หากจะจำกันได้นะครับ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (จากนี้ไปผมจะเรียกว่า บัตรคนจน นะครับ ขี้เกียจพิมพ์)
หรือ บัตรคนจน เริ่มออกมาใช้กันในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560
2560 หรือ 1 ปีหลังการยึดอำนาจ
ตามที่ทางราชการแจ้ง วัตถุประสงค์ของบัตร เพื่อบรรเทาความทุกข์ ของพี่น้องคนไทยที่ยากจน
ให้มาลงทะเบียน เป็น "คนจน" เพื่อ ได้สิทธิ์ดังกล่าว
ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้เป็นช่วงเวลา ก่อนเลือกตั้งอะไรเลยนะครับ
ไม่ได้ทำออกมาเพื่อการ "หาเสียง" หรือ "หาคะแนนนิยม" แต่อย่างใด
คนไทยที่เกลียดลุงตู่ แม้จะยากจนแค่ไหน ก็ได้ประโยชน์จากบัตรสวัสดิการนี้
และไม่มีใครนึกหรอกครับ ว่าไอ้ลุงตู่ มันจะได้เป็นนายกฯจากการเลือกตั้งปี 2562 !
ใครจะนึกว่า ไอ้"บัตรคนจน" นี้ มีคนเห็นความดีของมัน และ อาจเป็นส่วนหนึ่งของการได้คะแนนนิยม ในครั้งนั้น
พอจะเห็น วัตถุประสงค์ "แรกเริ่ม" ของบัตรคนจน กันบ้างละนะครับ
การแจกเงินหมื่น ของพรรคเพื่อไทย
ตู้ม ! ประกาศ นโยบายนี้ออกมาในช่วงก่อนเลือกตั้ง
เราพอมองเห็น เจตนารมย์มั๊ยครับ ว่า พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายนี้มาเพื่ออะไร
เพื่อจะบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่บอก
หรือ เพื่อ แค่ จะเอาชนะในการเลือกตั้ง
เห็น เจตนารมย์ มั๊ยครับ
นอกจากนโยบาย "อะไร" แล้ว
เราควรต้องดูว่าออกนโยบายมา "เมื่อไหร่" ด้วย ถึงจะเห็นเจตนารมย์ที่แท้จริงของผู้ออกนโยบาย
นี่ระดับ พรรคเพื่อไทย เพิ่งคิดกันได้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วหรือครับ
ทำไมประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ?
เรื่องใหญ่ ที่ผูกพัน งบประมาณ และ ภาษีจำนวนมากของคนทั้งประเทศนี่
นอนคิดในดูไบ แค่ คืนเดียวก็ออกมาเป็นนโยบายระดับประเทศ หรือครับ ?
ดู ถู ก ค น ไ ท ย ชิ ป เ ป๋ ง...
ในเชิงคณิตศาสตร์ มีผู้รู้ ออกมาคำณวนให้ฟัง
ว่า พรรคเพื่อไทย ใช้เงิน 5.5 แสนล้าน ใน 6 เดือน
สรุป ภายใน 6 เดือน รัฐจ่ายตู้ม ! 5.5 แสนล้าน จบปิ๊ง
จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หรือ ไม่ได้ ก็คอยดูกัน
แต่พรรคได้เป็น รัฐบาล เรียบร้อย สมใจนึก บางลำภู ไปแล้วนะ
กับ บัตรคนจน เดือนละ 1 พัน อู๊ย... จ่ายตั้ง 6.7 แสนล้าน
แต่ 6.7 แสนล้าน ต่อ 4 ปี มันก็ช่วยเหลือคนไทยที่ยากจน ได้เดือนละ 1 พัน เป็นเวลา 48 เดือนนะขอรับ
มันค่อยๆทะยอย ช่วยคนไป 4 ปี !โดยไม่ต้อง ลุ่น ว่า จะเวิร์ค หรือ ไม่เวิร์ค จะเจ๊ง หรือ ไม่เจ๊ง
มันไม่เจ๊ง เพราะมันทะยอยจ่ายครับ ไม่ใช่จ่ายตู้มเดียว 5แสนกว่าล้าน !
แล้วช่วยคนได้ 4 ปี นี่ไม่มีความหมายเลยหรือครับ...ตั้ง 4 ปี นะครับ
ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องวางเดิมพัน ไม่มีความเสี่ยงอะไรใดๆเลย ได้ช่วยคนแน่ๆ 4 ปี
กับ 6 เดือน จ่าย ตู้ม ! แล้วมานั่งสวดมนต์ ลุ้นไม่ให้เจ๊ง
เสี่ยงระยะสั้น 6 เดือน เจ๊ง ระยะยาว กี่ปีล่ะ...
ถ้าอะไรอะไรในโลก จะซื้ออะไร จ่าย ตู้มเดียว
คิดแบบนี้ คงต้องซื้อรถ ซื้อบ้านกันด้วยเงินสดกันหมดทั้งโลกล่ะครับพี่น้อง
เอาล่ะ สมมุติว่า ผมเชื่อ เรื่องเจตนารมย์ของนโยบาย แจก 1 หมื่น
ว่า ไม่ได้ออกมาเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง
แต่ตั๊งใจ ตั๊งใจคิดมาตั้ง คืนนึง ในดูไบ ว่า จะมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
มันก็ยังคนละ วัตถุประสงค์ อยู่ดี เพราะ ไอ้บัตรคนจน มันถูกออกแบบมาให้ "ช่วย" จริงๆ
บรรเทาทุกข์ของคนจน ในรายเดือน ให้เขามีไอ้ 1พันนี้ไปซื้อข้าวสาร ซื้อแก๊สหุงต้ม ซื้อน้ำมันพืช มาประทังชีวิต
นโยบายไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ หาเสียง หาคะแนนนิยม
ผมไม่ได้จะมาบอกว่า นโยบายไหน ดีกว่า นโยบายไหน
คนไทยคิดเองได้หมด
ผมแค่ เอาเรื่องเก่าๆมาเล่าให้ฟัง ระว่าง นโยบาย ที่ทำมา "ขาย" เอาคะแนนเสียง
กับ "สิ่งที่ปฏิบัติไปแล้ว" not for sales ด้วย ทำมาโดยไร้เงื่อนไขของการหาเสียง
อย่าลืม ดู "วัตถุประสงค์" ของนโยบายครับ
ว่าสินค้าที่ทำมาเพื่อ "ขาย" แลกคะแนนเสียง กับเพื่อ "แจก บรรเทาทุกข์" มันจึงต่างด้วยประการฉะนี้เอย
นี่คือ ที่มา-ที่ไป ของ 2 นโยบายนี้ครับ
สวัสดี วันสงกรานต์ครับ
บัตรคนจน VS แจกเงินหมื่น - ที่มา ที่ไป
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (จากนี้ไปผมจะเรียกว่า บัตรคนจน นะครับ ขี้เกียจพิมพ์)
หรือ บัตรคนจน เริ่มออกมาใช้กันในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560
2560 หรือ 1 ปีหลังการยึดอำนาจ
ตามที่ทางราชการแจ้ง วัตถุประสงค์ของบัตร เพื่อบรรเทาความทุกข์ ของพี่น้องคนไทยที่ยากจน
ให้มาลงทะเบียน เป็น "คนจน" เพื่อ ได้สิทธิ์ดังกล่าว
ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้เป็นช่วงเวลา ก่อนเลือกตั้งอะไรเลยนะครับ
ไม่ได้ทำออกมาเพื่อการ "หาเสียง" หรือ "หาคะแนนนิยม" แต่อย่างใด
คนไทยที่เกลียดลุงตู่ แม้จะยากจนแค่ไหน ก็ได้ประโยชน์จากบัตรสวัสดิการนี้
และไม่มีใครนึกหรอกครับ ว่าไอ้ลุงตู่ มันจะได้เป็นนายกฯจากการเลือกตั้งปี 2562 !
ใครจะนึกว่า ไอ้"บัตรคนจน" นี้ มีคนเห็นความดีของมัน และ อาจเป็นส่วนหนึ่งของการได้คะแนนนิยม ในครั้งนั้น
พอจะเห็น วัตถุประสงค์ "แรกเริ่ม" ของบัตรคนจน กันบ้างละนะครับ
การแจกเงินหมื่น ของพรรคเพื่อไทย
ตู้ม ! ประกาศ นโยบายนี้ออกมาในช่วงก่อนเลือกตั้ง
เราพอมองเห็น เจตนารมย์มั๊ยครับ ว่า พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายนี้มาเพื่ออะไร
เพื่อจะบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่บอก
หรือ เพื่อ แค่ จะเอาชนะในการเลือกตั้ง
เห็น เจตนารมย์ มั๊ยครับ
นอกจากนโยบาย "อะไร" แล้ว
เราควรต้องดูว่าออกนโยบายมา "เมื่อไหร่" ด้วย ถึงจะเห็นเจตนารมย์ที่แท้จริงของผู้ออกนโยบาย
นี่ระดับ พรรคเพื่อไทย เพิ่งคิดกันได้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วหรือครับ
ทำไมประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ?
เรื่องใหญ่ ที่ผูกพัน งบประมาณ และ ภาษีจำนวนมากของคนทั้งประเทศนี่
นอนคิดในดูไบ แค่ คืนเดียวก็ออกมาเป็นนโยบายระดับประเทศ หรือครับ ?
ดู ถู ก ค น ไ ท ย ชิ ป เ ป๋ ง...
ในเชิงคณิตศาสตร์ มีผู้รู้ ออกมาคำณวนให้ฟัง
ว่า พรรคเพื่อไทย ใช้เงิน 5.5 แสนล้าน ใน 6 เดือน
สรุป ภายใน 6 เดือน รัฐจ่ายตู้ม ! 5.5 แสนล้าน จบปิ๊ง
จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หรือ ไม่ได้ ก็คอยดูกัน
แต่พรรคได้เป็น รัฐบาล เรียบร้อย สมใจนึก บางลำภู ไปแล้วนะ
กับ บัตรคนจน เดือนละ 1 พัน อู๊ย... จ่ายตั้ง 6.7 แสนล้าน
แต่ 6.7 แสนล้าน ต่อ 4 ปี มันก็ช่วยเหลือคนไทยที่ยากจน ได้เดือนละ 1 พัน เป็นเวลา 48 เดือนนะขอรับ
มันค่อยๆทะยอย ช่วยคนไป 4 ปี !โดยไม่ต้อง ลุ่น ว่า จะเวิร์ค หรือ ไม่เวิร์ค จะเจ๊ง หรือ ไม่เจ๊ง
มันไม่เจ๊ง เพราะมันทะยอยจ่ายครับ ไม่ใช่จ่ายตู้มเดียว 5แสนกว่าล้าน !
แล้วช่วยคนได้ 4 ปี นี่ไม่มีความหมายเลยหรือครับ...ตั้ง 4 ปี นะครับ
ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องวางเดิมพัน ไม่มีความเสี่ยงอะไรใดๆเลย ได้ช่วยคนแน่ๆ 4 ปี
กับ 6 เดือน จ่าย ตู้ม ! แล้วมานั่งสวดมนต์ ลุ้นไม่ให้เจ๊ง
เสี่ยงระยะสั้น 6 เดือน เจ๊ง ระยะยาว กี่ปีล่ะ...
ถ้าอะไรอะไรในโลก จะซื้ออะไร จ่าย ตู้มเดียว
คิดแบบนี้ คงต้องซื้อรถ ซื้อบ้านกันด้วยเงินสดกันหมดทั้งโลกล่ะครับพี่น้อง
เอาล่ะ สมมุติว่า ผมเชื่อ เรื่องเจตนารมย์ของนโยบาย แจก 1 หมื่น
ว่า ไม่ได้ออกมาเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง
แต่ตั๊งใจ ตั๊งใจคิดมาตั้ง คืนนึง ในดูไบ ว่า จะมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
มันก็ยังคนละ วัตถุประสงค์ อยู่ดี เพราะ ไอ้บัตรคนจน มันถูกออกแบบมาให้ "ช่วย" จริงๆ
บรรเทาทุกข์ของคนจน ในรายเดือน ให้เขามีไอ้ 1พันนี้ไปซื้อข้าวสาร ซื้อแก๊สหุงต้ม ซื้อน้ำมันพืช มาประทังชีวิต
นโยบายไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ หาเสียง หาคะแนนนิยม
ผมไม่ได้จะมาบอกว่า นโยบายไหน ดีกว่า นโยบายไหน
คนไทยคิดเองได้หมด
ผมแค่ เอาเรื่องเก่าๆมาเล่าให้ฟัง ระว่าง นโยบาย ที่ทำมา "ขาย" เอาคะแนนเสียง
กับ "สิ่งที่ปฏิบัติไปแล้ว" not for sales ด้วย ทำมาโดยไร้เงื่อนไขของการหาเสียง
อย่าลืม ดู "วัตถุประสงค์" ของนโยบายครับ
ว่าสินค้าที่ทำมาเพื่อ "ขาย" แลกคะแนนเสียง กับเพื่อ "แจก บรรเทาทุกข์" มันจึงต่างด้วยประการฉะนี้เอย
นี่คือ ที่มา-ที่ไป ของ 2 นโยบายนี้ครับ
สวัสดี วันสงกรานต์ครับ