ถ้าอย่างนั้น ความสิ้นไปแห่งตัณหา ก็ไม่ใช่ อนัตตา น่ะสิ

จากพระสูตร ๒. สัตตสูตร
"เพราะว่าความสิ้นไปแห่งตัณหา เป็นนิพพาน."
https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=17&A=4433&Z=4459
หรือจาก ๑๐. โลกสูตร
"เพราะความสิ้นไปแห่งตัณหาทั้งหลาย โดยประการทั้งปวง เป็นนิพพาน"
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=2423&Z=2468&pagebreak=0

(หาก
นิพพาน ไม่ใช่ อนัตตา
ถ้าอย่างนั้น
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ก็ไม่ใช่อนัตตาน่ะสิ

และยิ่งไปกว่านั้น

หาก นิพพาน คือ นิโรธ
ถ้าอย่างนั้น นิโรธ ก็ไม่ใช่อนัตตา น่ะสิ

หาก นิโรธ คือ ธรรมใน อริยสัจ4
ถ้าอย่างนั้น อริยสัจ4 ก็ไม่ใช่ อนัตตา ทั้งหมดน่ะสิ)

ที่นี้ เข้าใจ ว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา รึยัง

ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ?
 ป. ถูกแล้ว
 ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า หยั่งเห็นบุคคลได้โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์นะสิ
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=1937&Z=2205&pagebreak=0

ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรเสนิยะ ศาสดา ๓ จำพวกนี้มี อยู่ปรากฏ
อยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน ศาสดาบางคนในโลกนี้ บัญญัติอัตตา
โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งใน
สัมปรายภพ อนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ บัญญัติอัตตาโดยความ
เป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ แต่ในปัจจุบันไม่บัญญัติเช่น
นั้นในสัมปรายภพ อนึ่ง ศาสดาบางคนในโลกนี้ ไม่บัญญัติอัตตา
โดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งใน
สัมปรายภพ ใน ๓ จำพวกนั้น ศาสดาที่บัญญัติอัตตาโดยความ
เป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งใน
สัมปรายภพ นี้เรียกว่า สัสสตวาท ศาสดาที่บัญญัติอัตตา โดย
ความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ แต่ในปัจจุบัน ไม่บัญญัติ
เช่นนั้นในสัมปรายภพ นี้เรียกว่า อุจเฉทวาท ศาสดาที่ไม่บัญญัติ
อัตตาโดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน
ทั้งในสัมปรายภพ นี้เรียกว่า สัมมาสัมพุทธะ ดูกรเสนิยะ ศาสดา
๓ จำพวกนี้แล มีอยู่ ปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง
มิใช่หรือ?
  ป. ถูกแล้ว
  ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า หยั่งเห็นบุคคลได้โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ นะสิ
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=37&A=2161&Z=2205&pagebreak=0
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่