JJNY : สิบล้อไม่ลดราคา!!│ศ.ดร.สิริพรรณเปิดสูตรเพื่อไทย+ก้าวไกล 331 เสียง│ส.ทนายความปราม 250 ส.ว.│ถอยอีกราย รทสช.นครพนม

สิบล้อไม่ลดราคา!! หลังดีเซลลง 50 สตางค์ รอครบ 1 บาทก่อน โอดสินค้าไม่เห็นลด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3970558

สิบล้อไม่ลดราคา หลังดีเซลลง 50 สตางค์ รอครบ 1 บาทก่อนค่อยลง โอดสินค้าเมินลดราคา บี้รัฐแยกบัญชีแอลพีจีเพื่อเป็นธรรม

กรณีราคาน้ำมันดีเซลเตรียมปรับลดราคาลง 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 31.94 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) โดยน ายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ระบุว่า ผู้ประกอบการรถบรรทุกควรปรับลดต้นทุนการขนส่งตามที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่าดีเซลที่ลดลงทุก 1 บาท ค่าขนส่งจะลดลงได้ 15 สตางค์ ดังนั้นเวลานี้ค่าขนส่งควรลดลงได้อย่างน้อย 30 สตางค์

ด้าน นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลดราคาน้ำมันดีเซลลงทีละ 50 สตางค์ แทบจะไม่มีผลอะไรกับการปรับลดค่าขนส่งเลย โดยสหพันธ์ฯ มีเพดานการปรับลดหรือขึ้นอยู่ที่ ทุกๆ 1 บาทของการปรับน้ำมันดีเซล ขนส่งจะมีการปรับลดหรือขึ้นที่ 3% ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาชิกของสหพันธ์ฯ ได้มีการปรับลดราคาค่าขนส่งไปแล้ว โดยการปรับลดครั้งต่อไปต้องรอให้ กบน. ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลงมาอีกครั้ง เพื่อให้เข้ากับเงื่อนไขของสหพันธ์ฯ ที่ได้ตกลงกับคู่ค้าไว้ต่อไป
 
จากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง มองว่ากระทรวงพลังงานน่าจะปรับลดราคามันดีเซลได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ซึ่งทางสหพันธ์ฯ ยังคงยืนยันราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 25 บาทต่อลิตร หากสามารถปรับลดราคาลงมาได้ถึงระดับดังกล่าว ค่าขนส่งก็จะกลับมาอยู่ในระดับปกติได้อีกด้วย” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับเหตุผลที่ราคาน้ำมันดีเซลลดลงครั้งละ 0.50 บาทต่อลิตรนั้น เพราะยังมีหนี้ที่ค้างชำระหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมองว่าควรแยกบัญชีน้ำมันกับบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนออกจากกัน เพราะการที่เอาเงินจากกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนผู้ใช้แอลพีจีถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมัน เพราะการลดราคาน้ำมันถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่อเที่ยว เมื่อราคาน้ำมันลดลง การเดินทางจะเพิ่มมากขึ้น เงินสะพัดมากขึ้น รวมถึงการลดราคาค่าไฟด้วยเช่นกัน ประชาชนจะเริ่มควักเงินที่เก็บมาใช้จ่ายมากขึ้นเช่นกัน
 
นายอภิชาติ กล่าวว่า ทั้งนี้ หวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ หากมองนโยบาย 2-3 พรรคการเมืองเสียงข้างมาก ต่างมุ่งสู่นโยบายแก้ปัญหาราคาพลังงานทั้งน้ำมันและค่าไฟฟ้า ซึ่งไม่รู้จะทำได้จริงตามที่ประกาศนโยบายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา หลายพรรคหลายสมัยก็ไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียง อีกทั้ง 8 ปีที่ผ่านมา การบริหารประเทศก็ต้องมีประสบการณ์ก็ควรรู้ ยอมรับว่านายกรัฐมนตรีไม่มีเรื่องการทุจริต แต่ถือว่าเป็นผู้พายเรือให้รัฐมนตรีนั่ง ก็ต้องรู้เห็นทุกอย่างเช่นกัน

ที่ผ่านมาตอนราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมากๆ เราอยากปรับขึ้นราคาค่าขนส่งสินค้า 70-80% แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะลูกค้าขอร้องไว้ แต่ราคาสินค้ามีการปรับขึ้นราคาแล้วกลับไม่ยอมลดราคาลง จึงอยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจซึ่งกันและกัน อยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เพื่อให้ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชน ยังสามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจ ไปได้อย่างไม่สะดุดต่อไป” นายอภิชาติ กล่าว


 
ศ.ดร.สิริพรรณ เปิดสูตร เพื่อไทย+ก้าวไกล 331 เสียง ถอดรหัส 5 ซินาริโอ จัดตั้งรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/newsroom-analysis/news_3969543

ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวในเวที รัฐศาสตร์เสวนา : ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ เรื่อง การเลือกตั้งทั่วไป 2566 : เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน หรือเป็นต่อ ? อังคาร 9 พ.ค.2566 เวลา 13.00-16.00 น. เปิดตัวเลข เพื่อไทย บวก ก้าวไกล 331 เสียง ถอดรหัส 5 ซินาริโอ จัดตั้งรัฐบาล   ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สมาคมทนายความ ปราม 250 ส.ว. ไม่สร้างรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจนำพาสู่ความขัดเเย้ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7655166

สมาคมทนายความ ปราม 250 ส.ว. ไม่ร่วมสร้างรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตามความเห็น วิษณุ ชี้ อาจนำพาสู่ความขัดเเย้ง ต้องเคารพเจตนารมณ์ประชาชน ควรสำนึกที่ดีงามเป็นเครื่องวัดความเป็นคน
 
10 พ.ค. 66 – นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า 
 
ตามที่ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปทำนองว่า
 
รัฐบาลเสียงข้างน้อยต่อไปจะกลายเป็นเสียงข้างมากเอง ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะเกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยเสียงของวุฒิสภา แล้วค่อยมารวบรวมเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป นั้น
 
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้สมาชิกวุฒิสภามีสิทธิออกเสียงลงมติให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจำนวนวุฒิสมาชิกที่มีเสียงรวมกันถึง 250 เสียง จะเป็นเสียงชี้ขาดให้กับบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การออกเสียงลงมติดังกล่าวหากขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชน อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งทางการเมืองและอาจเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ได้
 
การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอรายชื่อผู้ที่ประสงค์จะให้เป็นนายกรัฐมนตรี เจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการได้บุคคลจากพรรคการเมืองใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงพิจารณาได้จากจำนวนของผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นได้มาจากการเลือกตั้ง
 
สมาชิกวุฒิสภาจึงควรให้ความเคารพต่อเจตนารมณ์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย ด้วยการลงมติให้ความเห็นชอบกับผู้ที่พรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงข้างมากได้เป็นผู้เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี อันเป็นสำนึกที่ดีงามตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
 
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอเรียนว่า แม้การออกเสียงลงมติให้ความเห็นชอบกับบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี จะถือเป็นเอกสิทธิ์ของวุฒิสมาชิกตามรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่รัฐธรรมนูญก็เป็นเพียงกฎหมายที่เป็นเครื่องวัดการกระทำของคนเท่านั้น สำนึกที่ดีงามต่างหากที่เป็นเครื่องวัดถึงความเป็นคน ความชอบด้วยกฎหมายแต่ขัดต่อสำนึกที่ดีงาม จึงมิได้บ่งบอกว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมกับความเป็นคน
 
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0Q8giUTMrnzBTnYLU8QBTrfxCi64JhL6FSNHR6Giin7XLD3BkfryeAgGyq7EFUzpEl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่