จับตา! ศาลรธน. ถกชี้ขาดสูตรคิดคำนวณส.ส. นับรวมต่างด้าวหรือไม่ กกต.พร้อมแล้ว
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7540432
ศาลรธน. ประชุมชี้ขาดสูตรคิดคำนวณส.ส. นับรวมราษฎรต่างด้าวหรือไม่ กกต.เตรียมแผนรับคำวินิจฉัย สั่งกกต.จังหวัดแล้ว เผยมี 8 จังหวัดมีส.ส.เพิ่ม-ลดลง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มี.ค.2566 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจในการประกาศจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 ซึ่งคิดคำนวณจำนวนส.ส. โดยนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่สำนักทะเบียนกลางประกาศ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 มาใช้คิดคำนวณส.ส.แบบแบ่งเขต
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการวินิจฉัย มี 2 แนวทาง คือ 1.การดำเนินการของ กกต.ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว การจัดการเลือกตั้งที่เตรียมไว้ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ 2.ศาลชี้ว่าไม่สามารถนำคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดและแบ่งเขตเลือกตั้งได้ ทำให้ กกต.ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ในการคำนวณจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดและการแบ่งเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ สำนักงาน กกต. ได้เตรียมแผนรองรับคำวินิจฉัยไว้แล้วทุกทาง โดยแจ้งให้ กกต.แต่ละจังหวัดดำเนินการแผนรองรับในการคำนวณใหม่
หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่ให้นับราษฎรที่ไม่ใช่สัญชาติไทย จะมีผลกระทบต่อจำนวนราษฎรที่แบ่งเขตไว้ร้อยละ 10 ส่งผลทำให้มี 8 จังหวัดมีความเปลี่ยนแปลง คือ 4 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.ลดลง คือ 1.ตาก 2.เชียงราย 3.เชียงใหม่ และ 4.สมุทรสาคร
ส่วนจังหวัดที่จำนวน ส.ส. เพิ่ม คือ 1.อุดรธานี 2.ลพบุรี 3.นครศรีธรรมราช และ 4.ปัตตานี จากการคำนวณ โดยนำเฉพาะจำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั้งชายและหญิงทั่วประเทศ 65,106,481 หารด้วย 400 เขต จะมีค่าเฉลี่ยประชากรต่อ 1 เขต คือ 162,766 ซึ่งเดิมค่าเฉลี่ยที่นับรวมราษฎรที่นับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยด้วยคือ 165,226 คนต่อเขต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.ได้ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยครบทุกจังหวัดทั้ง 400 เขตแล้ว หากศาลวินิจฉัยว่าการดำเนินการของ กกต.ถูกต้อง จะส่งรูปแบบการแบ่งเขต 400 เขต ไปประกาศราชกิจจานุเบกษา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งฮาทั้งเซ็ง ป้าชัยนาทยืนยันตัวตนบัตรคนจนไม่ผ่าน เหตุหน้าไม่เหมือนในบัตรประชาชน
https://www.matichon.co.th/region/news_3853754
ทั้งฮาทั้งเซ็ง ป้าชัยนาทยืนยันตัวตนบัตรคนจนไม่ผ่าน เหตุหน้าไม่เหมือนในบัตรประชาชน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 บรรยากาศการเข้ายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐวันที่ 3 ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาชัยนาท ในตัวเมืองชัยนาท มีประชาชนมารอเข้ารับบัตรคิวตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเมื่อธนาคารเปิดประตูเวลา 07.30 น.ก็พากันเข้าลงชื่อลำดับคิว
โดยในวันนี้นาง
จิตรา เข็มทอง อายุ 65 ปี ชาว อ.สรรพยา ได้คิวที่ 1 นางจิตราเปิดเผยว่า ตนออกจากบ้านมารอที่หน้าธนาคารตั้งแต่ 06.00 น. เพราะอยากเป็นคิวต้นๆ เพื่อจะได้เสร็จธุระก่อนเที่ยงวัน แต่ที่ตนมาวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อวานตนได้มาแล้ว 1 รอบโดยไปที่ธนาคารออมสิน สาขาชัยนาท แต่ว่าไม่สามารถยืนยันตัวตนผ่านได้ เพราะติดปัญหาใบหน้าปัจจุบันของตน สแกนแล้วไม่ตรงกับรูปใบหน้าในบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้มาทำรายการที่ธนาคารกรุงไทย ตนจึงต้องมาใหม่ในวันนี้
นาง
จิตราบอกว่า ปัญหาสแกนหน้าไม่ผ่านตนทั้งขำตัวเอง และก็ทั้งเซ็งในอารมณ์ปนๆ กัน เพราะทำให้เสียเวลามาถึง 2 วัน และหวังว่าวันนี้จะสามารถสแกนหน้าผ่านยืนยันตัวตนรับสิทธิ์ได้สำเร็จ เพราะจะได้เอาสิทธิ์ตามโครงการไปซื้อข้าวของมากินใช้ในบ้าน
ตัวท็อปทั้งนั้น เพื่อไทย เปิดตัว ดรีมทีมเศรษฐกิจ “หมอมิ้ง” คุมบังเหียน “เศรษฐา” ที่ปรึกษา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7540422
ตัวท็อปทั้งนั้น เพื่อไทย เปิดตัว ดรีมทีมเศรษฐกิจ “หมอมิ้ง” คุมบังเหียน “เศรษฐา” นั่งที่ปรึกษา พร้อมอาสากอบกู้ศก.ไทยให้ฟื้นอีกครั้ง
วันที่ 3 มี.ค.2566 นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ โดยมี นพ.
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นประธาน พร้อมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจด้านต่างๆ ได้แก่ นาย
พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบาย 3 นายกฯ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นาย
ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ นาย
ปานปรีย์ มหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้า และที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศมาร่วมเป็นที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังมี นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธาน
นพ.
พรหมินทร์ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ส่งผลทำให้ประชาชนไทยทุกข์ยากต่อเนื่องมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา การต่อสู้ในสงครามเศรษฐกิจในครั้งนี้ ต้องเข้าใจปัญหา เท่าทันสถานการณ์ และภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกมิติ พรรคจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศในด้านต่างๆ มาให้คำปรึกษา และร่วมเป็นกรรมการ
อาทิ นายสัตวแพทย์
ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตร ที่จะแปรเปลี่ยนผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรายได้ นาย
พงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ อดีตผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับบุคลากรที่หลากหลายและนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย เช่น นายจั
กรพงษ์ แสงมณี นักธุรกิจผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพท. อดีตผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าการลงทุนชายแดน นาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
“
คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคพท.จะเป็นแกนกลางระดมความรู้ ความสามารถและความร่วมมือในการกอบกู้และบริหารให้เศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น หากเปรียบการบริหารเศรษฐกิจของประเทศเป็นเหมือนบริหารบริษัท ก็ต้องเป็นบริษัทที่ประชาชนทุกคนเป็นผู้ถือหุ้น ประโยชน์ต้องนำมาแบ่งปันแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ใช่บริหารประเทศให้ประโยชน์แก่พี่น้องและพรรคพวกของตน โดยทอดทิ้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล เราจะกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศไทยให้ฟื้นแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง เพราะเราเคยทำมาแล้ว” นพ.
พรหมินทร์ กล่าว
JJNY : จับตา! ศาลรธน.│ป้าชัยนาทยืนยันตัวตนบัตรคนจนไม่ผ่าน│เพื่อไทยเปิดตัว ดรีมทีมศก.│หนุ่มรัสเซียติดในสนามบินเกาหลีใต้
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7540432
ศาลรธน. ประชุมชี้ขาดสูตรคิดคำนวณส.ส. นับรวมราษฎรต่างด้าวหรือไม่ กกต.เตรียมแผนรับคำวินิจฉัย สั่งกกต.จังหวัดแล้ว เผยมี 8 จังหวัดมีส.ส.เพิ่ม-ลดลง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มี.ค.2566 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจในการประกาศจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 ซึ่งคิดคำนวณจำนวนส.ส. โดยนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่สำนักทะเบียนกลางประกาศ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 มาใช้คิดคำนวณส.ส.แบบแบ่งเขต
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการวินิจฉัย มี 2 แนวทาง คือ 1.การดำเนินการของ กกต.ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว การจัดการเลือกตั้งที่เตรียมไว้ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ 2.ศาลชี้ว่าไม่สามารถนำคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดและแบ่งเขตเลือกตั้งได้ ทำให้ กกต.ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ในการคำนวณจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดและการแบ่งเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ สำนักงาน กกต. ได้เตรียมแผนรองรับคำวินิจฉัยไว้แล้วทุกทาง โดยแจ้งให้ กกต.แต่ละจังหวัดดำเนินการแผนรองรับในการคำนวณใหม่
หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่ให้นับราษฎรที่ไม่ใช่สัญชาติไทย จะมีผลกระทบต่อจำนวนราษฎรที่แบ่งเขตไว้ร้อยละ 10 ส่งผลทำให้มี 8 จังหวัดมีความเปลี่ยนแปลง คือ 4 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.ลดลง คือ 1.ตาก 2.เชียงราย 3.เชียงใหม่ และ 4.สมุทรสาคร
ส่วนจังหวัดที่จำนวน ส.ส. เพิ่ม คือ 1.อุดรธานี 2.ลพบุรี 3.นครศรีธรรมราช และ 4.ปัตตานี จากการคำนวณ โดยนำเฉพาะจำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั้งชายและหญิงทั่วประเทศ 65,106,481 หารด้วย 400 เขต จะมีค่าเฉลี่ยประชากรต่อ 1 เขต คือ 162,766 ซึ่งเดิมค่าเฉลี่ยที่นับรวมราษฎรที่นับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยด้วยคือ 165,226 คนต่อเขต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.ได้ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยครบทุกจังหวัดทั้ง 400 เขตแล้ว หากศาลวินิจฉัยว่าการดำเนินการของ กกต.ถูกต้อง จะส่งรูปแบบการแบ่งเขต 400 เขต ไปประกาศราชกิจจานุเบกษา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งฮาทั้งเซ็ง ป้าชัยนาทยืนยันตัวตนบัตรคนจนไม่ผ่าน เหตุหน้าไม่เหมือนในบัตรประชาชน
https://www.matichon.co.th/region/news_3853754
ทั้งฮาทั้งเซ็ง ป้าชัยนาทยืนยันตัวตนบัตรคนจนไม่ผ่าน เหตุหน้าไม่เหมือนในบัตรประชาชน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 บรรยากาศการเข้ายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐวันที่ 3 ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาชัยนาท ในตัวเมืองชัยนาท มีประชาชนมารอเข้ารับบัตรคิวตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเมื่อธนาคารเปิดประตูเวลา 07.30 น.ก็พากันเข้าลงชื่อลำดับคิว
โดยในวันนี้นางจิตรา เข็มทอง อายุ 65 ปี ชาว อ.สรรพยา ได้คิวที่ 1 นางจิตราเปิดเผยว่า ตนออกจากบ้านมารอที่หน้าธนาคารตั้งแต่ 06.00 น. เพราะอยากเป็นคิวต้นๆ เพื่อจะได้เสร็จธุระก่อนเที่ยงวัน แต่ที่ตนมาวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อวานตนได้มาแล้ว 1 รอบโดยไปที่ธนาคารออมสิน สาขาชัยนาท แต่ว่าไม่สามารถยืนยันตัวตนผ่านได้ เพราะติดปัญหาใบหน้าปัจจุบันของตน สแกนแล้วไม่ตรงกับรูปใบหน้าในบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้มาทำรายการที่ธนาคารกรุงไทย ตนจึงต้องมาใหม่ในวันนี้
นางจิตราบอกว่า ปัญหาสแกนหน้าไม่ผ่านตนทั้งขำตัวเอง และก็ทั้งเซ็งในอารมณ์ปนๆ กัน เพราะทำให้เสียเวลามาถึง 2 วัน และหวังว่าวันนี้จะสามารถสแกนหน้าผ่านยืนยันตัวตนรับสิทธิ์ได้สำเร็จ เพราะจะได้เอาสิทธิ์ตามโครงการไปซื้อข้าวของมากินใช้ในบ้าน
ตัวท็อปทั้งนั้น เพื่อไทย เปิดตัว ดรีมทีมเศรษฐกิจ “หมอมิ้ง” คุมบังเหียน “เศรษฐา” ที่ปรึกษา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7540422
ตัวท็อปทั้งนั้น เพื่อไทย เปิดตัว ดรีมทีมเศรษฐกิจ “หมอมิ้ง” คุมบังเหียน “เศรษฐา” นั่งที่ปรึกษา พร้อมอาสากอบกู้ศก.ไทยให้ฟื้นอีกครั้ง
วันที่ 3 มี.ค.2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นประธาน พร้อมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจด้านต่างๆ ได้แก่ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบาย 3 นายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ นายปานปรีย์ มหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้า และที่ปรึกษานายกฯ ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศมาร่วมเป็นที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ เป็นรองประธาน
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนสงครามเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ ส่งผลทำให้ประชาชนไทยทุกข์ยากต่อเนื่องมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา การต่อสู้ในสงครามเศรษฐกิจในครั้งนี้ ต้องเข้าใจปัญหา เท่าทันสถานการณ์ และภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกมิติ พรรคจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศในด้านต่างๆ มาให้คำปรึกษา และร่วมเป็นกรรมการ
อาทิ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตร ที่จะแปรเปลี่ยนผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรายได้ นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ อดีตผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับบุคลากรที่หลากหลายและนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย เช่น นายจักรพงษ์ แสงมณี นักธุรกิจผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพท. อดีตผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าการลงทุนชายแดน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
“คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคพท.จะเป็นแกนกลางระดมความรู้ ความสามารถและความร่วมมือในการกอบกู้และบริหารให้เศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น หากเปรียบการบริหารเศรษฐกิจของประเทศเป็นเหมือนบริหารบริษัท ก็ต้องเป็นบริษัทที่ประชาชนทุกคนเป็นผู้ถือหุ้น ประโยชน์ต้องนำมาแบ่งปันแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ใช่บริหารประเทศให้ประโยชน์แก่พี่น้องและพรรคพวกของตน โดยทอดทิ้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากพรรคพท.เป็นรัฐบาล เราจะกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศไทยให้ฟื้นแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง เพราะเราเคยทำมาแล้ว” นพ.พรหมินทร์ กล่าว