สหพันธ์ขนส่ง ขีดเส้นตาย 7 วัน ขอพบนายก ลั่นพร้อมยกระดับถ้าไม่ได้รับการตอบรับ
เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯ อยู่ระหว่างประสานส่งหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมากว่า 1 บาทแล้ว ส่งผลต่อธุรกิจขนส่งโดยตรง ซึ่งจากนี้จะรออีก 1 สัปดาห์ หากไม่มีการตอบรับขอเข้าพบ ทางสมาคมฯ จะหารือร่วมกันอีกครั้งว่าจะมีการกดดันอย่างไรต่อไปเพื่อแสดงออกถึงความเดือดร้อน
“จุดประสงค์ในการเข้าพบนายกฯ ครั้งนี้ ต้องการเพียงขอความชัดเจนในเรื่องการปรับขึ้นราคาน้ำมันเท่านั้น ว่าทั้งปี 2567 นี้ จะมีการปรับขึ้นอีกกี่ครั้ง ครั้งละเท่าใดบ้าง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเฉพาะภาครัฐจะสามารถช่วยประคองราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับปัจจุบันต่อไปได้อีกนานเท่าใด จึงจะมีการปรับขึ้นอีก เพราะสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น แต่ก็สูงขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น รวมถึงเห็นการปรับลดลงแล้วด้วย จึงมองว่าการปรับราคาน้ำมันสูงขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ดีมากนักในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่บางส่วนเป็นผู้ประกอบการด้วย”
นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน 1 บาท เท่ากับเพิ่มต้นทุนขึ้นมาประมาณ 3% คิดจากต้นทุนเชื้อเพลิงของธุรกิจขนส่งที่ตามจริงต้องไม่เกิน 40% แต่ขณะนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 55% แล้ว หากรวมกับการจ้างพนักงานที่คิดเป็นต้นทุนอีก 12% เท่ากับผู้ประกอบการแทบไม่เหลืออะไรเลย ทำให้ขณะนี้เมื่อผู้ประกอบการไม่สามารถสะท้อนต้นทุนไปยังราคาขายได้ ก็ต้องหยุดวิ่งไป เพราะแบกรับภาระไม่ไหว โดยตอนนี้ประเมินว่า จำนวนรถบรรทุกทั่วประเทศ มีกว่า 1 ล้านคัน เดิมคาดว่ามีการวิ่งงานอยู่ประมาณ 70% แต่พอหลังสงกรานต์ผ่านมา คาดว่ารถที่วิ่งงานอยู่จะลดลงเหลือ 60% เท่านั้น เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ทำให้วิ่งงานแล้วไม่เหลืออะไรเลย...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/economy/news_4536449
ดีเซลขึ้น สหพันธ์ขนส่ง ขีดเส้นตาย 7 วัน ขอพบนายก ลั่นพร้อมยกระดับถ้าไม่ได้รับการตอบรับ...
เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯ อยู่ระหว่างประสานส่งหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมากว่า 1 บาทแล้ว ส่งผลต่อธุรกิจขนส่งโดยตรง ซึ่งจากนี้จะรออีก 1 สัปดาห์ หากไม่มีการตอบรับขอเข้าพบ ทางสมาคมฯ จะหารือร่วมกันอีกครั้งว่าจะมีการกดดันอย่างไรต่อไปเพื่อแสดงออกถึงความเดือดร้อน
“จุดประสงค์ในการเข้าพบนายกฯ ครั้งนี้ ต้องการเพียงขอความชัดเจนในเรื่องการปรับขึ้นราคาน้ำมันเท่านั้น ว่าทั้งปี 2567 นี้ จะมีการปรับขึ้นอีกกี่ครั้ง ครั้งละเท่าใดบ้าง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเฉพาะภาครัฐจะสามารถช่วยประคองราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับปัจจุบันต่อไปได้อีกนานเท่าใด จึงจะมีการปรับขึ้นอีก เพราะสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น แต่ก็สูงขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น รวมถึงเห็นการปรับลดลงแล้วด้วย จึงมองว่าการปรับราคาน้ำมันสูงขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ดีมากนักในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่บางส่วนเป็นผู้ประกอบการด้วย”
นายศุภศักดิ์ กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน 1 บาท เท่ากับเพิ่มต้นทุนขึ้นมาประมาณ 3% คิดจากต้นทุนเชื้อเพลิงของธุรกิจขนส่งที่ตามจริงต้องไม่เกิน 40% แต่ขณะนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 55% แล้ว หากรวมกับการจ้างพนักงานที่คิดเป็นต้นทุนอีก 12% เท่ากับผู้ประกอบการแทบไม่เหลืออะไรเลย ทำให้ขณะนี้เมื่อผู้ประกอบการไม่สามารถสะท้อนต้นทุนไปยังราคาขายได้ ก็ต้องหยุดวิ่งไป เพราะแบกรับภาระไม่ไหว โดยตอนนี้ประเมินว่า จำนวนรถบรรทุกทั่วประเทศ มีกว่า 1 ล้านคัน เดิมคาดว่ามีการวิ่งงานอยู่ประมาณ 70% แต่พอหลังสงกรานต์ผ่านมา คาดว่ารถที่วิ่งงานอยู่จะลดลงเหลือ 60% เท่านั้น เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ทำให้วิ่งงานแล้วไม่เหลืออะไรเลย...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_4536449