ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฎิกัมมจตุกกะ
[๒] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ส้มวาที: สิ่งที่เรียกว่า " บุคคล "...ที่ไม่ใช่อุปาทานขันธ์5
แต่คือ " สิ่งที่มามีอุปาทน "...ในขันธ์5...และสิ่งนั้นหละ..
คือ...สิ่งที่เรียกว่า " บุคคบ " ผู้โสดาบัน - ผู้สกทาคามี - ผู้อนาคามี - ผู้อรหันต์
หรือ...สุดท้ายคือ " นิพพานธาตุ - อมตธาตุ - อสังขตธาตุ "
☝
อันนี้หละ...เที่ยงแท้ - สัจจะ - ปรมัตถ์
ป. สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น
ตาม สภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น
ส้มวาที: มีสภาวะนั้นนะ...คือ
1. น อุปฺปาโท ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความเกิด )
2. น วโย ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความสลาย)
3. น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ (เมื่อตั้งอยู่ ไม่ปรากฏความแปร)
และ...เมื่อหลุดพ้น..จะเป็นดังนี้...
1. อชาตํ --- ไม่เกิดชาติ...อีก
2. อภูตํ --- ไม่เป็น(สัตว์)..อีก...
3. อกตํ --- ไม่กระทำ...อีก...
4. อสงฺขตํ --- ไม่มีการปรุงแต่ง... อีก...
ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม. หากว่า ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่ง เห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ ว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น
โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถ ปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล นั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
ส้มวาที: มีสภาวะนั้นนะ...คือ
1. น อุปฺปาโท ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความเกิด )
2. น วโย ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความสลาย)
3. น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ (เมื่อตั้งอยู่ ไม่ปรากฏความแปร)
และ...เมื่อหลุดพ้น..จะเป็นดังนี้...
1. อชาตํ --- ไม่เกิดชาติ...อีก
2. อภูตํ --- ไม่เป็น(สัตว์)..อีก...
3. อกตํ --- ไม่กระทำ...อีก...
4. อสงฺขตํ --- ไม่มีการปรุงแต่ง... อีก...
ปฏิกัมมจตุกกะ จบ
กถาวัตถุ..ตอนที่ - 2
ปฎิกัมมจตุกกะ
[๒] ป. ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ส. ถูกแล้ว
ส้มวาที: สิ่งที่เรียกว่า " บุคคล "...ที่ไม่ใช่อุปาทานขันธ์5
แต่คือ " สิ่งที่มามีอุปาทน "...ในขันธ์5...และสิ่งนั้นหละ..
คือ...สิ่งที่เรียกว่า " บุคคบ " ผู้โสดาบัน - ผู้สกทาคามี - ผู้อนาคามี - ผู้อรหันต์
หรือ...สุดท้ายคือ " นิพพานธาตุ - อมตธาตุ - อสังขตธาตุ "
☝
อันนี้หละ...เที่ยงแท้ - สัจจะ - ปรมัตถ์
ป. สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น
ตาม สภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ หรือ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น
ส้มวาที: มีสภาวะนั้นนะ...คือ
1. น อุปฺปาโท ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความเกิด )
2. น วโย ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความสลาย)
3. น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ (เมื่อตั้งอยู่ ไม่ปรากฏความแปร)
และ...เมื่อหลุดพ้น..จะเป็นดังนี้...
1. อชาตํ --- ไม่เกิดชาติ...อีก
2. อภูตํ --- ไม่เป็น(สัตว์)..อีก...
3. อกตํ --- ไม่กระทำ...อีก...
4. อสงฺขตํ --- ไม่มีการปรุงแต่ง... อีก...
ป. ท่านจงรับรู้ปฏิกรรม. หากว่า ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่ง เห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ ว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น
โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,
ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถ ปรมัตถ์
แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล นั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ ดังนี้ ผิด
ส้มวาที: มีสภาวะนั้นนะ...คือ
1. น อุปฺปาโท ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความเกิด )
2. น วโย ปญฺญายติ (ไม่ปรากฏความสลาย)
3. น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ (เมื่อตั้งอยู่ ไม่ปรากฏความแปร)
และ...เมื่อหลุดพ้น..จะเป็นดังนี้...
1. อชาตํ --- ไม่เกิดชาติ...อีก
2. อภูตํ --- ไม่เป็น(สัตว์)..อีก...
3. อกตํ --- ไม่กระทำ...อีก...
4. อสงฺขตํ --- ไม่มีการปรุงแต่ง... อีก...
ปฏิกัมมจตุกกะ จบ