กถาวัตถุ..ตอนที่ - 7

กระทู้คำถาม
🌼🌼🌼 ขอนอบน้อมแต่...พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...พระองค์นั้น 🌼🌼🌼

อุปนยนจตุกกะ 
[๙] ส. หากนิคหะที่เราทำแก่ท่านนี้ เป็นนิคหะชั่วไซร้ 
          ท่านจงเห็นอย่างเดียวกัน นั่นแหละ ในนิคหะที่ท่านได้ทำแก่เรา
          ในกรณีว่า พึงกล่าวได้ว่า...
         " ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
           แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ "
           ข้าพเจ้าไม่ หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์,

           ก็เราผู้ปฏิญาณอยู่ข้างปฏิเสธบุคคล อย่างนี้ ด้วยปฏิญญานี้ อันท่านไม่พึงนิคหะอย่างนี้
           ดังนั้นท่านนิคหะเรา เราจึงถูกนิคหะชั่วเทียว

           คือนิคหะว่า หากว่า  ท่านไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
           ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้อง กล่าวว่า
           " สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ  ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น
              ตามสภาวะ นั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, "

           ที่ท่านกล่าวในปัญหานั้นว่า พึงกล่าวได้ว่า
         " ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลโดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
            แต่ไม่พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
            ข้าพเจ้า ไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ " ... ดังนี้ ผิด,

            แต่ถ้าไม่พึงกล่าวว่า
           "สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
            ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะนั้น โดย สัจฉิกัตถปรมัตถ์
            ก็ต้องไม่กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์, "

            ที่ท่าน กล่าวในปัญหานั้นว่า
            " พึงกล่าวได้ว่า ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคล โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์
              แต่ไม่ พึงกล่าวว่า สภาวะใด เป็นสัจฉิกัตถะ เป็นปรมัตถะ
               ข้าพเจ้าไม่หยั่งเห็นบุคคลนั้น ตามสภาวะ นั้น โดยสัจฉิกัตถปรมัตถ์ "
             ดังนี้ นี้เป็นความผิดของท่าน

ส้มวาที:   เหมือนกับ...ตอนที่ผ่านๆมา....เรื่อง " สัดตว์ - บุคคล - เรา - เขา " ..มันเป็นอย่างนี้.ครับ 
                👇👇👇👇👇
               บุคคล..มันแล้วแต่ว่า ปรวาที่...และ..สกวาที่...  หมายไปที่ใด...
               หากหมายเอาแบบโลกๆ ที่เขากล่าวกัน... เขาหมายเอาที่..รูป..และ..อรูป
               ว่าเป็นสัตว์ - เป็นบุคคล... 
                       ☝..อย่างนี้แบบนี้...บุคคลก็จะไม่มีโดย.." อตฺติ - สจฺจ  " .
                            แต่บุคคล..จะมีแบบ " สติ - โหติ - ภวิสฺสติ " ...
                            คือจะมีแบบ..เกิดขึ้นตามปฏิจจสมุปปาท...
                           โดยเพราะตัณหา..จึงมีการหยั่งลงสู่ครรภ์...แล้ว..มีนามรูป
                           พอมีนามรูป...ก็เกิดภพ..ชาติ..  อยม่างนี้นะ..บุคคลปรากฏขึ้นมา
            หากหมายเอาแบบอริยะ...
                      ☝..อย่างนี้แบบนี้  บุคคลไม่ใช่ขันธ์๕
                           ขันธ์๕..ไม่ใช่เรา  เราก็ไม่ใช่ขันธ์๕   รูป..และ...อรูป..มันไม่ใช่เรา
                           เรา...คือ..ผู้ที่มามีอุปาทาน...ใน...อุปาทานขันธ์๕
            
                           ตอนที่...เรายังมี..ตัณหา-อุปาทาน..เราก็จะมีสภาวะ " เคลื่อน(จุติ)...ไปตาม..ขันธ์๕ "
                           หากว่าเรา..คายกำหนัดจากอุปาทานขันธ์๕..ได้แล้ว  สิ้นแล้วซึ่ง..ตัณหา-อุปาทาน
                           เมื่อนั้น...เราจะเป็นอมตะ - เที่ยง - ยั่งยื่น - ไม่ไปนับว่าเป็นของเกิดตาย..อีกต่อไป..
                           สังสารวัฏก็จะหยุดลง.. 
=============================================================     
ทุกข์(อุปาทานขันธ์๕)เท่านั้นที่เกิด-ดับ..  นอกนั้น...ไม่ใช่สิ่งที่..เกิด-ดับ..  
สิ่งนั้น..ที่มามีอุปาทาน..สิ่งนั้น..ไม่ใช่ของที่เกิดดับ.. แต่ " เคลื่อนไป(คจฺฉติ) "
แต่..ก็นับว่า (สงฺขํ) " เกิด-ดับ..ไปตามขันธ์๕..โดยอุปาทาน "..บาลีว่า " อนุมิยฺยติ(ตายตาม)  "
แต่..จริงๆ แล้ว...เขาไม่ได้ตาย.. สิ่งที่ตาย - สิ่งที่เกิดดับ...มันแต่ขันธ์๕..เท่านั้น
นี่คือ..พุทธวจน
👇
👇
รูปญฺเจ  ..........ภิกฺขุ  อนุเสติ  ตํ   อนุมิยฺยติ   ยํ   อนุมิยฺยติ   เตน  สงฺขํ  คจฺฉติ  ฯ
เวทนญฺเจ  .......ภิกฺขุ  อนุเสติ  ตํ   อนุมิยฺยติ   ยํ   อนุมิยฺยติ   เตน  สงฺขํ  คจฺฉติ  ฯ
สญฺญญฺเจ  .......ภิกฺขุ  อนุเสติ  ตํ   อนุมิยฺยติ   ยํ   อนุมิยฺยติ   เตน  สงฺขํ  คจฺฉติ  ฯ
สงฺขาเร  ..........ภิกฺขุ  อนุเสติ  ตํ   อนุมิยฺยติ   ยํ   อนุมิยฺยติ   เตน  สงฺขํ  คจฺฉติ  ฯ
วิญฺญาณญฺเจ ....ภิกฺขุ  อนุเสติ  ตํ   อนุมิยฺยติ   ยํ   อนุมิยฺยติ   เตน  สงฺขํ  คจฺฉติ  ฯ
รูปญฺเจ(ถ้าในรูป)  ภิกฺขุ(ภิกษุ ท.!)  อนุเสติ(อนุสัย)  
ตํ(ด้วยเหตุนั้น)  อนุมิยฺยติ(ตายตาม )
ยํ(ผู้ใด(นั้น))  อนุมิยฺยติ(ตายตาม)  เตน(นั้น)  สงฺขํ(นับว่า)  คจฺฉติ(เคลื่อนไป)  ฯ
ก็เมื่อ..บุคคล..ไปมีตัณหา-อุปาทาน..ในอุปาทานข้นธ์๕...บุคคลก็นับเข้ากับขันธ์๕..อันเป็นของเกิด-ตาย
=======================================================================

อุปนยนจตุกกะ จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่