเนื้อ ตึง ตึงจะเลือดมันเลี้ยงสมองไม่พอ
แล้วความกังวลของเรา ทำเรานอนไม่สนิท มานาน แบบไม่รู้ตัว อาการตึงหัว คือนอนไม่พอ
พอเรากินยา เพื่อปรับตรงนี้
ทุกอย่างก็คลี่คลาย!!!
เธอ.... แล้วหมอนเป็นพันที่ไปซื้อ ฝั่งเข็มออฟฟิศซินโดรม ไปนวดแก้เส้นตึง บลาๆๆๆ
คือการที่เรา หลงทาง พยายามไปหาทางอ้อมรักษา โดยที่เรา ไม่ยอมรับความจริงว่า
ความเครียด ความวิตกกังวล คือ ตัวไปบีบกล้ามเนื้อเรา
มันร้ายกาจมากเธอ
พอเราหลับสนิท เราก็มีแรง หัวใจก็ไม่ต้องบีบเลือดสู้แรงๆ
มันยังมีอาการอยู่บ้างประมาณ 10% เรารักษามา แค่ 2 อาทิตย์
หมอให้ทานยาไปก่อน เราเหมือน อยู่กลางมหาสมุทร ค่อยๆ เรียนว่ายน้ำ เกาะห่วงยา (ยาสองตัว)
ไปก่อน สักระยะ ปรับร่างกาย ปรับความคิด แล้วค่อยๆ หัดว่ายเอง
เราอยากบอกทุกคนว่า เราเคยกลัวยารักษาโรคทางจิต มันดูน่ากลัวเนอะ และยากจะยอมรับ
เราเคยเป็นแบบนั้น
แต่พอรับยา ได้รักษาอย่างถูกต้อง
พอคอหายปวด เรี่ยวแรงกลับมา
เราออกกำลังกายได้อีกครั้ง ทำงานได้อย่างเต็มที่
กลับไปใช้ชีวิต "แบบเราคนเดิม"
มันดีมาก แล้วเราจะมีแรงที่จะสู้ไปกับ โรคต่อไป
สรุปคือ
ไปหาหมอนะ ถ้าเธออ่าน แล้วสงสัยจะเป็นแพนนิค เหมือนเรา
แล้วขอให้หายไวๆ กลับมาสดใสเหมือนเดิมนะ
มันรักษาได้จริงๆ