การกำหนดดูลมหายใจ หรือ ภาวนา พุทโธ
มิใช่การดู ลมหายใจ หรือท่อง พุทโธ
แต่เป็นการสำนึกรู้ ลมหายใจ และสำนึกรู้ พุทโธ
เมื่อสำนึกรู้ ลมหายใจ หรือ พุทโธ จนจิตละเอียดเป็นสมาธิ ลมหายใจ หรือ พุทโธ จะแผ่วเบาแล้วหายไป
เหลือแต่ สภาวะรู้ลอยอยู่ โล่งๆ บางคนเห็นเป็นดวงแก้วสว่างไสว หรือเห็นเรืองแสง แล้วแต่ แต่ละคนไม่มีถูกผิด
ประคองสภาวะรู้แล้วเพิกขอบเขต รู้อากาศไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกเวิ้งว้างหาขอบเขตไม่ได้ มันว่างไปหมดเหมือนครอบทั้งจักรวาล เรียกว่า อากาสานัญจายตนฌาน
กำหนดสภาวะรู้เป็น วิญญานธาตุล้วนๆ แผ่ไปไม่มีขอบเขต เรียกว่า วิญญาญัญจายตนฌาน
กำหนดรู้ว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องอธิบาย ไม่มีอะไรในสภาวะนั้น เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาน
เลิกการกำหนดทั้งปวง ไม่กำหนดใดๆทั้งสิ้น จนเงียบไปเหมือนกับหายไป เข้าไปสู่สภาวะเงียบ เหมือนหายไปในสภาวะนั้น เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
การกำหนดดูลมหายใจ หรือ ภาวนา พุทโธ มิใช่การดู ลมหายใจ หรือท่อง พุทโธ
มิใช่การดู ลมหายใจ หรือท่อง พุทโธ
แต่เป็นการสำนึกรู้ ลมหายใจ และสำนึกรู้ พุทโธ
เมื่อสำนึกรู้ ลมหายใจ หรือ พุทโธ จนจิตละเอียดเป็นสมาธิ ลมหายใจ หรือ พุทโธ จะแผ่วเบาแล้วหายไป
เหลือแต่ สภาวะรู้ลอยอยู่ โล่งๆ บางคนเห็นเป็นดวงแก้วสว่างไสว หรือเห็นเรืองแสง แล้วแต่ แต่ละคนไม่มีถูกผิด
ประคองสภาวะรู้แล้วเพิกขอบเขต รู้อากาศไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกเวิ้งว้างหาขอบเขตไม่ได้ มันว่างไปหมดเหมือนครอบทั้งจักรวาล เรียกว่า อากาสานัญจายตนฌาน
กำหนดสภาวะรู้เป็น วิญญานธาตุล้วนๆ แผ่ไปไม่มีขอบเขต เรียกว่า วิญญาญัญจายตนฌาน
กำหนดรู้ว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องอธิบาย ไม่มีอะไรในสภาวะนั้น เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาน
เลิกการกำหนดทั้งปวง ไม่กำหนดใดๆทั้งสิ้น จนเงียบไปเหมือนกับหายไป เข้าไปสู่สภาวะเงียบ เหมือนหายไปในสภาวะนั้น เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน