สวัสดีครับวันนี้ผมได้เจอกับคำว่า อย่ามีใครเพียงเพราะ ไม่มีใคร เป็นคำที่ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันถูกต้องแต่ ผมกับมีคำถามครับ
ถ้าสมมติว่าการที่เราไม่มีใครและในปัจจุบันเรามั่นใจในตัวเองว่าเรานั้นสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองแล้วแต่พอถึงช่วงนึง เราต้องการหาคู่ครองหรือแฟนหรือภรรยาเพื่อที่จะมาสร้างครอบครัวแล้วตอนไหนล่ะที่จะเหมาะสม
ผมพยามทำความเข้าใจกับความหมายนี้และใช้กับตัวเองกับ คำ คำนี้ที่ผมตั้งกระทู้ผลกระทบที่ได้รับก็คือความเหงาการที่ต้องอยู่คนเดียว อาจจะมีเพื่อนบ้างแต่มันไม่ได้มาเติมความรู้สึกของเราให้มันฟูฟิว ใช่ครับถ้าคนบางคนนั้นได้อ่านกระทู้ของผมมาจนถึงบรรทัดนี้ ก็คงจะคิดว่าผมคงทนเหงาไม่ได้หรือป่าว แต่ไม่ใช่เลยครับ ผมยังทนได้และยังสามารถทนต่อไปได้ แต่คำถามมันกับกายเป็นว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ ที่เราจะพร้อมมีใคร หรือเปิดใจหรือหาใคร
ผมพยามคิดว่าการเปิดใจการหาใครในมุมมองของผู้ชายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่เราจะอยู่เฉยเฉย แล้วจะมีผู้หญิงเข้ามา โดยธรรมชาติแล้วคนที่เป็นผู้ชายควรจะเดินเข้าไปหาทำความรู้จักและทักทาย ไอ้คำว่าอย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใครนั้นมันยังติดในหัวผม จนทำให้บางครั้งก็รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ไปก่อนดีไหม เดี๋ยวจะวุ่นวายเอานะ! พร้อมหรือยังละ? เคยถามตัวเองบ่อยบ่อยกับคำนี้ แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบกลับมาว่าอยู่คนเดียวนี่แหละชินแล้ว และมันก็ไม่ได้แย่
เรากลับมากับปัญหาที่ผมจะถามในกระทู้นี้ครับ ว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เราจะบอกตัวเองได้ว่าเราเต็ม 100 แล้วเราสามารถเอาคนอื่นเข้ามาได้ โดยที่จะไม่วุ่นวาย จะไม่ทำให้เรามีปัญหา จะไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดเขาไปไม่ได้ แล้ววันไหนล่ะ ที่เราจะพร้อมเดินเข้าไปหาผู้หญิงสักคนนึง ทำความรู้จักกับเขา หรือพร้อมที่จะบอกว่า ผมอยากเรียนรู้กับคุณจังเลยครับ
ผมติดกับคำว่า "อย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใคร" อยู่ในหัวมาเกือบ 3-4 ปี แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากเดินเข้าไปหาใครเลย มันมีแต่เรายึดมั่นกับการที่จะโฟกัสตัวเราเองในการที่ทำให้ตัวเรานั้นเต็ม 100 ซะก่อน จนบางครั้งก็รู้สึกว่าหรือมันเป็นเพราะว่าเราเองยึดติดกับคำนี้มากเกินไป จนทำให้เราสูญเสียโอกาสบางอย่างไป
ผมพยายามให้คำตอบกับตัวเองง่ายๆและสั้นๆว่า เดี๋ยวมีมามันก็มาเองนั่นแหละ ไม่ต้องรีบไม่ต้องหาหรอก แล้วมันจะต้องรออีกนานแค่ไหนกันหรอครับ ปละมันคงไม่ใช่ง่ายๆหรอกที่อีกฝ่ายที่เราถูกใจ จะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเราเอง และถ้าเราไม่ลองเปิดใจเลย เราไม่ลองหาเลย เรามัวแต่ติดคำว่าอย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใคร แล้วตอนไหนล่ะ ที่เราจะได้เจอกับใครสักคนสักที และอีกอย่างคุณเชื่อไหม โอกาสน้อยมากจริงๆที่คนเราจะเจอใครสักคนและได้รักกันและแต่งงาน อยู่กินกัน คือผมหมายถึงว่า มันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สำหรับความรัก แล้วถ้าเรายังมัวแต่รอให้ตัวเองนั้น 100% ครบเพียบพร้อมไปทุกอย่าง แล้วตอนไหนละ ที่เราจะได้เรียนรู้กับความรักสักที คุณว่าไหม
แล้วเพื่อนเพื่อนล่ะครับพอได้อ่านกระทู้ของผมแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างและมีใครบ้าง ที่ยังใช้คำนี้และปัจจุบันนั้นยังได้ใช้อยู่หรือเปล่า ปัจจุบันเหงา ยังอยู่คนเดียวอยู่ไหม และมีคำถามหรือความรู้สึกแบบผมไหม
ปล.ปัจจุบัน อายุ 32 ปี อาชีพพนังการบริษัท มีครอบครัวที่อบอุ่น สามารถอยู่แบบนี้ต่อไปได้ แต่แค่สงสัยวและมีคำถามเหมือนที่เขียนไว้ด้านบนครับ
อย่ามีใครเพียงเพราะ ไม่มีใคร คำนี้ดี แต่! ต้องรอถึงตอนไหนละ ?
ถ้าสมมติว่าการที่เราไม่มีใครและในปัจจุบันเรามั่นใจในตัวเองว่าเรานั้นสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองแล้วแต่พอถึงช่วงนึง เราต้องการหาคู่ครองหรือแฟนหรือภรรยาเพื่อที่จะมาสร้างครอบครัวแล้วตอนไหนล่ะที่จะเหมาะสม
ผมพยามทำความเข้าใจกับความหมายนี้และใช้กับตัวเองกับ คำ คำนี้ที่ผมตั้งกระทู้ผลกระทบที่ได้รับก็คือความเหงาการที่ต้องอยู่คนเดียว อาจจะมีเพื่อนบ้างแต่มันไม่ได้มาเติมความรู้สึกของเราให้มันฟูฟิว ใช่ครับถ้าคนบางคนนั้นได้อ่านกระทู้ของผมมาจนถึงบรรทัดนี้ ก็คงจะคิดว่าผมคงทนเหงาไม่ได้หรือป่าว แต่ไม่ใช่เลยครับ ผมยังทนได้และยังสามารถทนต่อไปได้ แต่คำถามมันกับกายเป็นว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ ที่เราจะพร้อมมีใคร หรือเปิดใจหรือหาใคร
ผมพยามคิดว่าการเปิดใจการหาใครในมุมมองของผู้ชายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่เราจะอยู่เฉยเฉย แล้วจะมีผู้หญิงเข้ามา โดยธรรมชาติแล้วคนที่เป็นผู้ชายควรจะเดินเข้าไปหาทำความรู้จักและทักทาย ไอ้คำว่าอย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใครนั้นมันยังติดในหัวผม จนทำให้บางครั้งก็รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ไปก่อนดีไหม เดี๋ยวจะวุ่นวายเอานะ! พร้อมหรือยังละ? เคยถามตัวเองบ่อยบ่อยกับคำนี้ แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบกลับมาว่าอยู่คนเดียวนี่แหละชินแล้ว และมันก็ไม่ได้แย่
เรากลับมากับปัญหาที่ผมจะถามในกระทู้นี้ครับ ว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เราจะบอกตัวเองได้ว่าเราเต็ม 100 แล้วเราสามารถเอาคนอื่นเข้ามาได้ โดยที่จะไม่วุ่นวาย จะไม่ทำให้เรามีปัญหา จะไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดเขาไปไม่ได้ แล้ววันไหนล่ะ ที่เราจะพร้อมเดินเข้าไปหาผู้หญิงสักคนนึง ทำความรู้จักกับเขา หรือพร้อมที่จะบอกว่า ผมอยากเรียนรู้กับคุณจังเลยครับ
ผมติดกับคำว่า "อย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใคร" อยู่ในหัวมาเกือบ 3-4 ปี แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากเดินเข้าไปหาใครเลย มันมีแต่เรายึดมั่นกับการที่จะโฟกัสตัวเราเองในการที่ทำให้ตัวเรานั้นเต็ม 100 ซะก่อน จนบางครั้งก็รู้สึกว่าหรือมันเป็นเพราะว่าเราเองยึดติดกับคำนี้มากเกินไป จนทำให้เราสูญเสียโอกาสบางอย่างไป
ผมพยายามให้คำตอบกับตัวเองง่ายๆและสั้นๆว่า เดี๋ยวมีมามันก็มาเองนั่นแหละ ไม่ต้องรีบไม่ต้องหาหรอก แล้วมันจะต้องรออีกนานแค่ไหนกันหรอครับ ปละมันคงไม่ใช่ง่ายๆหรอกที่อีกฝ่ายที่เราถูกใจ จะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเราเอง และถ้าเราไม่ลองเปิดใจเลย เราไม่ลองหาเลย เรามัวแต่ติดคำว่าอย่ามีใครเพียงเพราะไม่มีใคร แล้วตอนไหนล่ะ ที่เราจะได้เจอกับใครสักคนสักที และอีกอย่างคุณเชื่อไหม โอกาสน้อยมากจริงๆที่คนเราจะเจอใครสักคนและได้รักกันและแต่งงาน อยู่กินกัน คือผมหมายถึงว่า มันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สำหรับความรัก แล้วถ้าเรายังมัวแต่รอให้ตัวเองนั้น 100% ครบเพียบพร้อมไปทุกอย่าง แล้วตอนไหนละ ที่เราจะได้เรียนรู้กับความรักสักที คุณว่าไหม
แล้วเพื่อนเพื่อนล่ะครับพอได้อ่านกระทู้ของผมแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างและมีใครบ้าง ที่ยังใช้คำนี้และปัจจุบันนั้นยังได้ใช้อยู่หรือเปล่า ปัจจุบันเหงา ยังอยู่คนเดียวอยู่ไหม และมีคำถามหรือความรู้สึกแบบผมไหม
ปล.ปัจจุบัน อายุ 32 ปี อาชีพพนังการบริษัท มีครอบครัวที่อบอุ่น สามารถอยู่แบบนี้ต่อไปได้ แต่แค่สงสัยวและมีคำถามเหมือนที่เขียนไว้ด้านบนครับ