ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระปัญญาบารมีของพระองค์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาวานร มีลิงเป็นบริวารหลายหมื่นตัว อาศัยอยู่ในป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บางคราวหมู่บ้านนั้นก็มีผู้คนมาอยู่ บางคราวก็เป็นหมู่บ้านร้าง ในที่กลางหมู่บ้านนั้นมีต้นมะพลับอยู่ต้นหนึ่ง มีผลยามสุกที่อร่อยมาก ฝูงลิงมักจะมากินผลมะพลับสุกในคราวที่ไม่มีคนมาอยู่เสมอๆ เพราะติดใจในรสชาติของมัน
ต่อมาในปีหนึ่ง ถึงฤดูที่มะพลับมีผล ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้น ฝูงลิงคิดอยากจะมากินผลมะพลับอีก จึงมอบให้ลิงตัวหนึ่งไปดูลาดเลา มันไปดูแล้วกลับมาบอกเพื่อนๆ ว่า "ขณะนี้ผลมะพลับกำลังสุกเต็มต้นเลย แต่มีอุปสรรคเพราะมีชาวบ้านมาอยู่ด้วย พวกเราจะทำอย่างไรดี?" พวกลิงพอทราบว่ามีผลมะพลับสุกเต็มต้นก็กระตุ้นความอยากกินยิ่งขึ้น จึงเข้าไปรายงานพญาวานร
พญาวานรได้ถามว่า "บ้านมีคนอยู่หรือไม่?"
พวกมันตอบว่า "มีอยู่ขอรับท่าน"
พญาวานรจึงพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรไป เพราะจะมีอันตรายมาก"
พวกลิงเลยเสนอว่า "พวกเราไปกินในเวลาเที่ยงคืนสิ ชาวบ้านหลับหมดแล้ว อันตรายก็จะไม่มี" พญาวานรจึงตกลงเห็นด้วย
ลิงทั้งฝูงได้ไปแอบอยู่หลังแผ่นหินใหญ่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั้น ครั้นพอถึงเวลาเที่ยงคืนชาวบ้านหลับหมดแล้ว จึงพากันไปขึ้นต้นมะพลับ แล้วเก็บกินผลมะพลับสุกกัน
ขณะนั้น พอดีบังเอิญว่ามีชายคนหนึ่งเกิดปวดท้องถ่ายอุจจาระ ได้ลงจากเรือนมา เห็นฝูงลิงกำลังกินผลไม้อยู่ จึงตะโกนปลุกชาวบ้านให้มาจับลิงกัน ชาวบ้านต่างลุกขึ้นถือหอกถือธนูและอาวุธต่างๆ ยืนรายล้อมต้นมะพลับไว้ เตรียมการที่จะจับลิงในเวลาเช้าสว่างแล้ว
ฝูงลิงเห็นเช่นนั้น ต่างตกใจกลัวตาย จึงไปหาพญาวานรแล้วปรึกษาว่า "นายท่าน พวกมนุษย์ถือธนู ถือดาบอันคมกริบ พากันมาล้อมพวกเราไว้หมดแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรละทีนี้ ?"
พญาวานรพูดปลอบใจฝูงลิงว่า "พวกเจ้าอย่ากลัวไปเลย มนุษย์มีการงานมาก ขณะนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเอง อาจจะมีกิจการงานอย่างอื่นมาทำให้มนุษย์ต้องผละไปทำก็เป็นได้ ใจเย็นๆ เข้าไว้" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
"ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จะพึงเกิดแก่มนุษย์ ผู้มีกิจการงานมากเป็นแน่ ยังมีเวลาพอที่จะเก็บผลไม้เอามากินได้ พวกเจ้าจงพากันกินผลมะพลับนั้นเถิด"
พญาวานรพูดปลอบใจฝูงลิงไว้เพื่อไม่ให้พวกมันกลั้นใจตายเพราะความตกใจกลัว แล้วก็พูดถามว่า "พวกเจ้านับลิงดูสิว่ามีครบกันไหม?" เมื่อพวกลิงรายงานว่า "ลิงเสนกะ หลานของท่านหายไปขอรับ" พญาวานรจึงพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าเสนกะจะหาทางมาช่วยพวกเราเอง"
ฝ่ายเจ้าลิงเสนกะนอนหลับสนิทอยู่ที่หลังแผ่นหิน เวลามาไม่มีใครปลุก พอตื่นขึ้นมาไม่เห็นลิงเลยสักตัว จึงเดินตามรอยเท้าฝูงลิงไป เห็นชาวบ้านยืนถืออาวุธรายล้อมต้นไม้อยู่ ก็ทราบเรื่องอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ฝูงลิง จึงเดินไปหาหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งกรอด้ายอยู่ท้ายเรือนหลังหนึ่ง คว้าคบไฟดุ้นหนึ่งวิ่งไปจุดหลังคาบ้านหลังโน้นหลังนี้ไปทั่วหมู่บ้าน
ฝ่ายพวกชาวบ้านพอเห็นไฟไหม้บ้านเรือน ต่างก็ทิ้งอาวุธรีบวิ่งไปดับไฟกันชุลมุน ฝูงลิงจึงได้โอกาสเก็บผลไม้แล้วรีบหลบหนีเข้าป่าไปสำเร็จ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
อุบายเอาชีวิตรอดมีอยู่มากมาย พึงใช้สติปัญญาพิจารณาในยามคับขัน ก็จะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้
( ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
http://www.dhammathai.org/chadoknt/chadoknt215.php )
🌷🤍🌷 นิทานชาดก ๐๕๕ (ตินทุกชาดก) : อุบายหนีตาย 🌷🤍🌷
พวกมันตอบว่า "มีอยู่ขอรับท่าน"
พญาวานรจึงพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรไป เพราะจะมีอันตรายมาก"
พวกลิงเลยเสนอว่า "พวกเราไปกินในเวลาเที่ยงคืนสิ ชาวบ้านหลับหมดแล้ว อันตรายก็จะไม่มี" พญาวานรจึงตกลงเห็นด้วย
ลิงทั้งฝูงได้ไปแอบอยู่หลังแผ่นหินใหญ่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั้น ครั้นพอถึงเวลาเที่ยงคืนชาวบ้านหลับหมดแล้ว จึงพากันไปขึ้นต้นมะพลับ แล้วเก็บกินผลมะพลับสุกกัน
พญาวานรพูดปลอบใจฝูงลิงว่า "พวกเจ้าอย่ากลัวไปเลย มนุษย์มีการงานมาก ขณะนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเอง อาจจะมีกิจการงานอย่างอื่นมาทำให้มนุษย์ต้องผละไปทำก็เป็นได้ ใจเย็นๆ เข้าไว้" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
"ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จะพึงเกิดแก่มนุษย์ ผู้มีกิจการงานมากเป็นแน่ ยังมีเวลาพอที่จะเก็บผลไม้เอามากินได้ พวกเจ้าจงพากันกินผลมะพลับนั้นเถิด"
พญาวานรพูดปลอบใจฝูงลิงไว้เพื่อไม่ให้พวกมันกลั้นใจตายเพราะความตกใจกลัว แล้วก็พูดถามว่า "พวกเจ้านับลิงดูสิว่ามีครบกันไหม?" เมื่อพวกลิงรายงานว่า "ลิงเสนกะ หลานของท่านหายไปขอรับ" พญาวานรจึงพูดว่า "ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าเสนกะจะหาทางมาช่วยพวกเราเอง"