ส่อง ค่า Ft ล่วงหน้าเดือน พ.ค.-ส.ค. 66 "แพงขึ้นอีก"
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/194683
เปิดความหมายแท้จริงของ ค่า Ft มีผลต่อราคาค่าอย่างมาก พร้อมดูค่า Ft ล่วงหน้าเดือน พ.ค.-ส.ค.แพงกว่าปัจจุบัน
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 พิจารณาการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับการเรียกเก็บในเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 มีมติเห็นชอบ ค่าไฟฟ้ำตามสูตร การปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เท่ากับ 98.27 สตางค์/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
เพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค. - เม.ย. 2566 ซึ่งอยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย เท่ากับเพิ่มขึ้นมาอีก 4.48 สตางค์/หน่วย
ดังนั้น สรุปค่า Ft ขายปลีกสำหรับเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เท่ากับ 98.27 สตางค์/หน่วย
ทำความรู้จัก ความหมายค่า Ft
Ft ย่อมาจากคำว่า Float time เดิมทีจะหมายถึง การลอยค่าของต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ราคาเชื้อเพลิง อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น ตามช่วงเวลาต่างๆ ที่ใช้เป็นกรอบในการคำนวณ
แต่เนื่องจากตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยที่ใช้ในการคำนวณสูตร Ft ให้คงเหลือเพียง ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. และค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน เท่านั้น ที่ กฟผ.ไม่สามารถควบคุมได้ และสามารถนำไปคำนวณในสูตร Ft
ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ประสานงานกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง เพื่อเปลี่ยนคำย่อของค่า Ft ให้สอดคล้องกับสูตรปัจจุบัน ทำให้ Ft ย่อมาจากคำว่า Fuel Adjustment Charge (at the given time) ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนประกอบด้วย 3 ส่วนคือ..
1. ค่าไฟฟ้าฐาน
2. ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือ ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าค่า Ft
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
โครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานคานวณจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ก่อสร้างระบบสายส่ง ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และจากประเทศเพื่อนบ้าน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ค่าใช้จ่ายระบบสายจาหน่ายและการค้าปลีกของการไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย (การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ภายใต้สมมติฐานความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกิจการไฟฟ้าในระดับหนึ่ง
ดังนั้น เพื่อให้อัตราค่าไฟฟ้าสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง และลดผลกระทบของความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงต่อฐานะการเงินของการไฟฟ้า คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2534 ได้เห็นชอบให้มีการนาสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Automatic Adjustment Mechanism) มาใช้ เพื่อให้การไฟฟ้าสามารถปรับค่าไฟฟ้าตามการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของการไฟฟ้า โดยเริ่มให้มีการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือค่า Ft ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้า ประจาเดือนกันยายน ในปี 2535
อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือค่า Ft ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดของสูตรหลายครั้ง เพื่อให้มีความชัดเจนโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับสภาวการณ์ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน การปรับค่า Ft อยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.)
พท.แจงยิบ 70 นโยบาย วงเงิน 3 ล้านล้าน ยันแจก 1 หมื่น ใช้งบ 4 แหล่ง ไม่ต้องกู้เพิ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3934071
เพื่อไทย แจงยิบกกต. ทำ 70 นโยบาย วงเงิน 3 ล้านล้าน ยันแจก 1 หมื่น ใช้งบ 4 แหล่ง ไม่ต้องกู้เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย โดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้เซนหนังสือที่ พท.0893/2566 ถึงกกต. เรื่อง การกำหนดนโยบายที่ใช้ในการประกาศโฆษณาของพรรคเพื่อไทย ตามที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 57 บังคับไว้ในส่วนของการกำหนดนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน ต้องระบุ 3 เรื่อง คือ
1. วงเงินที่ต้องใช้
2. ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ
และ 3. ความคุ้มค่า ประโยชน์ในการดำเนินการ และความเสี่ยง
โดย นพ.
ชลน่าน ยืนยันในเอกสารตอนหนึ่งว่า ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านมาตั้งแต่การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 การกำหนดนโยบายและวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ต้องคำนึงถึงสถานะการเงินที่เป็นอยู่ เมื่อได้รับโอกาสบริหารประเทศ นโยบายและวงเงินที่จะใช้ จึงอาจมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์และอาจต้องผูกพันธ์งบประมาณต่อเนื่อง เพื่อความสำเร็จของโครงการ
โดยในเอกสารดังกล่าว พรรคเพื่อไทย ได้เสนอนโยบาย 15 ด้าน รวมทั้งสิ้น 70 นโยบาย โดยมีกรอบวงเงินสำหรับดำเนินตามนโยบายนี้ ตลอดระยะเวลา 4 ปีตามอายุรัฐบาล ซึ่งตัวเลขที่ปรากฎในเอกสาร รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านล้านบาท
สำหรับนโยบายที่เป็นไฮไลท์ของการชี้แจงครั้งนี้ อยู่ที่ลำดับ 68 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล พรรคเพื่อไทยระบุวงเงินที่จะใช้ครั้งนี้ 5.6 แสนล้านบาท โดยที่มาของเงินที่ใช้ดำเนินการ มีดังนี้ จากการบริหารระบบงบประมาณและระบบภาษี
1. ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 จำนวน 2.6 แสนล้านบาท
2. ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาท
3. การบริหารจัดการงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
4. การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 9 หมื่นล้านบาท
ทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ
ในส่วนความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า ประชาชนได้รับเงินดิจิทัลก้นถึง ที่มีเงื่อนไขเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการกระตุ้นและการพฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เกิดเงินหมุนเวียนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเท่าเทียมและสูงกว่าเม็ดเงินที่ใช้ ประชาชนทุกคน มีกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อมาตรการทางการคลังในอนาคต เพราะสามารถใส่โปรแกรมเพื่อระบุเงื่อนไขในเงินดิจิทัล ทำให้มาตรการทางการคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด ประเทศเข้าสู่ระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อรองรับการเปลี่ยนของระบบการเงินโลก และภาคธุรกิจได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมทั่วถึงในทุกพื้นที่
นโยบายของเพื่อไทยจำนวน 70 นโยบายที่ได้ชี้แจงวงเงิน ที่มางบประมาณ ความคุ้มค่า-ประโยชน์ที่จะได้รับจากนโยบาย ในหัวข้ออื่นๆ ยังมีอาทิ นโยบายเงินสมทบคนสร้างตัว วงเงินที่ต้องใช้ 9 หมื่นล้าน, นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้ากทม. 20 บาทตลอดสาย 4 หมื่นล้าน + 8 พันล้านต่อปี, นโยบายเชื่อมโยงรถไฟขนส่งสินค้า จากลาวเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉะบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ 4.5 หมื่นล้าน, เชื่อมโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ทั่วประเทศ 8 หมื่นล้าน, นโยบายบริหารจัดการน้ำ ไม่ท่วม ไม่แล้ง เบื้องต้น5แสนล้านบาท, เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 2.5 หมื่นบาท ใช้เงิน 4 หมื่นล้าน, สนับสนุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 3 หมื่นล้าน, นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เพิ่ม 2 หมื่นล้านบาท ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 พันล้านบาท
‘สมชัย-วีระ’ ร้อง กกต.ฟัน ‘รทสช.’ รอบสอง ขนคนฟังปราศรัยเปิดตัว ‘บิ๊กตู่’
https://www.matichon.co.th/clips/news_3933894
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นาย
วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องเรียนพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันเปิดตัว พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งและเป็นการร้องเรียนครั้งที่ 2 หลังจากการร้องเรียนครั้งแรกถูก กกต.ตีตก ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
JJNY : ส่องค่า Ft ล่วงหน้า│พท.แจงยิบ 70 นโยบาย│‘สมชัย-วีระ’ร้องกกต.ฟัน ‘รทสช.’รอบสอง│อังกฤษเชื่อยูเครนรบยาวถึงปีหน้า
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/194683
เปิดความหมายแท้จริงของ ค่า Ft มีผลต่อราคาค่าอย่างมาก พร้อมดูค่า Ft ล่วงหน้าเดือน พ.ค.-ส.ค.แพงกว่าปัจจุบัน
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 พิจารณาการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับการเรียกเก็บในเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 มีมติเห็นชอบ ค่าไฟฟ้ำตามสูตร การปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เท่ากับ 98.27 สตางค์/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
เพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค. - เม.ย. 2566 ซึ่งอยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย เท่ากับเพิ่มขึ้นมาอีก 4.48 สตางค์/หน่วย
ดังนั้น สรุปค่า Ft ขายปลีกสำหรับเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เท่ากับ 98.27 สตางค์/หน่วย
ทำความรู้จัก ความหมายค่า Ft
Ft ย่อมาจากคำว่า Float time เดิมทีจะหมายถึง การลอยค่าของต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ราคาเชื้อเพลิง อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น ตามช่วงเวลาต่างๆ ที่ใช้เป็นกรอบในการคำนวณ
แต่เนื่องจากตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยที่ใช้ในการคำนวณสูตร Ft ให้คงเหลือเพียง ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. และค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน เท่านั้น ที่ กฟผ.ไม่สามารถควบคุมได้ และสามารถนำไปคำนวณในสูตร Ft
ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ประสานงานกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง เพื่อเปลี่ยนคำย่อของค่า Ft ให้สอดคล้องกับสูตรปัจจุบัน ทำให้ Ft ย่อมาจากคำว่า Fuel Adjustment Charge (at the given time) ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนประกอบด้วย 3 ส่วนคือ..
1. ค่าไฟฟ้าฐาน
2. ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือ ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าค่า Ft
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
โครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานคานวณจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ก่อสร้างระบบสายส่ง ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และจากประเทศเพื่อนบ้าน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ค่าใช้จ่ายระบบสายจาหน่ายและการค้าปลีกของการไฟฟ้าฝ่ายจาหน่าย (การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ภายใต้สมมติฐานความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกิจการไฟฟ้าในระดับหนึ่ง
ดังนั้น เพื่อให้อัตราค่าไฟฟ้าสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง และลดผลกระทบของความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงต่อฐานะการเงินของการไฟฟ้า คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2534 ได้เห็นชอบให้มีการนาสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Automatic Adjustment Mechanism) มาใช้ เพื่อให้การไฟฟ้าสามารถปรับค่าไฟฟ้าตามการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของการไฟฟ้า โดยเริ่มให้มีการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือค่า Ft ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้า ประจาเดือนกันยายน ในปี 2535
อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือค่า Ft ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดของสูตรหลายครั้ง เพื่อให้มีความชัดเจนโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับสภาวการณ์ของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน การปรับค่า Ft อยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.)
พท.แจงยิบ 70 นโยบาย วงเงิน 3 ล้านล้าน ยันแจก 1 หมื่น ใช้งบ 4 แหล่ง ไม่ต้องกู้เพิ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3934071
เพื่อไทย แจงยิบกกต. ทำ 70 นโยบาย วงเงิน 3 ล้านล้าน ยันแจก 1 หมื่น ใช้งบ 4 แหล่ง ไม่ต้องกู้เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้เซนหนังสือที่ พท.0893/2566 ถึงกกต. เรื่อง การกำหนดนโยบายที่ใช้ในการประกาศโฆษณาของพรรคเพื่อไทย ตามที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 57 บังคับไว้ในส่วนของการกำหนดนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน ต้องระบุ 3 เรื่อง คือ
1. วงเงินที่ต้องใช้
2. ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ
และ 3. ความคุ้มค่า ประโยชน์ในการดำเนินการ และความเสี่ยง
โดย นพ.ชลน่าน ยืนยันในเอกสารตอนหนึ่งว่า ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านมาตั้งแต่การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 การกำหนดนโยบายและวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ต้องคำนึงถึงสถานะการเงินที่เป็นอยู่ เมื่อได้รับโอกาสบริหารประเทศ นโยบายและวงเงินที่จะใช้ จึงอาจมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์และอาจต้องผูกพันธ์งบประมาณต่อเนื่อง เพื่อความสำเร็จของโครงการ
โดยในเอกสารดังกล่าว พรรคเพื่อไทย ได้เสนอนโยบาย 15 ด้าน รวมทั้งสิ้น 70 นโยบาย โดยมีกรอบวงเงินสำหรับดำเนินตามนโยบายนี้ ตลอดระยะเวลา 4 ปีตามอายุรัฐบาล ซึ่งตัวเลขที่ปรากฎในเอกสาร รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านล้านบาท
สำหรับนโยบายที่เป็นไฮไลท์ของการชี้แจงครั้งนี้ อยู่ที่ลำดับ 68 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล พรรคเพื่อไทยระบุวงเงินที่จะใช้ครั้งนี้ 5.6 แสนล้านบาท โดยที่มาของเงินที่ใช้ดำเนินการ มีดังนี้ จากการบริหารระบบงบประมาณและระบบภาษี
1. ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 จำนวน 2.6 แสนล้านบาท
2. ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาท
3. การบริหารจัดการงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท
4. การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 9 หมื่นล้านบาท
ทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ
ในส่วนความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า ประชาชนได้รับเงินดิจิทัลก้นถึง ที่มีเงื่อนไขเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการกระตุ้นและการพฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เกิดเงินหมุนเวียนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเท่าเทียมและสูงกว่าเม็ดเงินที่ใช้ ประชาชนทุกคน มีกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อมาตรการทางการคลังในอนาคต เพราะสามารถใส่โปรแกรมเพื่อระบุเงื่อนไขในเงินดิจิทัล ทำให้มาตรการทางการคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด ประเทศเข้าสู่ระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเทคโนโลยีบล็อคเชนเพื่อรองรับการเปลี่ยนของระบบการเงินโลก และภาคธุรกิจได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมทั่วถึงในทุกพื้นที่
นโยบายของเพื่อไทยจำนวน 70 นโยบายที่ได้ชี้แจงวงเงิน ที่มางบประมาณ ความคุ้มค่า-ประโยชน์ที่จะได้รับจากนโยบาย ในหัวข้ออื่นๆ ยังมีอาทิ นโยบายเงินสมทบคนสร้างตัว วงเงินที่ต้องใช้ 9 หมื่นล้าน, นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้ากทม. 20 บาทตลอดสาย 4 หมื่นล้าน + 8 พันล้านต่อปี, นโยบายเชื่อมโยงรถไฟขนส่งสินค้า จากลาวเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉะบัง และสนามบินสุวรรณภูมิ 4.5 หมื่นล้าน, เชื่อมโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ทั่วประเทศ 8 หมื่นล้าน, นโยบายบริหารจัดการน้ำ ไม่ท่วม ไม่แล้ง เบื้องต้น5แสนล้านบาท, เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 2.5 หมื่นบาท ใช้เงิน 4 หมื่นล้าน, สนับสนุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 3 หมื่นล้าน, นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เพิ่ม 2 หมื่นล้านบาท ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 พันล้านบาท
‘สมชัย-วีระ’ ร้อง กกต.ฟัน ‘รทสช.’ รอบสอง ขนคนฟังปราศรัยเปิดตัว ‘บิ๊กตู่’
https://www.matichon.co.th/clips/news_3933894
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องเรียนพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งและเป็นการร้องเรียนครั้งที่ 2 หลังจากการร้องเรียนครั้งแรกถูก กกต.ตีตก ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้