ช่วงนี้เริ่มมีเวลาว่าง จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็น "โรควิตกกังวล" ให้ฟัง โรคนี้ถ้าปล่อยไว้นานๆอาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งบางครั้ง เราก็เป็นแบบไม่รู้ตัว
จริงๆเราอาจจะเป็นมานานแล้วแต่ไม่เคยสังเกตตัวเอง โรคนี้ถ้าเป็นต้องรีบหาหมอเพื่อทานยาปรับสารสื่อในสมองให้มันปกตินะคะ
เริ่มเลย.. อาการของเราคือ เป็นคนคิดมาก ขี้กลัว ขี้กังวล กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่งแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่า เห้ย ไม่ใช่ละ นี่คิดมากเกินไปละ ยิ่งโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพ เวลาเราอ่านเจอคอนเท้นต่างๆที่เค้าแชร์ๆกันมา เราจะเก็บมาคิด แล้วก็หาเหตุผลต่างๆนาๆมาประกอบว่าเราต้องเป็นโรคนี้แน่ๆ แล้วก็ชอบคิดซ้ำๆกับคำพูดที่คนมาพูดไม่ดีใส่ สองคือ เวลาได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ เราจะเก็บมาคิดซ้ำๆเป็นอาทิตย์ จนบางครั้งก็ร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะงั้นการระวังคำพูดถือเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าคำพูดเราไปทำร้ายใครบ้าง
สามคือกลัวกับสิ่งที่ยังไม่ถึง กลัวว่ามันจะกลายเป็นแบบนั้นแบบนี้ จนมาถึงขั้นที่เป็นหนักๆคือ เรานอนไม่หลับ เรากินข้าวไม่ลง น้ำหนักลดไป 5-6 โล ปวดหัวทั้งวัน หลายๆวันติดกัน อยู่คนเดียวไม่ได้จนแม่ต้องมาอยู่ด้วย จนในที่สุดคือไม่ไหวละ มันทรมานมาก ที่ต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาหมอ สรุปได้ยามากิน ช่วงกินยาแรกๆนี่ท้อมาก เบลอมาก อึนมาก รู้สึกอยากจะอ้วกอยู่ตลอด ง่วงนอนทั้งวัน หาวทั้งวัน ช่วงกินยาแรกๆคือเครียดหนักกว่าเดิม คือ กลัวตัวเองไม่หาย กลัวที่จะต้องกินยาตลอดชีวิต กลัวที่ถ้าเกิดเลิกกินยาขึ้นมาจะนอนไม่หลับ จนวันนึงแม่พูดขึ้นมาว่า ตอนเนี้ย ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเองแล้ว กินยาเยอะแค่ไหนแต่เอาชนะใจตัวเองไม่ได้ ยังไงก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นเริ่มปรับทัศนคติใหม่ พยายามคิดแต่เรื่องดีๆ คิดว่าถ้าเราชนะตัวเองได้ เราชนะอะไรในโลกนี้ก็ได้ จากนั้นก็เริ่มกินข้าวได้ เริ่มน้ำหนักขึ้น จนในที่สุดก็หายจริงๆจากการเอาชนะใจตัวเอง จนในที่สุดก็ได้เลิกกินยา แล้วกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติ แถมมีความสุขมากกว่าเดิม พอใจกับสิ่งที่มีมากขึ้น
อยากบอกคนที่เป็นอยู่ว่าสู้ๆ ยาก็ช่วยได้ แต่ใจสำคัญที่สุดนะคะ
เอาชนะโรควิตกกังวลด้วยตัวเอง
จริงๆเราอาจจะเป็นมานานแล้วแต่ไม่เคยสังเกตตัวเอง โรคนี้ถ้าเป็นต้องรีบหาหมอเพื่อทานยาปรับสารสื่อในสมองให้มันปกตินะคะ
เริ่มเลย.. อาการของเราคือ เป็นคนคิดมาก ขี้กลัว ขี้กังวล กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่งแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่า เห้ย ไม่ใช่ละ นี่คิดมากเกินไปละ ยิ่งโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพ เวลาเราอ่านเจอคอนเท้นต่างๆที่เค้าแชร์ๆกันมา เราจะเก็บมาคิด แล้วก็หาเหตุผลต่างๆนาๆมาประกอบว่าเราต้องเป็นโรคนี้แน่ๆ แล้วก็ชอบคิดซ้ำๆกับคำพูดที่คนมาพูดไม่ดีใส่ สองคือ เวลาได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ เราจะเก็บมาคิดซ้ำๆเป็นอาทิตย์ จนบางครั้งก็ร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะงั้นการระวังคำพูดถือเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าคำพูดเราไปทำร้ายใครบ้าง สามคือกลัวกับสิ่งที่ยังไม่ถึง กลัวว่ามันจะกลายเป็นแบบนั้นแบบนี้ จนมาถึงขั้นที่เป็นหนักๆคือ เรานอนไม่หลับ เรากินข้าวไม่ลง น้ำหนักลดไป 5-6 โล ปวดหัวทั้งวัน หลายๆวันติดกัน อยู่คนเดียวไม่ได้จนแม่ต้องมาอยู่ด้วย จนในที่สุดคือไม่ไหวละ มันทรมานมาก ที่ต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองไม่ได้ เลยตัดสินใจไปหาหมอ สรุปได้ยามากิน ช่วงกินยาแรกๆนี่ท้อมาก เบลอมาก อึนมาก รู้สึกอยากจะอ้วกอยู่ตลอด ง่วงนอนทั้งวัน หาวทั้งวัน ช่วงกินยาแรกๆคือเครียดหนักกว่าเดิม คือ กลัวตัวเองไม่หาย กลัวที่จะต้องกินยาตลอดชีวิต กลัวที่ถ้าเกิดเลิกกินยาขึ้นมาจะนอนไม่หลับ จนวันนึงแม่พูดขึ้นมาว่า ตอนเนี้ย ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเองแล้ว กินยาเยอะแค่ไหนแต่เอาชนะใจตัวเองไม่ได้ ยังไงก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นเริ่มปรับทัศนคติใหม่ พยายามคิดแต่เรื่องดีๆ คิดว่าถ้าเราชนะตัวเองได้ เราชนะอะไรในโลกนี้ก็ได้ จากนั้นก็เริ่มกินข้าวได้ เริ่มน้ำหนักขึ้น จนในที่สุดก็หายจริงๆจากการเอาชนะใจตัวเอง จนในที่สุดก็ได้เลิกกินยา แล้วกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติ แถมมีความสุขมากกว่าเดิม พอใจกับสิ่งที่มีมากขึ้น
อยากบอกคนที่เป็นอยู่ว่าสู้ๆ ยาก็ช่วยได้ แต่ใจสำคัญที่สุดนะคะ