สำรวจราคาไข่ไก่ยุคลุงตู่ ขยับขึ้นอีกแล้ว ชาวบ้านวอน “รัฐบาลหน้า” ช่วยทำให้ราคาถูกลงหน่อย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3877749
สำรวจราคาไข่ไก่ยุคลุงตู่ ขยับขึ้นอีกแล้ว ชาวบ้านวอน “รัฐบาลหน้า” ช่วยทำให้ราคาถูกลงหน่อย
นครราชสีมา – วันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด , สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ปรับขึ้นราคาโดยปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์/ฟอง หรือ 6 บาท/แผง (30 ฟอง) จาก 3.40 บาท เป็น 3.60 บาท/ฟอง
โดย มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายไข่ไก่หลายรายได้มีการปรับราคาขึ้นหลังจากประกาศ อย่างไรก็ตามพบว่ายังมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายยังไม่มีการปรับขึ้นราคาเนื่องจากยังเป็นไข่ไก่ล็อตเก่าที่ยังคงขายในราคาเดิม แต่ก็เตรียมปรับราคาตามประกาศในวันพรุ่งนี้
โดยนาย
วัฒนา แหขุนทด อายุ 50 ปี พ่อค้า กล่าวว่า วันนี้ราคาของไข่ไก่มีการปรับราคาขึ้นแผงละ 6 บาท แต่ว่าตนยังไม่ได้ปรับราคาของไข่ไก่ขึ้นเนื่องจากไข่ไก่ที่ตนมีเป็นไข่ไก่ล็อตเก่าที่ยังไม่ได้มีการปรับราคาโดยไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 110 บาท เบอร์ 2 แผงละ 120 บาท เบอร์ 1 แผงละ 120 บาท และเบอร์ศูนย์แผงละ 130 บาท อย่างไรก็ตามตนก็เตรียมปรับราคาขึ้นตามประกาศในวันพรุ่งนี้เพราะตนต้องไปซื้อไข่ในราคาที่ปรับขึ้น อยากฝากไปยังรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเลือกตั้งเข้ามาอยากให้ช่วยทำให้ราคาไข่ไก่และสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดอื่นถูกลงด้วยเพราะตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจะตายอยู่แล้ว
ภัยแล้งคุกคาม ชาวไร่ระทม โรคไรแดงระบาด มันสำปะหลัง ยืนต้นตาย เสียหายหนัก
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7563594
นครราชสีมา ภัยแล้งคุกคาม ชาวไร่ระทม ขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้น เกิดโรคไรแดงแพร่ระบาด มันสำปะหลังไหม้เหี่ยวแห้ง ยืนต้นตาย เสียหายอย่างหนัก คาดทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
17 มี.ค. 66 – เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่น อำเภอเสิงสาง พบแปลงมันสำปะหลังของเกษตรกรเกิดโรคระบาดเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้ง ไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นมันสำปะหลังเป็นเวลานาน ตั้งแต่ฝนทิ้งช่วงจนเข้าสู่ฤดูร้อน
ทำให้ต้นมันสำปะหลังต้องยืนต้นเหี่ยวเฉา แม้จะเป็นพืชที่ทนแล้ง แต่ก็ต้องการน้ำในการเจริญเติบโตเหมือนพืชอื่นๆ ทุกชนิด ซึ่งเกษตรกรมักจะปลูกในพื้นที่ที่ไม่มีระบบน้ำหรืออยู่นอกเขตชลประทาน การเจริญเติบโตต้องอาศัยน้ำฝน หากเกิดปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน มักจะประสบปัญหาโรคระบาดตามมาด้วย จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นาย
ธิติพัทธ์ ชัญถาวร เกษตรอำเภอเสิงสาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกษตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงมันสำปะหลังในพื้นที่ดูแล พบว่า ได้รับผลกระทบจากไรแดงมันสำปะหลังกำลังแพร่ระบาด ซึ่งมักจะเกิดในช่วงฤดูแล้ง โดยไรแดงจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ยอดอ่อนของต้นมันสำปะหลังไหม้ เหี่ยวแห้ง และตายลงในที่สุด
ซึ่งอำเภอเสิงสาง เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมันสำปะหลังมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย มีเกษตรกรมาจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับทางเจ้าหน้าที่ ประมาณ 80,000 ไร่ แต่มีการปลูกจริง ไม่ต่ำกว่า 100,000 ไร่ และจากการสำรวจการแพร่ระบาดของไรแดงมันสำปะหลัง ก็พบว่า มีแปลงมันฯ ของเกษตรกรได้รับผลกระทบไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด
เบื้องต้น เกษตรอำเภอเสิงสางได้เร่งแจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้าน แจ้งให้เกษตรกรได้รับทราบสถานการณ์การระบาดและผลกระทบของไรแดงมันสำปะหลัง เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมตัว และหมั่นเฝ้าระวังตรวจสอบแปลงเกษตรของตนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเร่งรับมือไม่ให้การระบาดลุกลามเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม หากเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้ ไม่มีฝนตกลงมาช่วย คาดว่า การระบาดจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
"แพทองธาร" นำทัพเพื่อไทย เปิดตัวนโยบาย"คนไทยไร้จน-ไทยศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินอาเซียน
https://siamrath.co.th/n/431331
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘
คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
นางสาว
แพทองธาร กล่าวบนเวทีประกาศความพร้อมพรรคเพื่อไทยที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน ขาดความรู้ ความเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะท่ามกลางปัญหาที่ถูกทับถมเอาไว้ หากคิดไม่ใหญ่ เอาไม่อยู่
พรรคเพื่อไทยจึง ‘
คิดใหญ่ ทำเป็น’ พร้อมประกาศ 3 นโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
เริ่มจากนโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้คนไทยที่ต้องช่วยเหลือทันที ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ที่สูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเติบโตของรายได้ต่อหัวโตช้ากว่าประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท / เดือน เราจะเติมเงินให้ในระยะชั่วคราวไปจนกว่านโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะสำเร็จ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น แพทองธารเพิ่มเติมว่านโยบายนี้อาจดูเหมือนประชานิยม แต่ความจริงแล้วคือการยกระดับ GDP ประเทศ เงินที่จะใช้ ก็จะมาจากภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ถัดมาในนโยบายที่สองคือการสร้าง Blockchain ที่จะทำให้ไทยการเป็นศูนย์กลาง Fintech (เทคโนโลยีทางการเงิน) ของอาเซียน เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร ตลอดจนการขายสินค้าล่วงหน้า รวมถึงผู้ที่มีความสามารถทางด้านอื่นๆ ก็จะขายผลงานของตนไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบที่ง่ายเหมือนแอพพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์
และนโยบายที่สาม
แพทองธารได้เน้นย้ำปัญหา PM2.5 ที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยยกภาพถ่ายดาวเทียมของนาซ่า ที่แสดงร่องรอยสีแดงในประเทศไทย และเพื่อนบ้าน อันเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย
จึงต้องมีการแก้ไขร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการเจรจา หาทางออก และการแก้ปัญหา ทั้งยังสนับสนุนการเกษตรให้ใช้การย่อยสลายแทนการเผาเพื่อการเกษตร ในส่วนมลภาวะที่เกิดจากการคมนาคม และอุตสาหกรรม จะใช้นโยบายลดภาษีรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษทางอากาศไม่เกินมาตรฐาน, รถยนต์ไฟฟ้า และเปลี่ยนเครื่องจักรที่ปล่อยมลพิษให้หมดไปโดยเร็ว
ก่อนปิดท้ายการแถลงนโยบาย นางสาวแพทองธารได้ฝากถึงว่าที่ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ทั้ง 400 คนให้มีโอกาสได้รับเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภา
“
ร่วมสานต่อนโยบายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยให้สำเร็จ ช่วยกันแก้ปัญหาที่หมักหมมมา 8 ปี ให้เบาบาง และหายไปโดยเร็ว” นางสาว
แพทองธาร กล่าว
JJNY : สำรวจราคาไข่ตู่│ภัยแล้งคุกคาม ชาวไร่ระทม│"แพทองธาร"นำทัพพ.ท. เปิดตัวนโยบาย│โปแลนด์ประเดิมส่งเครื่องบินรบให้ยูเครน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3877749
สำรวจราคาไข่ไก่ยุคลุงตู่ ขยับขึ้นอีกแล้ว ชาวบ้านวอน “รัฐบาลหน้า” ช่วยทำให้ราคาถูกลงหน่อย
นครราชสีมา – วันที่ 17 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางเครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด , สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ปรับขึ้นราคาโดยปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์/ฟอง หรือ 6 บาท/แผง (30 ฟอง) จาก 3.40 บาท เป็น 3.60 บาท/ฟอง
โดย มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายไข่ไก่หลายรายได้มีการปรับราคาขึ้นหลังจากประกาศ อย่างไรก็ตามพบว่ายังมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายยังไม่มีการปรับขึ้นราคาเนื่องจากยังเป็นไข่ไก่ล็อตเก่าที่ยังคงขายในราคาเดิม แต่ก็เตรียมปรับราคาตามประกาศในวันพรุ่งนี้
โดยนายวัฒนา แหขุนทด อายุ 50 ปี พ่อค้า กล่าวว่า วันนี้ราคาของไข่ไก่มีการปรับราคาขึ้นแผงละ 6 บาท แต่ว่าตนยังไม่ได้ปรับราคาของไข่ไก่ขึ้นเนื่องจากไข่ไก่ที่ตนมีเป็นไข่ไก่ล็อตเก่าที่ยังไม่ได้มีการปรับราคาโดยไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 110 บาท เบอร์ 2 แผงละ 120 บาท เบอร์ 1 แผงละ 120 บาท และเบอร์ศูนย์แผงละ 130 บาท อย่างไรก็ตามตนก็เตรียมปรับราคาขึ้นตามประกาศในวันพรุ่งนี้เพราะตนต้องไปซื้อไข่ในราคาที่ปรับขึ้น อยากฝากไปยังรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเลือกตั้งเข้ามาอยากให้ช่วยทำให้ราคาไข่ไก่และสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดอื่นถูกลงด้วยเพราะตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจะตายอยู่แล้ว
ภัยแล้งคุกคาม ชาวไร่ระทม โรคไรแดงระบาด มันสำปะหลัง ยืนต้นตาย เสียหายหนัก
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7563594
นครราชสีมา ภัยแล้งคุกคาม ชาวไร่ระทม ขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้น เกิดโรคไรแดงแพร่ระบาด มันสำปะหลังไหม้เหี่ยวแห้ง ยืนต้นตาย เสียหายอย่างหนัก คาดทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
17 มี.ค. 66 – เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่น อำเภอเสิงสาง พบแปลงมันสำปะหลังของเกษตรกรเกิดโรคระบาดเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้ง ไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นมันสำปะหลังเป็นเวลานาน ตั้งแต่ฝนทิ้งช่วงจนเข้าสู่ฤดูร้อน
ทำให้ต้นมันสำปะหลังต้องยืนต้นเหี่ยวเฉา แม้จะเป็นพืชที่ทนแล้ง แต่ก็ต้องการน้ำในการเจริญเติบโตเหมือนพืชอื่นๆ ทุกชนิด ซึ่งเกษตรกรมักจะปลูกในพื้นที่ที่ไม่มีระบบน้ำหรืออยู่นอกเขตชลประทาน การเจริญเติบโตต้องอาศัยน้ำฝน หากเกิดปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน มักจะประสบปัญหาโรคระบาดตามมาด้วย จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายธิติพัทธ์ ชัญถาวร เกษตรอำเภอเสิงสาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกษตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงมันสำปะหลังในพื้นที่ดูแล พบว่า ได้รับผลกระทบจากไรแดงมันสำปะหลังกำลังแพร่ระบาด ซึ่งมักจะเกิดในช่วงฤดูแล้ง โดยไรแดงจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ยอดอ่อนของต้นมันสำปะหลังไหม้ เหี่ยวแห้ง และตายลงในที่สุด
ซึ่งอำเภอเสิงสาง เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมันสำปะหลังมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย มีเกษตรกรมาจดแจ้งขึ้นทะเบียนกับทางเจ้าหน้าที่ ประมาณ 80,000 ไร่ แต่มีการปลูกจริง ไม่ต่ำกว่า 100,000 ไร่ และจากการสำรวจการแพร่ระบาดของไรแดงมันสำปะหลัง ก็พบว่า มีแปลงมันฯ ของเกษตรกรได้รับผลกระทบไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด
เบื้องต้น เกษตรอำเภอเสิงสางได้เร่งแจ้งประชาสัมพันธ์ผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้าน แจ้งให้เกษตรกรได้รับทราบสถานการณ์การระบาดและผลกระทบของไรแดงมันสำปะหลัง เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมตัว และหมั่นเฝ้าระวังตรวจสอบแปลงเกษตรของตนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเร่งรับมือไม่ให้การระบาดลุกลามเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม หากเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้ ไม่มีฝนตกลงมาช่วย คาดว่า การระบาดจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
"แพทองธาร" นำทัพเพื่อไทย เปิดตัวนโยบาย"คนไทยไร้จน-ไทยศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินอาเซียน
https://siamrath.co.th/n/431331
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวนโยบายใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 400 คน ณ ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
นางสาวแพทองธาร กล่าวบนเวทีประกาศความพร้อมพรรคเพื่อไทยที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน ขาดความรู้ ความเท่าทันสถานการณ์โลก เพราะท่ามกลางปัญหาที่ถูกทับถมเอาไว้ หากคิดไม่ใหญ่ เอาไม่อยู่
พรรคเพื่อไทยจึง ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ พร้อมประกาศ 3 นโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
เริ่มจากนโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้คนไทยที่ต้องช่วยเหลือทันที ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้ที่สูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราเติบโตของรายได้ต่อหัวโตช้ากว่าประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท / เดือน เราจะเติมเงินให้ในระยะชั่วคราวไปจนกว่านโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะสำเร็จ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบ รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น แพทองธารเพิ่มเติมว่านโยบายนี้อาจดูเหมือนประชานิยม แต่ความจริงแล้วคือการยกระดับ GDP ประเทศ เงินที่จะใช้ ก็จะมาจากภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ถัดมาในนโยบายที่สองคือการสร้าง Blockchain ที่จะทำให้ไทยการเป็นศูนย์กลาง Fintech (เทคโนโลยีทางการเงิน) ของอาเซียน เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร ตลอดจนการขายสินค้าล่วงหน้า รวมถึงผู้ที่มีความสามารถทางด้านอื่นๆ ก็จะขายผลงานของตนไปทั่วโลกได้สะดวกขึ้น ผ่านระบบที่ง่ายเหมือนแอพพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์
และนโยบายที่สาม แพทองธารได้เน้นย้ำปัญหา PM2.5 ที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยยกภาพถ่ายดาวเทียมของนาซ่า ที่แสดงร่องรอยสีแดงในประเทศไทย และเพื่อนบ้าน อันเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย
จึงต้องมีการแก้ไขร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการเจรจา หาทางออก และการแก้ปัญหา ทั้งยังสนับสนุนการเกษตรให้ใช้การย่อยสลายแทนการเผาเพื่อการเกษตร ในส่วนมลภาวะที่เกิดจากการคมนาคม และอุตสาหกรรม จะใช้นโยบายลดภาษีรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษทางอากาศไม่เกินมาตรฐาน, รถยนต์ไฟฟ้า และเปลี่ยนเครื่องจักรที่ปล่อยมลพิษให้หมดไปโดยเร็ว
ก่อนปิดท้ายการแถลงนโยบาย นางสาวแพทองธารได้ฝากถึงว่าที่ผู้ประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ทั้ง 400 คนให้มีโอกาสได้รับเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภา
“ร่วมสานต่อนโยบายทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยให้สำเร็จ ช่วยกันแก้ปัญหาที่หมักหมมมา 8 ปี ให้เบาบาง และหายไปโดยเร็ว” นางสาวแพทองธาร กล่าว