ภาพประกอบโดย คุณ Zionzany
2. เสพความฝัน (2)
ในความเวิ้งว้างว่างเปล่าอันมืดมิด ราวห้วงจักรวาลไร้ซึ่งหมู่ดาว จิราที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดั่งถูกปิดกั้นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งมวล ไม่รู้ว่าจุดใดคือด้านบนหรือด้านล่าง จะซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลัง ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันแม้สักนิด
ชั่วครู่หนึ่ง...
เสียง ‘ซ่า’ ซึ่งเบาหวิวยิ่งกว่าเสียงลมพัด ดังแว่วจากที่ใดสักแห่งเข้ากระทบโสตประสาท เมื่อเสียงนั้นไล่กระชั้นใกล้มา จนกระทั่งได้ยินอย่างถนัดชัดเจน เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขา ก็เปียกปอนไปด้วยร่องรอยของสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
ประตูไม้โบราณบานหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าราวภาพตัดต่อ โดดเด่นจนหลุดออกจากสีดำที่รายล้อม คล้ายว่ามันกำลังถูกสปอร์ตไลท์ซึ่งไร้แหล่งกำเนิดแสง สาดส่องเข้าใส่จากทุกทิศทุกทาง
ความเข้มขลังทรงพลังอันน่าเกรงขาม ที่ส่งผ่านความว่างเปล่ามาถึงเขานั้น ทำให้หัวใจรัวแรงอย่างตื่นเต้น และหนาวเยือกจนขนลุกไปพร้อม ๆ กัน อย่างที่ตัวของเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ
สองเท้าค่อย ๆ เหยียบย่างไปบนความเวิ้งว้างอย่างระแวดระวัง สองมืออันสั่นเทาช่วยกันผลักบานประตูเก่าแก่ตรงหน้าให้เปิดออก ก่อนที่เขาจะพาตัวเองให้ผ่านพ้นกรอบแห่งการรับรู้นั้นไป
แล้วฉับพลัน...ความมืดมิดก็กลับถูกแทนที่ด้วยแสงเรื่อเรือง รายละเอียดต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อม ค่อย ๆ ถูกเสริมเติมแต่ง ราวจิตรกรผู้ชำนาญการวาด กำลังร่างภาพ ตัดเส้น และลงสี อยู่บนกำแพงอากาศที่มองไม่เห็น
จนในที่สุด ประสาทสัมผัสที่คล้ายกับถูกทำให้บกพร่องไปชั่วครู่ก่อนหน้านี้ของเขา ก็กลับมาชัดเจนเป็นปกติดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง
เขากำลังอยู่ในอาคาร และมันก็น่าจะเป็นร้านอะไรสักอย่าง...
ผนังเปลือยซึ่งก่อโดยใช้อิฐมอญที่เห็นอยู่นั้น ปราศจากหน้าต่างและเต็มไปด้วยร่องรอยกระดำกระด่างแปลก ๆ นอกจากความทึมทึบและกลิ่นอายดิบชื้นแล้ว สิ่งแรกที่รับรู้ได้เมื่อแรกก้าวเข้ามา คือบรรยากาศหนักหน่วงชวนอึดอัด ที่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ในใจ
กวาดตามองไปทั่วอย่างรวดเร็ว ในสถานที่กว้างขวางแห่งนี้ เต็มไปด้วยชั้นวางสินค้าหลายขนาดหลากรูปทรง ซึ่งถูกวางอย่างระเกะระกะจนเต็มพื้นที่ไปหมด
ซอกมุมมากมายจากความไร้ระเบียบ สภาพบรรยากาศและแสงสีมัวหม่น ที่ถูกทาทับไปทั่วบริเวณ ริ้วรอยและรูปทรงประหลาดชวนหลอนราวภูตพรายหรืออสุรกายร้าย ซึ่งหลุดมาจากดินแดนต้องสาปบนเนื้อไม้เก่าแก่โบราณ
ทั้งหมดนั้นคล้ายมีไว้เพื่อระเหิดระเหยความกล้าบ้าบิ่นให้เหือดหาย โหมเปลวไฟแห่งความหวาดกลัวยำเกรงให้ลุกโชน เปิดโอกาสให้ใครก็ตามได้หยุดคิดไตร่ตรอง เพื่อเปลี่ยนใจและถอยหลังเดินกลับไปได้ทัน
ทว่าก็ไม่มีแม้สักครั้ง ที่อารมณ์ซึ่งถูกผลักดันโดยแรงปรารถนา และอำนาจแห่งความกระหายใคร่รู้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
มันจะดึงเอาความน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นเข้ามาเป็นพวก แปรเปลี่ยนความรู้สึกด้านลบให้เป็นพลังงาน เพื่อผลักดันความทะยานอยากจากภายในให้สูงขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงระดับที่เกินกว่าจะระงับยับยั้งชั่งใจต่อไปได้ไหว
และก็เพราะอย่างนั้น ความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นทบทวี จึงสั่งให้เขาก้าวเท้าทั้งสองต่อไปยังเบื้องหน้า เดินเข้าไป ถลำตัวลึกลงไปเรื่อย ๆ จนเข้าไปสู่เส้นทางที่ไม่อาจถอยย้อนกลับได้อีก
มีสินค้าอยู่จำนวนมากมายภายในร้านแห่งนี้ บางชิ้นก็หน้าตาทั่วไปแบบที่เคยเห็น เคยรู้จักในชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี บางชิ้นก็มีความคลับคล้ายคลับคลาและพอเดาออกว่าคืออะไร แต่ก็มีอยู่หลายชิ้นที่เขาไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของแบบนี้อยู่ในโลก
“มาเปิดร้านในซอยเปลี่ยว ๆ แปลก ๆ ชื่อร้านที่ตรงประตูก็อ่านไม่ออก หมวดหมู่สินค้าก็ไม่จัดไม่แยกให้ชัดเจน แถมยังเอาอะไรมาขายก็ไม่รู้อีก แล้วมันจะขายได้ จะไม่เจ๊งไหวหรือเนี่ย”
ถึงจะบ่นพึมพำ แต่ตาที่สอดส่ายมองหาอะไรดูไปเรื่อย ก็กลับฉายแววตื่นเต้นเบิกบานออกมามากขึ้นเป็นลำดับ เพลิดเพลินในอารมณ์จนความระแวงเมื่อแรกเหยียบเข้ามาภายในร้าน บรรเทาเบาบางแทบไม่เหลือ
แล้วสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับสินค้าชิ้นหนึ่ง จนถึงกับต้องหยุดยืนมองอย่างพิจารณา
มันเป็นขวดแก้วใสทรงกระบอกแบบมีฝาปิดธรรมดา ๆ ขนาดเล็กพอที่จะถือถนัดด้วยมือเพียงข้างเดียว ภายในบรรจุเมฆหมอกหรือกลุ่มควันอะไรสักอย่างไว้ และอะไรบางอย่างที่ว่านี้ ก็กำลังปลดปล่อยแสงสีเทามัวหม่น อันอ่อนระโหยโรยแรงออกมา
จ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ ๆ จนนึกแปลกใจตัวเอง เพราะอันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกว่า เจ้าเมฆหมอกสีอึมครึมชวนหดหู่นี้ มีความสวยงามอะไรเลยสักนิด แต่เขาก็กลับไม่อาจผละตัวเองออกมา เพื่อไปเดินดูอะไรอย่างอื่นต่อได้
ไม่สิ...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านี้คงต้องเป็น เขาแทบไม่อยากละสายตาออกจากมันเลยด้วยซ้ำมากกว่า
“สวัสดีครับ คุณลูกค้า”
น้ำเสียงทุ้มยานคางที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้หันกลับไปมองยังอย่างตื่นตกใจ เมื่อเลื่อนสายตาสำรวจเจ้าของเสียงตั้งแต่หัวจรดเท้า จนพอเริ่มตั้งสติได้แล้ว จึงค่อยเอ่ยถาม “คุณ เอ่อ...”
“ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ตกใจครับ ผมเป็นผู้ดูแลของที่นี่” ค้อมตัวคำนับอย่างสุภาพ พร้อมเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับ และยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ครับ”
ผู้ที่เพิ่งแนะนำตัวเอง เป็นชายชราซึ่งมีตำหนิริ้วรอยแห่งวัย ปรากฎอยู่ตามใบหน้าและร่างกายตามแบบผู้สูงอายุทั่วไป เส้นผมดกหนาขาวโพลนทั่วทั้งศีรษะ ถูกตัดแต่งจนเข้าทรงเรียบร้อยดูสะอาดสะอ้าน
การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว ชุดสูทสีดำ และรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนมันเงา ให้ความรู้สึกเนี้ยบเสียจนขัดแย้งกับสภาพของร้านอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ทำให้ความคิดอย่าง ‘ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด’ ผุดขึ้นมาในหัวทันทีที่ได้เห็น
“คุณลูกค้าสนใจสินค้าชิ้นนี้อย่างนั้นหรือครับ”
ด้วยสีหน้าแววตาอันยิ้มแย้ม กิริยาท่าทางสุขุมนอบน้อม ทักษะการใช้คำพูดและเสียงอันยอดเยี่ยมฟังรื่นหู ตามแบบอย่างของผู้ให้บริการที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดี ความกริ่งเกรงของเขาที่มีต่อชายผู้นี้จึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
“อืม...ก็ไม่เชิงนะ ผมแค่รู้สึกว่า...” พยายามคิด แต่ก็ไม่อาจหาคำพูดที่เหมาะสมได้ “...ไม่รู้สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มันน่าดึงดูด มันชวนหลงใหล...ใช่ไหมครับ คุณลูกค้า”
ภายใต้แววตาสงบนิ่งที่ราวกับจะมองทะลุเข้าไป ถึงภายในจิตใจของใครก็ตามได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รอยยิ้มแปลก ๆ ของชายชราที่เผยออกมาในขณะพูดนั้น ทำเอาหนาวเยือก เสียวสันหลังขึ้นมาเสียเฉย ๆ
“ใช่ มันน่าดึงดูด” รำพึงรำพันอย่างยอมรับ น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายคนเลื่อนลอยไร้สติ แล้วก็เบนสายตาของตัวเองกลับมาให้ความสนใจแสงสีในขวดแก้วอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าคุณลูกค้าสนใจ ทำไมถึงไม่นำมันกลับไปด้วยล่ะครับ”
คำเชิญชวนที่ตรงไปตรงมาและแสนจะเรียบง่าย ก็เป็นเหมือนตัวปลุกกระตุ้นให้กลไกแห่งความอยากได้อยากมี ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มันทำให้ในดวงตาสั่นระริกไปด้วยความไม่มั่นคงทางอารมณ์ ปากของเขาขยับคล้ายจะพูดอะไรออกมา แล้วก็หยุดชะงักค้างคำสลับวนกันอยู่สองสามหน อย่างคนที่นึกลังเลหรือกำลังชั่งใจอย่างหนักกับเรื่องอะไรสักอย่าง
“เอ่อ...ราคาเท่าไหร่ครับ ถ้าแพงมากผมคงซื้อไม่ไหว” แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจถามออกมาในที่สุด
“คุณถือมันกลับไปได้เลยครับ คุณลูกค้า”
ด้วยเพราะคิดว่าเขาไม่เคยเห็นสินค้าแบบนี้จากที่ใดมาก่อน มันอาจถูกทำมาเพื่อขายเฉพาะกลุ่ม น่าจะเป็นของหายากหรือมีจำนวนจำกัด ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าประเภทที่ว่ามานี้ ไม่เคยมีสักชิ้นที่มีราคาอย่างสินค้าปกติทั่วไป
แม้จะมั่นใจว่าฟังไม่ผิด แต่สิ่งที่ได้ยิน ก็ทำให้ร่อยรอยคำถามและความไม่แน่ใจ ปรากฏจนเกลื่อนอยู่บนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“คุณลูกค้าถือมันกลับไปได้เลยครับ”
ราวกับรับรู้ในกระแสความคิดของอีกฝ่าย ชายชราเผยยิ้มและพูดซ้ำอีกครั้งอย่างเยือกเย็น พร้อมตอกย้ำคำพูดของตัวเอง ด้วยการหยิบขวดแก้วประหลาดยื่นส่งให้ถึงมือของอีกฝ่าย
“ที่ร้านนี้ คุณลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยเงินครับ”
ไม่จ่ายด้วยเงิน และต้องจ่ายด้วยอะไร...แม้ในเสี้ยววินาทีแรก คำถามทำนองนี้จะมีผุดขึ้นมาให้คิดอยู่บ้าง แต่มันทั้งหมดนั้นก็ถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วในอีกเสี้ยววินาทีถัดมา
ความอยากอันเพิ่มพูนจากข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ ทำให้เขารีบคว้าของที่อยากได้มาไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว เหมือนกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
จ้องมองแสงสีเทาในขวดด้วยแววตาสดใสเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างอย่างไร้จริตเหมือนกับเด็กเล็กได้รับของขวัญชิ้นโปรด ใจเต้นโครมครามหนักหน่วงในอกด้วยความยินดีอันทะลักล้น ราวกับว่าในชีวิตจะหาเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ที่นี่...สินค้าจะเลือกผู้ที่เหมาะสม และคู่ควรกับมันด้วยตัวของมันเอง และตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นก็ได้เลือกคุณแล้ว”
ชั่วขณะนั้นเขาก็เหมือนหลุดจากร่างของตัวเองออกมาเสียดื้อ ๆ และกลายมาเป็นบุคคลที่สามในวงสนทนา ที่ไม่มีใครสักคนเห็นหรือสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวของเขาเองซึ่งก็คือจิราอีกคนหนึ่ง หรือผู้ดูแลร้านชราที่กำลังยืนอยู่ด้วยกัน
เขามองเห็นสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไร้สติของตัวเอง เห็นจิราคนนั้นกำลังยัดขวดแก้วปริศนาที่ถืออยู่ในมือใส่ลงในกระเป๋าสะพาย เห็นความกระวนกระวายเร่งรีบในทุกฝีก้าวที่กำลังพาตัวเองออกจากร้านที่อ่านชื่อไม่ออกแห่งนี้ไป
จิราคนนั้นไม่ได้ยิน ไม่ได้สนใจที่จะฟัง ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองผู้ที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหลัง ว่าขณะนั้นเขากำลังทำอะไร พูดเรื่องใด และสีหน้าที่แสดงออกมานั้นเป็นอย่างไร
ทว่าเขาในเวลานี้ที่กลับกลายมาเป็นผู้สังเกตการณ์ กลับเห็นทุกอย่าง และได้ยินทุกคำพูดซึ่งเคยพลาดไปในวันนั้นครบถ้วนสมบูรณ์อย่างชัดเจน
“จงสนุกและตื่นเต้นไปกับสิ่งที่ฝัน มีความสุขและหลงใหลได้ปลื้มไปกับความสมหวังที่ปรารถนาให้เต็มที่...จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง”
คำพูดที่แฝงไว้ด้วยนัยซึ่งไม่อาจทราบความหมาย และรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าอันยับย่น ช่างน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอันน่าหวาดหวั่น จนเขาเองไม่คิดว่าจะสามารถรับรู้ถึงความหวาดกลัวและดำดิ่งทางอารมณ์ใด ๆ ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ภาพรอบกายค่อย ๆ แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ประสาทสัมผัสกระตุกวูบไหว ก่อนแรงมหาศาลที่มองไม่เห็นจะฉุดกระชากทั้งร่าง ให้ร่วงหล่นลงไปสู่ความเวิ้งว้างเบื้องล่าง เร็วขึ้นทุกขณะ ลึกลงไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งทุกการรับรู้ถูกความดำมืดกลืนกินจนดับหายไปในที่สุด...
ร้านแลกวิญญาณ : เสพความฝัน (2)
ในความเวิ้งว้างว่างเปล่าอันมืดมิด ราวห้วงจักรวาลไร้ซึ่งหมู่ดาว จิราที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดั่งถูกปิดกั้นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งมวล ไม่รู้ว่าจุดใดคือด้านบนหรือด้านล่าง จะซ้ายหรือขวา หน้าหรือหลัง ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันแม้สักนิด
ชั่วครู่หนึ่ง...
เสียง ‘ซ่า’ ซึ่งเบาหวิวยิ่งกว่าเสียงลมพัด ดังแว่วจากที่ใดสักแห่งเข้ากระทบโสตประสาท เมื่อเสียงนั้นไล่กระชั้นใกล้มา จนกระทั่งได้ยินอย่างถนัดชัดเจน เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขา ก็เปียกปอนไปด้วยร่องรอยของสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
ประตูไม้โบราณบานหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าราวภาพตัดต่อ โดดเด่นจนหลุดออกจากสีดำที่รายล้อม คล้ายว่ามันกำลังถูกสปอร์ตไลท์ซึ่งไร้แหล่งกำเนิดแสง สาดส่องเข้าใส่จากทุกทิศทุกทาง
ความเข้มขลังทรงพลังอันน่าเกรงขาม ที่ส่งผ่านความว่างเปล่ามาถึงเขานั้น ทำให้หัวใจรัวแรงอย่างตื่นเต้น และหนาวเยือกจนขนลุกไปพร้อม ๆ กัน อย่างที่ตัวของเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ
สองเท้าค่อย ๆ เหยียบย่างไปบนความเวิ้งว้างอย่างระแวดระวัง สองมืออันสั่นเทาช่วยกันผลักบานประตูเก่าแก่ตรงหน้าให้เปิดออก ก่อนที่เขาจะพาตัวเองให้ผ่านพ้นกรอบแห่งการรับรู้นั้นไป
แล้วฉับพลัน...ความมืดมิดก็กลับถูกแทนที่ด้วยแสงเรื่อเรือง รายละเอียดต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อม ค่อย ๆ ถูกเสริมเติมแต่ง ราวจิตรกรผู้ชำนาญการวาด กำลังร่างภาพ ตัดเส้น และลงสี อยู่บนกำแพงอากาศที่มองไม่เห็น
จนในที่สุด ประสาทสัมผัสที่คล้ายกับถูกทำให้บกพร่องไปชั่วครู่ก่อนหน้านี้ของเขา ก็กลับมาชัดเจนเป็นปกติดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง
เขากำลังอยู่ในอาคาร และมันก็น่าจะเป็นร้านอะไรสักอย่าง...
ผนังเปลือยซึ่งก่อโดยใช้อิฐมอญที่เห็นอยู่นั้น ปราศจากหน้าต่างและเต็มไปด้วยร่องรอยกระดำกระด่างแปลก ๆ นอกจากความทึมทึบและกลิ่นอายดิบชื้นแล้ว สิ่งแรกที่รับรู้ได้เมื่อแรกก้าวเข้ามา คือบรรยากาศหนักหน่วงชวนอึดอัด ที่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ในใจ
กวาดตามองไปทั่วอย่างรวดเร็ว ในสถานที่กว้างขวางแห่งนี้ เต็มไปด้วยชั้นวางสินค้าหลายขนาดหลากรูปทรง ซึ่งถูกวางอย่างระเกะระกะจนเต็มพื้นที่ไปหมด
ซอกมุมมากมายจากความไร้ระเบียบ สภาพบรรยากาศและแสงสีมัวหม่น ที่ถูกทาทับไปทั่วบริเวณ ริ้วรอยและรูปทรงประหลาดชวนหลอนราวภูตพรายหรืออสุรกายร้าย ซึ่งหลุดมาจากดินแดนต้องสาปบนเนื้อไม้เก่าแก่โบราณ
ทั้งหมดนั้นคล้ายมีไว้เพื่อระเหิดระเหยความกล้าบ้าบิ่นให้เหือดหาย โหมเปลวไฟแห่งความหวาดกลัวยำเกรงให้ลุกโชน เปิดโอกาสให้ใครก็ตามได้หยุดคิดไตร่ตรอง เพื่อเปลี่ยนใจและถอยหลังเดินกลับไปได้ทัน
ทว่าก็ไม่มีแม้สักครั้ง ที่อารมณ์ซึ่งถูกผลักดันโดยแรงปรารถนา และอำนาจแห่งความกระหายใคร่รู้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
มันจะดึงเอาความน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นเข้ามาเป็นพวก แปรเปลี่ยนความรู้สึกด้านลบให้เป็นพลังงาน เพื่อผลักดันความทะยานอยากจากภายในให้สูงขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงระดับที่เกินกว่าจะระงับยับยั้งชั่งใจต่อไปได้ไหว
และก็เพราะอย่างนั้น ความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นทบทวี จึงสั่งให้เขาก้าวเท้าทั้งสองต่อไปยังเบื้องหน้า เดินเข้าไป ถลำตัวลึกลงไปเรื่อย ๆ จนเข้าไปสู่เส้นทางที่ไม่อาจถอยย้อนกลับได้อีก
มีสินค้าอยู่จำนวนมากมายภายในร้านแห่งนี้ บางชิ้นก็หน้าตาทั่วไปแบบที่เคยเห็น เคยรู้จักในชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี บางชิ้นก็มีความคลับคล้ายคลับคลาและพอเดาออกว่าคืออะไร แต่ก็มีอยู่หลายชิ้นที่เขาไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของแบบนี้อยู่ในโลก
“มาเปิดร้านในซอยเปลี่ยว ๆ แปลก ๆ ชื่อร้านที่ตรงประตูก็อ่านไม่ออก หมวดหมู่สินค้าก็ไม่จัดไม่แยกให้ชัดเจน แถมยังเอาอะไรมาขายก็ไม่รู้อีก แล้วมันจะขายได้ จะไม่เจ๊งไหวหรือเนี่ย”
ถึงจะบ่นพึมพำ แต่ตาที่สอดส่ายมองหาอะไรดูไปเรื่อย ก็กลับฉายแววตื่นเต้นเบิกบานออกมามากขึ้นเป็นลำดับ เพลิดเพลินในอารมณ์จนความระแวงเมื่อแรกเหยียบเข้ามาภายในร้าน บรรเทาเบาบางแทบไม่เหลือ
แล้วสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับสินค้าชิ้นหนึ่ง จนถึงกับต้องหยุดยืนมองอย่างพิจารณา
มันเป็นขวดแก้วใสทรงกระบอกแบบมีฝาปิดธรรมดา ๆ ขนาดเล็กพอที่จะถือถนัดด้วยมือเพียงข้างเดียว ภายในบรรจุเมฆหมอกหรือกลุ่มควันอะไรสักอย่างไว้ และอะไรบางอย่างที่ว่านี้ ก็กำลังปลดปล่อยแสงสีเทามัวหม่น อันอ่อนระโหยโรยแรงออกมา
จ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ ๆ จนนึกแปลกใจตัวเอง เพราะอันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกว่า เจ้าเมฆหมอกสีอึมครึมชวนหดหู่นี้ มีความสวยงามอะไรเลยสักนิด แต่เขาก็กลับไม่อาจผละตัวเองออกมา เพื่อไปเดินดูอะไรอย่างอื่นต่อได้
ไม่สิ...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านี้คงต้องเป็น เขาแทบไม่อยากละสายตาออกจากมันเลยด้วยซ้ำมากกว่า
“สวัสดีครับ คุณลูกค้า”
น้ำเสียงทุ้มยานคางที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้หันกลับไปมองยังอย่างตื่นตกใจ เมื่อเลื่อนสายตาสำรวจเจ้าของเสียงตั้งแต่หัวจรดเท้า จนพอเริ่มตั้งสติได้แล้ว จึงค่อยเอ่ยถาม “คุณ เอ่อ...”
“ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ตกใจครับ ผมเป็นผู้ดูแลของที่นี่” ค้อมตัวคำนับอย่างสุภาพ พร้อมเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับ และยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ครับ”
ผู้ที่เพิ่งแนะนำตัวเอง เป็นชายชราซึ่งมีตำหนิริ้วรอยแห่งวัย ปรากฎอยู่ตามใบหน้าและร่างกายตามแบบผู้สูงอายุทั่วไป เส้นผมดกหนาขาวโพลนทั่วทั้งศีรษะ ถูกตัดแต่งจนเข้าทรงเรียบร้อยดูสะอาดสะอ้าน
การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว ชุดสูทสีดำ และรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนมันเงา ให้ความรู้สึกเนี้ยบเสียจนขัดแย้งกับสภาพของร้านอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ทำให้ความคิดอย่าง ‘ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด’ ผุดขึ้นมาในหัวทันทีที่ได้เห็น
“คุณลูกค้าสนใจสินค้าชิ้นนี้อย่างนั้นหรือครับ”
ด้วยสีหน้าแววตาอันยิ้มแย้ม กิริยาท่าทางสุขุมนอบน้อม ทักษะการใช้คำพูดและเสียงอันยอดเยี่ยมฟังรื่นหู ตามแบบอย่างของผู้ให้บริการที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดี ความกริ่งเกรงของเขาที่มีต่อชายผู้นี้จึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
“อืม...ก็ไม่เชิงนะ ผมแค่รู้สึกว่า...” พยายามคิด แต่ก็ไม่อาจหาคำพูดที่เหมาะสมได้ “...ไม่รู้สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มันน่าดึงดูด มันชวนหลงใหล...ใช่ไหมครับ คุณลูกค้า”
ภายใต้แววตาสงบนิ่งที่ราวกับจะมองทะลุเข้าไป ถึงภายในจิตใจของใครก็ตามได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รอยยิ้มแปลก ๆ ของชายชราที่เผยออกมาในขณะพูดนั้น ทำเอาหนาวเยือก เสียวสันหลังขึ้นมาเสียเฉย ๆ
“ใช่ มันน่าดึงดูด” รำพึงรำพันอย่างยอมรับ น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายคนเลื่อนลอยไร้สติ แล้วก็เบนสายตาของตัวเองกลับมาให้ความสนใจแสงสีในขวดแก้วอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าคุณลูกค้าสนใจ ทำไมถึงไม่นำมันกลับไปด้วยล่ะครับ”
คำเชิญชวนที่ตรงไปตรงมาและแสนจะเรียบง่าย ก็เป็นเหมือนตัวปลุกกระตุ้นให้กลไกแห่งความอยากได้อยากมี ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มันทำให้ในดวงตาสั่นระริกไปด้วยความไม่มั่นคงทางอารมณ์ ปากของเขาขยับคล้ายจะพูดอะไรออกมา แล้วก็หยุดชะงักค้างคำสลับวนกันอยู่สองสามหน อย่างคนที่นึกลังเลหรือกำลังชั่งใจอย่างหนักกับเรื่องอะไรสักอย่าง
“เอ่อ...ราคาเท่าไหร่ครับ ถ้าแพงมากผมคงซื้อไม่ไหว” แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจถามออกมาในที่สุด
“คุณถือมันกลับไปได้เลยครับ คุณลูกค้า”
ด้วยเพราะคิดว่าเขาไม่เคยเห็นสินค้าแบบนี้จากที่ใดมาก่อน มันอาจถูกทำมาเพื่อขายเฉพาะกลุ่ม น่าจะเป็นของหายากหรือมีจำนวนจำกัด ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าประเภทที่ว่ามานี้ ไม่เคยมีสักชิ้นที่มีราคาอย่างสินค้าปกติทั่วไป
แม้จะมั่นใจว่าฟังไม่ผิด แต่สิ่งที่ได้ยิน ก็ทำให้ร่อยรอยคำถามและความไม่แน่ใจ ปรากฏจนเกลื่อนอยู่บนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“คุณลูกค้าถือมันกลับไปได้เลยครับ”
ราวกับรับรู้ในกระแสความคิดของอีกฝ่าย ชายชราเผยยิ้มและพูดซ้ำอีกครั้งอย่างเยือกเย็น พร้อมตอกย้ำคำพูดของตัวเอง ด้วยการหยิบขวดแก้วประหลาดยื่นส่งให้ถึงมือของอีกฝ่าย
“ที่ร้านนี้ คุณลูกค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยเงินครับ”
ไม่จ่ายด้วยเงิน และต้องจ่ายด้วยอะไร...แม้ในเสี้ยววินาทีแรก คำถามทำนองนี้จะมีผุดขึ้นมาให้คิดอยู่บ้าง แต่มันทั้งหมดนั้นก็ถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วในอีกเสี้ยววินาทีถัดมา
ความอยากอันเพิ่มพูนจากข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ ทำให้เขารีบคว้าของที่อยากได้มาไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว เหมือนกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
จ้องมองแสงสีเทาในขวดด้วยแววตาสดใสเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างอย่างไร้จริตเหมือนกับเด็กเล็กได้รับของขวัญชิ้นโปรด ใจเต้นโครมครามหนักหน่วงในอกด้วยความยินดีอันทะลักล้น ราวกับว่าในชีวิตจะหาเรื่องใดที่น่ายินดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ที่นี่...สินค้าจะเลือกผู้ที่เหมาะสม และคู่ควรกับมันด้วยตัวของมันเอง และตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นก็ได้เลือกคุณแล้ว”
ชั่วขณะนั้นเขาก็เหมือนหลุดจากร่างของตัวเองออกมาเสียดื้อ ๆ และกลายมาเป็นบุคคลที่สามในวงสนทนา ที่ไม่มีใครสักคนเห็นหรือสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวของเขาเองซึ่งก็คือจิราอีกคนหนึ่ง หรือผู้ดูแลร้านชราที่กำลังยืนอยู่ด้วยกัน
เขามองเห็นสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไร้สติของตัวเอง เห็นจิราคนนั้นกำลังยัดขวดแก้วปริศนาที่ถืออยู่ในมือใส่ลงในกระเป๋าสะพาย เห็นความกระวนกระวายเร่งรีบในทุกฝีก้าวที่กำลังพาตัวเองออกจากร้านที่อ่านชื่อไม่ออกแห่งนี้ไป
จิราคนนั้นไม่ได้ยิน ไม่ได้สนใจที่จะฟัง ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองผู้ที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหลัง ว่าขณะนั้นเขากำลังทำอะไร พูดเรื่องใด และสีหน้าที่แสดงออกมานั้นเป็นอย่างไร
ทว่าเขาในเวลานี้ที่กลับกลายมาเป็นผู้สังเกตการณ์ กลับเห็นทุกอย่าง และได้ยินทุกคำพูดซึ่งเคยพลาดไปในวันนั้นครบถ้วนสมบูรณ์อย่างชัดเจน
“จงสนุกและตื่นเต้นไปกับสิ่งที่ฝัน มีความสุขและหลงใหลได้ปลื้มไปกับความสมหวังที่ปรารถนาให้เต็มที่...จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง”
คำพูดที่แฝงไว้ด้วยนัยซึ่งไม่อาจทราบความหมาย และรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าอันยับย่น ช่างน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอันน่าหวาดหวั่น จนเขาเองไม่คิดว่าจะสามารถรับรู้ถึงความหวาดกลัวและดำดิ่งทางอารมณ์ใด ๆ ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ภาพรอบกายค่อย ๆ แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ประสาทสัมผัสกระตุกวูบไหว ก่อนแรงมหาศาลที่มองไม่เห็นจะฉุดกระชากทั้งร่าง ให้ร่วงหล่นลงไปสู่ความเวิ้งว้างเบื้องล่าง เร็วขึ้นทุกขณะ ลึกลงไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งทุกการรับรู้ถูกความดำมืดกลืนกินจนดับหายไปในที่สุด...