สวัสดีค่ะ...ฉันเป็นคริสเตียนเชื่อพระเจ้ามาเกือบ2ปี พี่เลี้ยงของฉันคือครูรวีของลูกสาวช่วงโควิคลูกเรียนพระคำออนไลน์กับครูจนวันหนึ่งก็รับเชื่อหลังจากนั้นประมาณ3เดือนคจ.เปิดพี่เลี้ยงพาไปที่คจ.แห่งหนึ่ง(ก่อนหน้านั้นพี่เลี้ยงเป็นครูรวีอยู่อีกที่หนึ่งแต่เค้าบอกว่าเค้าหยุดรับใช้ที่นั้นเพราะศบ.ไม่สัตย์ซื่อเค้ามีภาระใจเรื่องสอนเด็กก็เลยตั้งกลุ่มไลน์สอน)โบสถ์นี้ที่พี่เลี้ยงพาไปเป็นแค่บ้านเล็กๆขอศบ.ทำห้องสอนมีเด็ก3คนตอนแรกไปกับเค้า4-5ครั้งแล้วเค้าก็บอกให้เราไปเองจะได้เติบโตไปๆมาๆเค้าบอกว่าสามีเค้าไม่ให้ไปเหตุผลคือสามีเค้าไม่โอเคกับพี่น้องเราก็ไปเองพอช่วงผู้ใหญ่ฟังเทศน์ก็ให้เด็กขึ้นห้องเข้าซูมเค้าจะสอนหลังจากนั้นไม่นานเค้าบอกว่าจะพาไปที่ใหม่เราก็โอเคเค้าให้เราไปด้วยช่วยค่ารถ130บ.เค้าเล่าให้ฟังว่าที่นี่ดีมากเค้ากำลังอยากได้ครูมารับช่วงต่อพอดีแต่ต้องใช้เวลา6เดือนไปแล้วถึงเข้าสู่การรับใช้...กำลังเข้าสู่ประเด็นนะคะตอนนี้ที่นี่กำลังจัดค่ายพอกำหนดวันแล้วแจ้งทุกคนแล้วผ่านไปไม่นานผู้นำเปลี่ยนวันจัดค่ายพี่เลี้ยงก็ไปถามเหตุผลมีการโต้เถียงกันทางไลน์(ก่อนนั้นเคยโดนศบ.เรียกพบแล้วทั้งพี่เลี้ยงและสามีเรื่องคำพูดหมิ่นกรรมการและท่าทีไม่เหมาะ)ครั้งนี้พี่เลี้ยงได้รับใช้เป็นผู้ดูแลทั้งหมดในส่วนของคจ.เด็กแต่ให้เอาแผนงานมาเสนอก่อนพอสามีเค้ารู้เรื่องที่ขัดแย้งกับผู้นำก็สั่งห้ามให้ไปไปค่ายเค้าบอกเราว่าให้เราไปอธฐ.กับพระเจ้าว่าเราควรไปไหมเพราะเรากับเค้าคือครอบครัวเดียวกันยังเชื่ออยู่ไหมว่าพระเจ้าเรียกมารับใช้ร่วมกันเเละเค้าบอกว่าการตัดสินใจของเราจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์(เค้าเคยพูดว่าสามีเค้าพูดว่าระวังอาจารย์จะมาดึงเราไปเค้าขอให้เราอยู่ใกล้ๆอย่าไปนั่งแยกตอนนมัสการเพราะเราขอแยกนั่งเรามองจอบนเวทีไม่เห็นเราก็ทำตาม)ตอนนี้เราก็เครียดมากเราได้พระคำมาคือ1ยอห์นข้อ35เรื่องการสร้างสาวกเราใคร่ครวญได้ว่าเราต้องสร้างสาวกให้ติดพระเยซูไม่ใช่เพื่อติดตามคนเราได้คำตอบของเราเรื่องไปค่ายแล้วแต่เรายังไม่มีความกล้าที่จะบอกเค้า(เรามีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยดูเด็ก)วันอาทิตย์ศบ.ถามเราว่าครู..ไม่ไปค่ายเเล้วรู้เรื่องไหมเราตอบว่ารู้ทุกเรื่อง(วันนั้นเค้าไม่ได้คจ.)เราเลยพูดเรื่องของเราว่าเราไปเเละเราจะมาคจ.แต่เราจะต้องมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับพี่เลี้ยงผู้นำก็หนุนใจว่าให้เรามั่งคงในทางของพระเจ้าผู้นำอธิบายว่าพี่เลี้ยงของเรามีท่าทีไม่เหมาะสมในการถามและโทรไปหาพี่น้องตำหนิผู้นำหว่านความแตกร้าวจะต้องปรับทัศนะคติถ้ายอมถ่อมใจฟังผู้นำการรับใช้ก็ยังดำเนินต่อไปพอเรากลับบ้านมาเราโทรไปหาเค้าบอกว่าจะไปค่ายเเค่นั้นเค้าก็รับรู้พออีกวันเค้าต้องไปที่คจ.ที่คจ.มีงานซึ่งเค้าได้นัดกับผู้นำเพื่อคุยกันและคงไม่ได้ไปในทางเดียวกันเพราะเค้าเด้งตัวเองออกจากไลน์ทุกกลุ่มของคจ.เราเองทักไปหาเค้าก่อนว่าออกจากกลุ่มไลน์ทำไมจะหยุดรับใช้เหรอเค้าบอกว่าอาจารย์ให้หยุดรับใช้เเละต่อไปนี้ให้เราเตรียมการเดินทางเองเพราะเค้าคงไม่ได้ไปคจ.พออีกวันเค้าโทรมาคุยถามเราว่าไม่คิดจะโทรมาถามว่าเค้าเจออะไรมาบ้างเค้าโดนรุมเรารู้อะไรทำไมไม่บอกเค้าเราตอบว่าวันนั้นพี่บอกหนูว่าเองว่าทางผู้นำขอคุย พี่ก็ถามหนูว่าคิดเห็นยังไงหนูก็ว่าน่าจะเป็นการรับใช้หนูก็นึกว่าพี่น่าจะรู้อยู่เเล้วเค้าพูดว่ามีอะไรจะบอกไหมเราบอกเค้าว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามันดีมากๆขอบคุณพระเจ้าที่ส่งพี่มาเป็นพี่เลี้ยงเเต่เราอึดอัดกับการให้เราเชื่อฟังสามีพี่เลี้ยงในฐานะผู้นำซึ่งที่ผ่านเรากับลูกก็เชื่อฟังมาตลอดอีกอย่างไปค่ายครั้งนี้คจ.เค้าให้พี่เป็นแบบแม่งานพี่มาไม่ไปเเบบนี้เราไม่เห็นด้วยมันต้องรับผิดไหมเราก็พูดกับเค้าแค่นี้เค้าบอกว่าเค้าเสียใจทีเราตัดสินใจอย่างนี่และเค้าจะหยุดทุกอย่างกับเรา(เค้าคุยกับเราทุกวันเปิดใจคุยกันทุกเรื่องเค้าเป็นผู้นำด้านจิตวิณญาณเราเราไปบ้านเค้าไปเรียนชีวิตสมรสบางทีก็เรียกเราช่วยงานบ้านทำสวนเราเต็มใจเค้าสอนให้ปรนนิบัติพี่น้องเเละให้สามีเค้ามองเราในเเง่ดีช่วงค่ำๆของทุกวันเข้าห้องไลน์เรียนพระคำ)เรากับเค้าไม่ได้คุยกัน2อาทิตย์แล้วล่าสุดเราเจอ
เค้าที่คจ.เรายกมือไหว้เค้าเค้าก็เฉยๆเราก็เครียดนะอึดอัดทำตัวไม่ถูกกินข้าวเสร็จอยู่ในในห้องรวีไม่ออกมาเดินเลยตัวเราก็อธฐ.เผื่อเค้าเละครอบครัวศบ.ก็หนุนใจเราเราก็ขอให้พระเจ้าช่วยเรา