อย่าง Volvo ก้าวเร็วกว่าคาดในการเปลี่ยนผ่านเป็นรถไฟฟ้า โดยปี 2025 อาจจำหน่ายเฉพาะ BEV แล้ว ทั้งที่เดิมตั้งเป้าไว้ปี 2030
https://workpointtoday.com/volvo-thailand-sale-growth-71-percent-in-2022/
ในต่างประเทศ Volvo PHEV ขายดีมาก
ทำให้อัตราส่วน BM:MB:VV ออกใหม่ ในประเทศพัฒนาแล้วทั้ง US / Europe / Japan เป็น 2:2:1
VV PHEV ขับสี่ เน้นขับหน้าก็ได้ ขับหลังอย่างเดียวก็ได้ เป็นเหตุนึงที่ทำให้ขายดีกว่า PHEV เจ้าตลาด
ส่วนตัว ใช้ VV Wagon ซึ่งพอใส่ค้ำโช้คตัวไม่กี่พันแล้ว เก็บโค้งได้ดีเท่ากับ BM Sedan ที่ค้ำโช้คติดมาจากโรงงาน นุ่มพอ ๆ กับ MB SUV ครอบครัว
(ทั้งสามคัน ผมขับเทียบกันระยะยาว ไม่ใช่แค่ลองครั้งเดียว)
ถ้าดูใน Korea ที่ทั้ง Hyundai และ Kia เป็นรถดีมากทั้งคู่ Volvo กลับมียอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวจากปี 2010
https://www.kedglobal.com/automobiles/newsView/ked202302200022
ส่วน BEV ก็คงรู้กันว่ามีข้อเสียนึง คือ ขับไม่ดีเท่าสันดาปภายใน แบตมัน(กระจาย)น้ำหนักทำให้ Handling เสีย
นี่คืออีกเหตุผล ที่คนชอบขับรถ ซื้อ (VV) PHEV สนุก / สบาย กว่า
VV PHEV แบตวางกลางรถ รถสมดุลและนิ่ง / นิ่ม / แน่นมาก
สำหรับเมืองไทย PHEV แม้สะดวกกว่า BEV หลายกรณี เช่น ออกต่างจังหวัด หากแต่บางคนกลัวค่าบำรุงรักษา
ผมจ่ายจริงแล้ว และ คำนวณไปข้างหน้าแล้ว พอกันครับ และถ้าใช้รถน้อย PHEV บำรุงรักษาถูกกว่าด้วย
เริ่มต้นจาก อย่าง ของเหลวและกรอง ปีละไม่กี่พัน ผ่านสามปีแรกก็ใช้ร้าน BOSCH ถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง
1. BEV กับ PHEV ระบบเลี้ยว เบรก ส่งต่อพลังงาน ช่วงล่าง ล้อ ยาง ปัดน้ำฝน หูช้าง กระจก ฟิล์ม (กรอบ)ประตู ไฟ เครื่องเสียง แอร์ กันชน ตัวถัง ฯลฯ จ่ายเท่ากันครับ
2. ท่อต่าง ๆ ยกเว้นท่อน้ำปัดน้ำฝน ผมมีรถอายุสิบกว่าปีสองสามคัน ไม่เคยต้องเปลี่ยน
3. พัดลม / สายพาน / หัวเทียน ของ PHEV ที่มากกว่า EV กว่าจะเสียนานมาก ด้วยสาเหตุในข้อต่อไป
4. ค่าซ่อมที่แพงที่สุดอย่างนึง คือ การยกเครื่องที่ระยะ 350,000-650,000 กม. สำหรับ PHEV ไม่ต้องยกครับ เพราะ รถหมดสภาพก่อนเครื่องหมดสภาพ: ผมขับ PHEV มาปีกว่า 15,000 กม. ปีนึง คลัชเครื่องยนต์จับ / เครื่องยนต์ทำงานไปแค่ประมาณ 5,000 กม.; กว่าจะยกเครื่อง ก็ 350,000 หาร 5,000 ได้ 70 ปี รถหมดสภาพไปก่อนหน้านั้นนานแล้วครับ!
5. การซ่อมเครื่องยนต์ด้านหน้าของ VV PHEV ช่างอู่นอกที่ซ่อมรถสันดาปภายใน VV ซ่อมได้ เพราะ เครื่องเหมือนกัน ต่างกันที่มอเตอร์หลัง
6. มอเตอร์ กล่าวกันว่า ทนกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในอีก ก็ไม่เคยเห็นเจ้าใดต้องซ่อมกันเป็นกิจจะลักษณะเช่นกัน
7. แบตเตอรี่ PHEV ถูกกว่า BEV เกินครึ่ง
อย่าง สมมุติตัวเลขกลม ๆ ค่าแบต BEV 1,000,000
a. BEV วิ่ง 1 กม. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 3 บาท ดังนั้น ต้องวิ่ง 333,333 กม. ถึงคุ้มค่าเปลี่ยนแบต
b. PHEV วิ่ง 1 กม. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 2.5 บาท โดยประมาณ ดังนั้น วิ่งแค่ 160,000 กม. ก็คุ้มค่าแบตแล้ว!
(ถ้าทำบุญมาดี ปีที่ 8 ก็เปลี่ยนแบตฟรี ดังนั้น วัดกันปีที่ 16)
8. ประกันชั้นหนึ่ง PHEV ถูกกว่า ปีที่สองนี้ 35,000 ส่วน BEV เจ้าดังต่าง ๆ 45,000 ต่างกันปีละ 10,000 พอ ๆ กับค่าบำรุงรักษาที่ต่างกันในศูนย์ และถ้าปีที่สี่เป็นต้นไปใช้อู่นอก เปลี่ยนถ่าย / กรองปีละ 5,000 จะคำนวณได้ว่า PHEV ยิ่งเซฟเงินคุณ
9. สถานที่ และ เทคโนโลยี BEV ชาร์จเร็วภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นไปได้ ยังไม่มีการใช้จริง หรือถึงมี ก็ไม่มีเจ้าใดรับรองว่า BEV ปัจจุบันจะอัพเกรดเป็นชาร์จ 5 นาทีได้
10. เมืองไทย ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซื้อ PHEV ใช้สองแหล่งเชื้อเพลิง รักษ์โลกพอ ๆ กันกับการใช้ก๊าซธรรมชาติ / ถ่านหินเป็นส่วนนึงในการชาร์จ BEV มังครับ
คนขับ Toyota Hybrid เคยบอกผมแล้ว ว่ารถเขาเสียค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าตอนเขาใช้รถสันดาปภายในล้วน ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไม พอมาคำนวณข้างต้น เข้าใจแล้ว
กรณีอุดมคติ คือ คนขับ PHEV วันละ 100 กม. สัปดาห์ละหกวัน เมื่อใช้รถไป 16 ปีโดยแปดปีแรกเปลี่ยนแบตฟรี ตอนปีที่ 16 จะประหยัดกว่ารถน้ำมันล้วน 2.5(เงินที่ประหยัดต่อ 1 กม.เมื่อเทียบกับรถน้ำมันล้วน)*100(กม.ต่อวัน)*6(วันต่อสัปดาห์)50(สัปดาห์ต่อปี)*16(ปี) = 1,200,000 บาท เมื่อจ่ายค่าแบตปีที่ 16 ไป 400,000 บาท จะเสมือนเหลือเงิน 800,000 บาทมากกว่ารถน้ำมันล้วน ซึ่งเงินจำนวนนี้ครอบคลุมค่าบำรุงรักษาตลอด 16 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นใช้รถอีก 8 ปีจนหมดสภาพปีที่ 24 เป็นต้น ครับ = ขับอย่างนี้ PHEV คุ้มกว่า รถน้ำมันล้วน / BEV / HEV ที่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเอง ถ้าตัวรถราคาเท่ากัน ครับ
ส่วนตัว ที่เลือก VV PHEV Estate (Wagon) เพราะ เลือก รถแรง* / คนขับรถอิเล็กทรอนิกส์
อย่าง ขับบูรพาวิถีประจำ 50 กม. รถขับให้ทั้งเส้น ไม่ต้องควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง เบรก
ทางด่วน เกือบทั้งเส้น รถขับเอง ยกเว้นโค้งจัด ต้องลดความเร็ว หรือ ประคองพวงมาลัย
ไปกลับชลบุรี 120 กม. ขับเอง 40 กม. รถขับให้ 80 กม.
* แรงกว่า V8 / รถไฟฟ้าขับสี่ทั่วไป ตอนที่มอเตอร์หลัง VV ทำงานร่วม
มอเตอร์หลัง มีไฟเลี้ยงเสมอ เพราะมีโหมดที่แอบชาร์จแบตตอด ๆ
[CR] เลือกซื้อ PHEV ตอนนี้ ก่อนหมด
https://workpointtoday.com/volvo-thailand-sale-growth-71-percent-in-2022/
ในต่างประเทศ Volvo PHEV ขายดีมาก
ทำให้อัตราส่วน BM:MB:VV ออกใหม่ ในประเทศพัฒนาแล้วทั้ง US / Europe / Japan เป็น 2:2:1
VV PHEV ขับสี่ เน้นขับหน้าก็ได้ ขับหลังอย่างเดียวก็ได้ เป็นเหตุนึงที่ทำให้ขายดีกว่า PHEV เจ้าตลาด
ส่วนตัว ใช้ VV Wagon ซึ่งพอใส่ค้ำโช้คตัวไม่กี่พันแล้ว เก็บโค้งได้ดีเท่ากับ BM Sedan ที่ค้ำโช้คติดมาจากโรงงาน นุ่มพอ ๆ กับ MB SUV ครอบครัว
(ทั้งสามคัน ผมขับเทียบกันระยะยาว ไม่ใช่แค่ลองครั้งเดียว)
ถ้าดูใน Korea ที่ทั้ง Hyundai และ Kia เป็นรถดีมากทั้งคู่ Volvo กลับมียอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวจากปี 2010
https://www.kedglobal.com/automobiles/newsView/ked202302200022
ส่วน BEV ก็คงรู้กันว่ามีข้อเสียนึง คือ ขับไม่ดีเท่าสันดาปภายใน แบตมัน(กระจาย)น้ำหนักทำให้ Handling เสีย
นี่คืออีกเหตุผล ที่คนชอบขับรถ ซื้อ (VV) PHEV สนุก / สบาย กว่า
VV PHEV แบตวางกลางรถ รถสมดุลและนิ่ง / นิ่ม / แน่นมาก
สำหรับเมืองไทย PHEV แม้สะดวกกว่า BEV หลายกรณี เช่น ออกต่างจังหวัด หากแต่บางคนกลัวค่าบำรุงรักษา
ผมจ่ายจริงแล้ว และ คำนวณไปข้างหน้าแล้ว พอกันครับ และถ้าใช้รถน้อย PHEV บำรุงรักษาถูกกว่าด้วย
เริ่มต้นจาก อย่าง ของเหลวและกรอง ปีละไม่กี่พัน ผ่านสามปีแรกก็ใช้ร้าน BOSCH ถูกกว่าศูนย์ครึ่งนึง
1. BEV กับ PHEV ระบบเลี้ยว เบรก ส่งต่อพลังงาน ช่วงล่าง ล้อ ยาง ปัดน้ำฝน หูช้าง กระจก ฟิล์ม (กรอบ)ประตู ไฟ เครื่องเสียง แอร์ กันชน ตัวถัง ฯลฯ จ่ายเท่ากันครับ
2. ท่อต่าง ๆ ยกเว้นท่อน้ำปัดน้ำฝน ผมมีรถอายุสิบกว่าปีสองสามคัน ไม่เคยต้องเปลี่ยน
3. พัดลม / สายพาน / หัวเทียน ของ PHEV ที่มากกว่า EV กว่าจะเสียนานมาก ด้วยสาเหตุในข้อต่อไป
4. ค่าซ่อมที่แพงที่สุดอย่างนึง คือ การยกเครื่องที่ระยะ 350,000-650,000 กม. สำหรับ PHEV ไม่ต้องยกครับ เพราะ รถหมดสภาพก่อนเครื่องหมดสภาพ: ผมขับ PHEV มาปีกว่า 15,000 กม. ปีนึง คลัชเครื่องยนต์จับ / เครื่องยนต์ทำงานไปแค่ประมาณ 5,000 กม.; กว่าจะยกเครื่อง ก็ 350,000 หาร 5,000 ได้ 70 ปี รถหมดสภาพไปก่อนหน้านั้นนานแล้วครับ!
5. การซ่อมเครื่องยนต์ด้านหน้าของ VV PHEV ช่างอู่นอกที่ซ่อมรถสันดาปภายใน VV ซ่อมได้ เพราะ เครื่องเหมือนกัน ต่างกันที่มอเตอร์หลัง
6. มอเตอร์ กล่าวกันว่า ทนกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในอีก ก็ไม่เคยเห็นเจ้าใดต้องซ่อมกันเป็นกิจจะลักษณะเช่นกัน
7. แบตเตอรี่ PHEV ถูกกว่า BEV เกินครึ่ง
อย่าง สมมุติตัวเลขกลม ๆ ค่าแบต BEV 1,000,000
a. BEV วิ่ง 1 กม. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 3 บาท ดังนั้น ต้องวิ่ง 333,333 กม. ถึงคุ้มค่าเปลี่ยนแบต
b. PHEV วิ่ง 1 กม. ประหยัดค่าเชื้อเพลิง 2.5 บาท โดยประมาณ ดังนั้น วิ่งแค่ 160,000 กม. ก็คุ้มค่าแบตแล้ว!
(ถ้าทำบุญมาดี ปีที่ 8 ก็เปลี่ยนแบตฟรี ดังนั้น วัดกันปีที่ 16)
8. ประกันชั้นหนึ่ง PHEV ถูกกว่า ปีที่สองนี้ 35,000 ส่วน BEV เจ้าดังต่าง ๆ 45,000 ต่างกันปีละ 10,000 พอ ๆ กับค่าบำรุงรักษาที่ต่างกันในศูนย์ และถ้าปีที่สี่เป็นต้นไปใช้อู่นอก เปลี่ยนถ่าย / กรองปีละ 5,000 จะคำนวณได้ว่า PHEV ยิ่งเซฟเงินคุณ
9. สถานที่ และ เทคโนโลยี BEV ชาร์จเร็วภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นไปได้ ยังไม่มีการใช้จริง หรือถึงมี ก็ไม่มีเจ้าใดรับรองว่า BEV ปัจจุบันจะอัพเกรดเป็นชาร์จ 5 นาทีได้
10. เมืองไทย ไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซื้อ PHEV ใช้สองแหล่งเชื้อเพลิง รักษ์โลกพอ ๆ กันกับการใช้ก๊าซธรรมชาติ / ถ่านหินเป็นส่วนนึงในการชาร์จ BEV มังครับ
คนขับ Toyota Hybrid เคยบอกผมแล้ว ว่ารถเขาเสียค่าบำรุงรักษาน้อยกว่าตอนเขาใช้รถสันดาปภายในล้วน ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไม พอมาคำนวณข้างต้น เข้าใจแล้ว
กรณีอุดมคติ คือ คนขับ PHEV วันละ 100 กม. สัปดาห์ละหกวัน เมื่อใช้รถไป 16 ปีโดยแปดปีแรกเปลี่ยนแบตฟรี ตอนปีที่ 16 จะประหยัดกว่ารถน้ำมันล้วน 2.5(เงินที่ประหยัดต่อ 1 กม.เมื่อเทียบกับรถน้ำมันล้วน)*100(กม.ต่อวัน)*6(วันต่อสัปดาห์)50(สัปดาห์ต่อปี)*16(ปี) = 1,200,000 บาท เมื่อจ่ายค่าแบตปีที่ 16 ไป 400,000 บาท จะเสมือนเหลือเงิน 800,000 บาทมากกว่ารถน้ำมันล้วน ซึ่งเงินจำนวนนี้ครอบคลุมค่าบำรุงรักษาตลอด 16 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นใช้รถอีก 8 ปีจนหมดสภาพปีที่ 24 เป็นต้น ครับ = ขับอย่างนี้ PHEV คุ้มกว่า รถน้ำมันล้วน / BEV / HEV ที่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเอง ถ้าตัวรถราคาเท่ากัน ครับ
ส่วนตัว ที่เลือก VV PHEV Estate (Wagon) เพราะ เลือก รถแรง* / คนขับรถอิเล็กทรอนิกส์
อย่าง ขับบูรพาวิถีประจำ 50 กม. รถขับให้ทั้งเส้น ไม่ต้องควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง เบรก
ทางด่วน เกือบทั้งเส้น รถขับเอง ยกเว้นโค้งจัด ต้องลดความเร็ว หรือ ประคองพวงมาลัย
ไปกลับชลบุรี 120 กม. ขับเอง 40 กม. รถขับให้ 80 กม.
* แรงกว่า V8 / รถไฟฟ้าขับสี่ทั่วไป ตอนที่มอเตอร์หลัง VV ทำงานร่วม
มอเตอร์หลัง มีไฟเลี้ยงเสมอ เพราะมีโหมดที่แอบชาร์จแบตตอด ๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้