พระพุทธเจ้าตรัสกับพระจุลปันถกว่า “ดูกรจุลปันถก จิตนี้ประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสจรเข้ามา”

พระพุทธเจ้าตรัสกับพระจุลปันถกว่า
“ดูกรจุลปันถก จิตนี้ประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสจรเข้ามา”

ประภัสสร = ประภา + อัสสร
ประภา แปลว่า แสงสว่าง
อัสสร แปลว่า ซ่านไป
นั่นคือ จิตนี้มีแสงสว่างซ่านไป

ดังนั้น จิตนี้มีสภาพเรืองแสงอยู่ในสภาพของมัน เมื่อฝึกจิต ทำกรรมฐาน โดยการสำนึกรู้ ลมหายใจ หรือ พุทโธ เป็นการฝึกจิตเข้าสู่ภายในกาย
เมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิมักเห็นแสงสว่างแวบๆวาบๆ
พอจิตรวมตัวมีการทรงตัวพอสมควร จะเห็นเป็นสภาวะเรืองแสงอยู่
พอจิตตั้งมั่นเป็นหนึ่งมีเสถียรภาพสูง (เอกคัตตา) จะเห็นเป็นดวงสว่างไสว อย่างเดียวกับหลวงปู่มั่น เรียกว่า ดวงแก้วภายในนั่นเอง


“พุทโธ เป็นดวงแก้วใหญ่ไหม” หัวหน้าหมู่บ้านถาม

“ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พอดีกับเราและกับพวกสูนั่นแหละ ใครหา พุทโธ พบคนนั้นจะเป็นผู้ประเสริฐ มีตาทิพย์มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง” พระอาจารย์มั่นตอบ

“มองเห็นนรกสวรรค์ได้ไหมตุ๊เจ้า”

“มองเห็นซิ ถ้ามองไม่เห็นจะเรียกว่าเป็นดวงแก้ววิเศษได้ยังไง”

“ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย มองเห็นได้ไหมตุ๊เจ้า”

“เห็นซี เห็นหมดทุกอย่างถ้าต้องการอยากเห็น”

“ดวงแก้วพุทโธนี้สว่างมากไหมตุ๊เจ้า”

“สว่างมาก สว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ตั้งร้อยดวงพันดวงเพราะพระอาทิตย์ไม่สามารถส่องให้เห็นนรกสวรรค์ได้ แต่ดวงพุทโธสามารถส่องเห็นหมด” พระอาจารย์มั่นตอบอย่างอารมณ์ดี

“ผู้หญิงช่วยหาดวงแก้วพุทโธได้ไหมตุ๊เจ้า ” เขาถาม

“ได้ซี ผู้หญิงก็หาได้ เด็ก ๆ ก็ช่วยกันหาได้”

“ดวงแก้วพุทโธประเสริฐในทางใดบ้าง กันผีได้ไหม”

“ดวงแก้วพุทโธประเสริฐใช้ได้หลายทางจนนับไม่ถ้วน ผีสางเทวดาต้องยอมกราบพุทโธทั้งนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าดวงแก้วพุทโธ ผีกลัวพุทโธมากต้องกราบพุทโธ ใครหาพุทโธแม้ยังไม่พบ ผีก็เริ่มกลัวแล้ว” พระอาจารย์มั่นตอบยิ้ม ๆ

“พุทโธเป็นดวงแก้วสีอะไรตุ๊เจ้า” หัวหน้าหมู่บ้านถาม

“พุทโธเป็นดวงแก้วสว่างไสว มีหลายสีจนนับไม่ถ้วน พุทโธนี้เป็นสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทโธเป็นองค์แห่งความรู้สว่างไสวไม่เป็นวัตถุ พระพุทธเจ้าท่านมอบไว้ให้เราหลายปีแล้ว แต่เราเองยังหาพุทโธที่ท่านมอบให้ยังไม่เจอ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน แต่จะอยู่ที่ไหนไม่สำคัญนัก ที่สำคัญก็คือ ถ้าพวกสูจะพากันช่วยเราหาพุทโธจริง ๆ ให้พากันนั่งหรือเดินนึกในใจว่าพุทโธ ๆ ๆ อยู่ภายในใจโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตส่งออกนอกกาย ให้รู้อยู่กับคำว่าพุทโธเท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้พวกสูอาจเจอพุทโธก่อนเราก็ได้”

“การนั่งหรือเดินหาพุทโธจะให้นั่งหรือเดินนานเท่าไรถึงจะพบพุทโธแล้วหยุดได้ตุ๊เจ้า”

“ให้นั่งหรือเดินเพียงชั่วหม้อข้าวเดือดจนสุกหรือนาน กว่านั้นก่อน สำหรับผู้ตามหาพุทโธทีแรก พุทโธท่านยังไม่อยากจะให้เราตามหาท่านนานนัก กลัวจะเหนื่อยแล้วตามพุทโธไม่ทัน เดี๋ยวจะขี้เกียจเสียก่อน ทีหลังจะอยากตามหาท่านแล้วเลยจะไม่พบท่าน เอาเพียงเท่านี้ก่อน ถ้าอธิบายมากกว่านี้จะจำวิธีไม่ได้แล้วตามหาพุทโธไม่ พบ” พระอาจารย์มั่นให้อรรถาธิบาย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่