JJNY : ณัฐวุฒิ อ้อนขอคะแนน│ก้าวไกล เปิดตัวคาราวาน 5 สาย│อุตสาหกรรมเตือนภัยแล้ง│“เซเลนสกี” มั่นใจ รัสเซียต้องได้รับโทษ

ณัฐวุฒิ อ้อนขอคะแนน เลือกแลนด์สไลด์ 16 เขตโคราช ปิดทางเสียงน้อยจ่อตั้งรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7648168
 
 
นครราชสีมา ณัฐวุฒิ นำขุนพลเพื่อไทย อ้อนขอคะแนนชาวโคราช เลือก ส.ส. แลนด์สไลด์ 16 เขต ดับ สวิตช์ 3 ป. และ ส.ว. ปิดทางพรรคเสียงข้างน้อยจ่อตั้งรัฐบาล
 
6 พ.ค. 66 – ที่อินดอร์สเตเดียม สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยและผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย (พท.)
 
พร้อมแกนนำ พท. นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส เขต จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย ร.ต.อ สุปะชัย อินทรักษา หรือรองหลี ผู้สมัคร ส.ส เขต 1 เบอร์ 9 นายสมโภชน์ ประสาทไทย ผู้สมัคร ส.ส เขต 2 เบอร์ 7 นายวัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ หรือ ดร.จิ๋ว ผู้สมัคร ส.ส เขต 3 เบอร์ 10 และนางสาวณัฐจิรา อิ่มวิเศษ หรือ เม ผู้สมัคร ส.ส เขต 4 เบอร์ 6
 
โดยมีพี่น้องประชาชนร่วม 8,000 คน ฟังการปราศรัยชี้แจงนโยบายโดนใจ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพชีวิต ปราบยาเสพติด
 
จากนั้น ณัฐวุฒิ เน้นย้ำหมายเลข ผู้สมัครส.ส. และพรรค พท. ร้องขอเลือกแลนด์สไลด์ 16 เขตโคราช ดับสวิตช์ 3 ป. และ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งปิดทางพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย จ่อตั้งรัฐบาล เชื่อประเทศไทยเปลี่ยนแปลงทันที
 
สำหรับ ผู้สมัคร ส ส .นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 เขต ที่ทางพรรคเพื่อไทยปราศรัยหาเสียงในครั้งนี้ ได้แก่ ร.ต.อ.สุปชัย อินทรักษา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เบอร์ 9 และ ดร.วัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 10

โดยการปราศัยในครั้งนี้ชูนโยบาย หลายข้อ อาทิ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ 200,000 บาทต่อปี, ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปทั่วโลก 1 ครอบครัว 1 Soft Power, ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570, เงินเดือนเริ่มต้นปริญญาตรี / ข้าราชการ 25,000 บาท ภายในปี 2570 และแจกเงินเข้ากระเป๋าดิจิตอล 10,000 บาท
 
ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทย มีโปรแกรมเดินสายไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา อ.ครบุรี อ.โนนสูง อ.บัวใหญ่ และ อ.สีคิ้ว เป็นต้น
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า การมาปราศรัยที่โคราชวันนี้ ต้องการที่จะมาบอกชาวโคราชว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือลุงตู่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 บริหารประเทศทำเศรษฐกิจพังเสียหายไปมากแล้ว กู้เงินมากกว่านายกฯ ตั้งแต่คนที่ 1-28 รวมกันเสียอีก ถ้าหากอยากไล่ “ลุงตู่” ออกไป ก็ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชนมาโดยตลอด เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ถูกทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ถูกยุบพรรค 2 ครั้ง แต่ก็สามารถกลับมาชนะเลือกตั้งได้อันดันที่ 1 ทุกครั้ง
 
ถ้าเป็นพรรคการเมืองอื่นคงหายสาบสูญไปแล้ว แต่ที่พรรคเพื่อไทยสามารถกลับมาชนะอันดับที่ 1 ได้ทุกครั้ง ก็เพราะมีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้การสนับสนุนอยู่ แม้จะถูกกระทำมาโดยตลอด แต่พรรคเพื่อไทยก็ล้มลงบนตักของประชาชน แล้วประชาชนก็อุ้มขึ้นกลับมาสู่ใหม่ได้ทุกครั้ง
 
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการชี้ชะตาว่า ถ้าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย หรือ พรรคเพื่อไทย ไม่ชนะแบบแลนด์สไลด์ พรรคของ ลุงตู่ และ ลุงป้อม จะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแน่ๆ โดยมี ส.ว.250 คน คอยชูมือให้เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
  
แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์ ไม่มีแน่นอนที่จะไปจับมือกับ ลุงตู่ ลุงป้อม เพราะเราจะไม่ยอมยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ใครแน่นอน เราจะปิดสวิส ส.ว. เอาคนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี และ ไล่ลุงตู่ และลุงป้อม กลับบ้านทั้งคู่
  
ดังนั้นเพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ ก็ขอให้ชาวโคราช เทคะแนนให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ทั้ง 16 เขต
 

 
ก้าวไกล เปิดตัวคาราวาน 5 สาย ลุยหาเสียงเหนือจดใต้ ปลุกเปลี่ยนประเทศไทย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7648199

เปิดตัวคาราวานก้าวไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ แบ่ง 5 สาย เหนือจดใต้ บุกกรุงพร้อมกัน 12 พ.ค. ปลุกประชาชน กาก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
 
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 พรรคก้าวไกลเปิดตัว ‘คาราวานก้าวไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ’ ซึ่งเป็นแคมเปญหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยคาราวานแบ่งออกเป็น 5 สาย กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ใช้เวลาเดินทาง 7 วันจึงมาบรรจบกันที่กรุงเทพฯ ก่อนการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 12 พ.ค. โดยพรรคก้าวไกลเชื่อว่า คาราวานก้าวไกลจะหอบเอาความหวังและความฝันของคนทั้งประเทศเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนประเทศไทย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
 
คาราวาน 5 สาย ประกอบด้วย 
 
1. ภาคเหนือ : สายมาเหนือ นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และนายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
 
2. ภาคใต้ : สายในใต้หล้า นำโดย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายรอมฎอน ปันจอร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และน.ส.ภคมน หนุนอนันต์
 
3. ภาคตะวันออก : สายบูรพาไม่แพ้ นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
 
4. ภาคอีสาน 1 : สายเลือดอีสาน นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นายทวีศักดิ์ ทักษิณ และนายคำพอง เทพาคำ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
 
และ 5.ภาคอีสาน 2 : สายมิตรภาพ นำโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล นายอรรถพล บัวพัฒน์ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และน.ส.นายิกา ศรีเนียน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
 
สำหรับประชาชนที่รอพบปะคาราวานก้าวไกล สามารถติดตามตารางเดินรถที่จะประชาสัมพันธ์ทุกวันได้ที่เฟซบุ๊กเพจของพรรคก้าวไกล นอกจากนั้น ยังมีระบบ GPS Tracking พร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถติดตามคาราวานก้าวไกลแบบเรียลไทม์ว่า ตอนนี้รถเดินทางไปถึงจุดไหน ได้ที่ https://caravan.election66.moveforwardparty.org/rs โดยทุกวันจะมีเวทีปราศรัยจัดขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ
 
สำหรับวันนี้ (6 พ.ค.) เวลาประมาณ 16.00 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะขึ้นปราศรัยใหญ่ที่ตลาดนัดวัดมหาคงคาราม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ขณะที่นายธนาธร จะปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 18.30 น.
 

 
อุตสาหกรรมเตือนภัยแล้ง ‘เอลนีโญ’ ปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทย
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1066746
  
ภาคเอกชนมองภาวะภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่คาดว่าเริ่มในเดือน ก.ค. นี้ เป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่น่ากังวลสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ กระทบกำลังการผลิตหดตัวและผลผลิตเกษตรลดลง ซ้ำเติมราคาอาหารให้ปรับตัวสูงขึ้น
 
เอลนีโญ (El Nino) เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน โดยการเปลี่ยนสภาพอากาศสู่เอลนีโญจะทำให้เกิดอุณหภูมิที่ร้อนกว่าปกติ และส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก รายงานว่ามีโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นระหว่างเดือนก.ค.ถึงเดือนก.ย. นี้ และยังไม่สามารถคาดการณ์ความรุนแรงหรือระยะเวลาของเอลนีโญได้ว่าจะกินระยะเวลานานแค่ไหน
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท.ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.เห็นว่าจะต้องจับตาความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งอาจซ้ำเติมให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง หากไม่มีการเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงขาดแคลนน้ำที่จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร 
 
ทั้งนี้ น้ำถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและจำเป็นอย่างมากสำหรับการทำเกษตร ซึ่งเหตุการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ทำให้ต้องขอความร่วมมือผู้ผลิตทุกภาคส่วนลดการใช้น้ำลงถึง 10% ซึ่งหมายความว่าโรงงานต้องเดินเครื่องน้อยลงเพื่อลดการใช้น้ำ กระทบต่อกำลังการผลิตของประเทศ
 
รวมทั้ง ภาคการเกษตรโดยเฉพาะนอกเขตชลประทานที่จะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ทั้งยังมีส่วนเกินสำหรับการส่งออก แต่ราคาสินค้าเกษตรและอาหารจะอยู่ในระดับสูง
 
“กกร.มีความกังวลต่อความเสี่ยงภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและเกษตรกรรมที่สำคัญ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญ่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. 2566 และอาจรุนแรงติดต่อกันมากถึง 3-5 ปี”
 
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญในครั้งนี้ จะทำให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะมีปริมาณลดลงและทำให้ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตร ซึ่งจะทำให้ผลผลิตในปีนี้ลดลงและราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
 
“กกร.เตรียมจัดทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีฯ โดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า ขอให้พิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนรับมือสถานการณ์ภัยแล้งระยะเร่งด่วน 3 ปี และระยะยาว เพื่อเร่งวางมาตรการรับมือภัยแล้ง และเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำภาคตะวันออกให้แล้วเสร็จตามแผน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี”
 
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 3 เรื่อง คือความผันผวนของราคาพลังงานและค่าไฟ ความเสี่ยงภัยแล้ง และสถานการณ์ ฝุ่น PM 2.5
 
โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) คาดการณ์ว่าปี 2566-2567 จะเข้าสู่ช่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงอาจมีฝนน้อยกว่าปกติและฝนทิ้งช่วงมากขึ้น เสี่ยงที่จะเกิดภัยแล้งรุนแรงข้ามปี ซึ่งอาจส่งผลต่อทุกภาคส่วนทั้งประชาชน การผลิตภาคอุตสาหกรรม และผลผลิตการเกษตร ในระยะยาวถึง 2-3 ปี 
 
“ความเสี่ยงเรื่องภัยแล้งในวันนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอยู่นี้ หากภาคการเกษตรมีผลกระทบจากเรื่องภัยแล้ง จะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ”
 
ทั้งนี้ แม้ว่าเอสซีจีจะเป็นภาคการผลิตที่ใช้น้ำในปริมาณที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการปรับปรุงระบบการใช้น้ำให้มีการใช้น้ำรีไซเคิลมากขึ้น มีมาตรการในการใช้น้ำอย่างระมัดระวัง รวมทั้งเตรียมแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อปริมาณความต้องการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่