JJNY : 5in1 ‘ป้านา’แจ้งจับตร.│เพื่อไทยโวยกกต.กทม.│อมรัตน์ฟาดแรง!│หุ้นไทยปิดดิ่ง│เคียฟชี้ 2 รัสเซียล่วงล่วงละเมิดเด็ก

‘ป้านา’ แจ้งจับตร.ชุดรปภ. ‘นายกฯ’ โอดไม่น่าทำรุนแรงข่มขู่ ล็อกตัว ปิดปาก!

"ป้านา" ชาวบ้านโป่ง จ.ราชบุรี แจ้งความตำรวจ ปปป. เอาผิดตำรวจชุดรักษาความปลอดภัย "บิ๊กตู่" จับกุมทำร้ายร่างกาย ยันไม่ได้ตั้งใจไปประท้วง ชี้เจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่ แต่ไม่น่าทำรุนแรงขนาดนี้.
 
 
จากกรณี น.ส.วันทนา โอทอง หรือ ป้านา อายุ 62 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส. เมื่อปี 2562 พรรคเพื่อชาติ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวส่งดำเนินคดี 3 ข้อหา  จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุน ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ที่ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี  ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.วันทนา พร้อมทนายความ เข้าพบ พ.ต.ต.นพพิณฑ์  แก้วอินไชย สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัย พล.อ.ประยุทธ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จับกุมดังกล่าว ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกาย, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา

น.ส.วันทนา เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตั้งใจไปรอพบนายกฯ ที่บริเวณลานจอดรถ เพื่อจะร้องเรียนปัญหาความเป็นอยู่ที่กำลังยากลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเข้ามาถามว่า “มาทำอะไร” ก่อนแนะนำให้ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ซึ่งตนไปมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นไม่นาน มีตำรวจชาย 2 นาย เดินเข้ามาประชิดตัวพร้อมพูดจาข่มขู่และใช้มือบีบที่ข้อมือจนปวด ขณะเดียวกันก็มีตำรวจหญิงเข้ามาโอบตัว และใช้มือปิดปากปิดจมูก จนหายใจไม่ออก ทำให้ตนต้องพยายามดิ้น เผลอใช้มือดึงผม และกัดมือเจ้าหน้าที่ตามที่ปรากฏอยู่ในภาพข่าวเหตุการณ์ โดยเบื้องต้นตนได้รับบาดเจ็บแขนบวมจากการอักเสบ ขาบวมเป็นแผลถลอก แพทย์สั่งให้หยุดงาน จึงทำให้ขาดรายได้

น.ส.วันทนา กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจไปประท้วง หรือนัดหมายรวมตัววางแผนกับกลุ่มหญิงเสื้อดำอีก 2 ราย ที่มีแนวคิดเห็นต่างทางการเมือง เพียงแต่บังเอิญไปพบกันเท่านั้น ส่วนกรณีที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนชาวบ้านให้มารวมตัวรับนายกฯ ก็ไม่ได้เจตนาชวนใครมาประท้วง จึงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าตำรวจทำตามหน้าที่ แต่ไม่น่าทำรุนแรงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม นายกฯ เองก็เป็นคนของประชาชน น่าจะรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย.



ส่อวุ่น! เพื่อไทย โวย กกต.กทม. แบ่งเขตพิลึกพิลั่น ขัดกม. ติงกลายเป็น ส.ส.แขวง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7558063
 
เพื่อไทย ชี้ กกต.กทม. แบ่งเขตเลือกตั้งพิลึกพิลั่น ขัดกฎหมาย ติงส.ส.เขต อาจกลายเป็น ส.ส.แขวง ลั่นพร้อมยืนในที่สว่างให้คน กทม.เลือกทั้ง 33 เขต
 
เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ในเขตพื้นที่ กทม.
 
นายวิชาญ กล่าวว่า การแบ่งเขตต้องคำนึงถึงกฎหมายตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 29 ที่ต้องคำนึงถึงการยึดเขตปกครองเป็นหลัก  ต้องยึดโยงในการเดินทางให้ความสะดวกกับประชาชนมากที่สุด รวมถึงต้องแบ่งเขตที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยได้ท้วงติง กกต.ไปแล้วยืนยันว่า แบบที่ 1 และ 2 จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นเขตเลือกตั้งร่วมอำเภอต่างๆ เป็นเขตเลือกตั้ง
 
กรณีเขตมีนบุรี เขตฝั่งธนบุรี ทำให้เกณฑ์ประชากรการเลือกตั้ง มีความสับสนวุ่นวาย เขตเดียวแต่มีการแบ่งแขวง ส.ส.และประชาชนไม่ได้อะไร ซึ่งจะสร้างความสับสนให้กับผู้อำนวยการเขต ข้าราชการ ที่ต้องไปดูแลในพื้นที่เลือกตั้งด้วย และจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้บัตรเสียเยอะที่สุด การแบ่งเขตแบบที่ 1-2 หากมีคนไปร้องเรียนแล้วประกาศผลการเลือกตั้งไม่ได้ การเลือกตั้งอาจจะกลายเป็นโมฆะ ถ้าเกิดเช่นนี้ทางกกต.จะรับผิดชอบอย่างไร
ขณะที่นายจิรายุ กล่าวว่า พรรคไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ แต่เป็นการให้ข้อสังเกตต่อ กกต. ที่จะออกกฎระเบียบหลังจากนี้ อย่างเขตคลองสามวามี 5 แขวง วันนี้ 2 แขวงถูกผลักไปที่เขตหนองจอก ทั้งนี้ การคิดคำนวณหน่วยเลือกตั้ง และการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้ง กกต.ต้องทำให้ชัดเจนว่าจะนับคะแนนที่ใด นอกจากนี้กรณีบัตรเสียจะเกิดปัญหาอย่างมาก จะเป็นการตัดสิทธิ์ประชาชน
 
ที่ผ่านมาการเลือกผู้แทนราษฎร ไม่มีเหตุผลกลใดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงมากไปกว่านี้ ฝากถึง กกต.หากประกาศเป็นเช่นนั้นจริง ขอให้ประชาสัมพันธ์ประชาชน และเน้นย้ำข้าราชการ ตำรวจ หรือส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อม ไม่ว่าท่านจะมัดมือ มัดแขน ปิดหู ปิดตา ล่ามโซ่เอาไว้ เราจะไปยืนในที่สว่างให้กับประชาชนใน กทม.เลือกทั้ง 33 เขต
 
ด้านน.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า เป็นความกังวลใจของผู้ที่ทำงานการเมือง ส่งถึง กกต.กทม. ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งของกรุงเทพ 4 แบบ โดย กกต.เลือกแบบที่ 1 ซึ่งพรรคได้แสดงความคิดเห็นและพรรคอื่นได้ส่งความคิดเห็นไป กกต.ให้เลือกแบบที่เหมาะสมและเป็นธรรมมากที่สุด
 
ล่าสุด กกต.ออกแบบมาใหม่อีก 4 แบบ ถือเป็นกระบวนการที่อาจไม่ชอบมาพากล เป็นการแบ่งเขตแบบพิลึกพิลั่น หลักการแบ่งเขตควรเป็นไปตาม พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ตามมาตรา 29 ที่การแบ่งเขต จะต้องรวมเขตที่เป็นเขตใหญ่ๆ เข้าด้วยกัน ยึดหลักการมีพื้นที่ติดต่อกัน เพื่อให้เกิดความสะดวกของประชาชนในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ใช่การรวมแขวงเข้าด้วยกัน มิเช่นนั้น ส.ส. จะกลายเป็น ส.ส.แขวงอีกครั้งหนึ่ง สร้างความเดือดร้อน ความลำบาก ความสับสนให้กับประชาชนที่ต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างมาก
 
ขอตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นช่องทางที่ผู้ที่ไม่มีความโปร่งใส หรือตั้งใจทุจริตเลือกตั้ง จะเกิดช่องโหว่ในการกระทำการนั้นๆได้ ล่าสุด มีข่าวบัตรประชาชนใบเดียว แต่มีหลายรายชื่อ น่าสงสัยว่าเหตุใดเกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตถึงกกต.แล้ว
 
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า การแบ่งเขตของ กกต.เข้าทางกลุ่มผู้มีอำนาจเป็นหลักหรือไม่ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น กกต.เป็นองค์กรอิสระที่จะต้องไม่อยู่ภายใต้อำนาจใดๆ วันนี้ศักดิ์ศรีการกระทำของท่านจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าประชาชนจะให้ความเคารพและยอมรับ อยู่ที่ตัวท่านเอง การแบ่งเขตจะต้องเป็นไปโดยหลักของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด สำหรับแบบที่พรรคเห็นว่ามีความเห็นและเป็นไปได้คือแบบที่ 3และ 4 เรายังหวังว่า กกต.จะรับฟังความคิดเห็นเหล่านี้
 

 
อมรัตน์ ฟาดแรง! ตู่ ไร้ภาวะผู้นำ ปิดปากคนเห็นต่าง ลั่นควรเสนอตัวชิงนายกฯหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7558346

อมรัตน์ ฟาดแรง! บิ๊กตู่ ไร้ภาวะผู้นำ ทิ้งนิสัยเดิมไม่ได้ ใช้อำนาจปิดปากคนเห็นต่าง ลั่นสมควรเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่
 
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวกรณีตำรวจเข้าจับกุม นางวันทนา หรือป้านา โดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และตั้ง 3 ข้อหาหนัก ว่า ตนเข้าใจความจำเป็นในหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นำ แต่การใช้กำลังรุนแรงปิดปาก ฉุดกระชากลากถูกับหญิงผู้สูงอายุคนเดียว ต้องถามว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่
  
ทั้งนี้ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นผู้นำที่มีสติปัญญา ควรมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับทีมตนเองว่า เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินควรมีแนวปฏิบัติอย่างไร ต้องมีการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ใช้มุมมองแบบทหาร มองเพื่อนร่วมชาติที่มีจุดยืนการเมืองคนละขั้วเป็นอริราชศัตรู แบบที่มองภัยจากภายนอกประเทศ” นางอมรัตน์ กล่าว
 
นางอมรัตน์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการตั้งข้อกล่าวหาหนักต่อป้านา ว่าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตนอยากถามว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ ไปตรวจราชการที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ หรือใช้ตำแหน่งนายกฯ เป็นข้ออ้างไปติดตามงาน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เพราะรู้กันอยู่ว่าบ้านโป่ง เป็นเขตพื้นที่ส.ส.ย้ายพรรคจากประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของพล.อ.ประยุทธ์
 
นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงคนที่ชู 3 นิ้วว่าให้ไปหาหมอป่วย และมาเพราะต้องการอะไรสักอย่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้นี่ว่าประชาชนที่มารอพบท่าน มาเพราะต้องการอะไรบางอย่าง จึงต้องถามว่าเมื่อทราบแล้ว ในฐานะผู้นำเคยออกมารับฟังพวกเขาหรือไม่ และขนาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ ทั้งที่มีบทเรียนอยู่แล้ว
 
การที่นักการเมือง ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะไปที่ไหน จะมีคนสนับสนุน เห็นด้วย คัดค้าน เป็นเรื่องปกติ แต่การใช้อำนาจปิดปากผู้ที่ออกมาแสดงออกเช่นนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีภาวะผู้นำในการจัดการเรื่องพวกนี้เลย วันนี้กำลังจะออกจากหมวกผู้นำเผด็จการ มาลงสนามเลือกตั้งแล้ว แต่ยังละนิสัยเดิมไม่ได้ จึงอยากถามว่าคนที่ไม่มีภาวะผู้นำแบบนี้ สมควรเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่” นางอมรัตน์ กล่าว
 
นางอมรัตน์ กล่าวว่า การแสดงออกเช่นนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนให้เห็นตัวตนของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ลุแก่อำนาจ เป็นผู้นำที่เผด็จการอำนาจนิยม มีลักษณะโอหังคลั่งอำนาจ ตรงตามญัตติพรรคฝ่ายค้านที่ได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ จนถึงวันเลือกตั้ง
 
ช่องคอมเมนต์คุณก็ปิด จะให้ประชาชนไปแสดงออกที่ไหน อยากให้เปิดช่องคอมเมนต์ ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาตะโกน ในโซเชียลมีเดียคุณปิดช่องคอมเมนต์ ประชาชนพูดผ่านตัวแทนในสภาก็โดนประธานปิดไมค์ คิดหรือว่าจะใช้วิธีนี้สยบประชาชน แจ้ง 3 ข้อหาหนักเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู วิธีนี้ไม่ได้ผล มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ก้าวข้ามความกลัว เพราะความคับแค้นที่สะสมมานาน การปกครองด้วยความกลัวใช้ไม่ได้ผล ไม่ใช่ทุกคนจะสยบยอมกับอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์” นางอมรัตน์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่