แพงสุดฉุดไม่อยู่! มะนาวเชียงใหม่ราคาพุ่ง ลูกละ 7.50 บาท-น้ำมะนาวคั้นแท้ ปรับขึ้น 20 บาทต่อขวด
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/336197
เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่แผงขายมะนาว ในตลาดเมืองใหม่ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งรายใหญ่ของภาคเหนือ มีพ่อค้าแม่ค้าจากหลายจังหวัดนำสินค้ามาวางขาย โดยเฉพาะราคามะนาวปี นี้มีราคาแพงตั้งแต่ต้นฤดู มะนาวลูกเล็ก ราคาขายจำนวน 10 ลูกราคา 50 บาท หรือลูกลก 5 บาท มะนาวขนาดกลางจำนวน 10 ลูกราคา 60 บาท หรือลุกละ 6 บาท ส่วนมะนาวเบอร์ใหญ่จำนวน 10 ลูกขาย 75 บาท ลูกละ 7.5 บาท ส่วนมะนาวไร้เมล็ดราคา 10 ลูก 80 บาท ตกลูกละ 8 บาท
ส่วนน้ำมะนาวแท้ทั้งขวดเล็กขวดกลางและขวดใหญ่ปรับราคาขึ้นอีกขวดละ 20 บาท ทำให้ขวดเล็กราคา 40 บาท ปรับราคาเป็น 60 บาท / ขวดขนาดกลางขวดละ 80 บาท ปรับราคาเป็น 100 บาท ส่วนขวดใหญ่ราคา 160 บาท ปรับราคาเป็น 180 บาท
แบกรับต้นทุนไม่ไหว! เกษตรกรผู้เสียงสุกรน้ำตาตก ราคาหมูหน้าคอกลดฮวบเหลือ กก.ละ 80 บาท วอนรัฐช่วยเหลือ
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/336198
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดอุทัยธานีน้ำตากตกเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หลังราคาหน้าคอกลดฮวบจากกิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น และมีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีกถึง 70 บาทต่อกิโลกรัม แบกรับต้นทุนกันไม่ไหว เรียกร้องให้รัฐช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศด้วย
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่อำเภอสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรมากที่สุดทั้งรายเล็กรายใหญ่ หลังราคาสุกรเป็นหน้าคอกของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรราคาลดฮวบ จากราคากิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาท เท่านั้น
โดยเกิดจากกระแสข่าวจากปัญหาเนื้อสุกรเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้า ทำให้พ่อค้าที่เคยรับซื้อสุกกรหน้าคอกฉวยโอกาสกดราคาซื้อสุกกรของเกษตรกรลดลง จากเดิมถึงกิโลกรัมละ 30 – 35 บาท แต่เกษตรกรก็ต้องจำใจยอมจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากถึงกำหนดจับขายหากไม่ขายในตอนนี้ก็ต้องเลี้ยงไว้ต้องกินทุนค่าอาหารไปอีก และค่าอาหารหมู่ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายหนึ่ง กล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกร ว่าตนเองเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรเป็นอาชีพมาเป็นเวลา 12 ปี ปีนี้ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาอาหารสุกรแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหน้าคอกก่อนหน้านี้มีราคาสูงกิโลกรัมละ 110 – 115 บาทก็ถือว่ายังมีกำไรอยู่กันได้ แต่ราคาขณะนี้ลดฮวบลงมาเหลือกิโลกรัมละ 80 บาท และมีแนวโน้มลดต่ำดิ่งลงไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาท อีกส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
ต้องแบกรับต้นทุนและจำใจยอมขาดทุนกัน อย่างตนเองเลี้ยงสุกรครั้งละ 20 ตัวมีต้นทุนเป็นค่าพันธุ์หมูตัวละ 2,500 บาท 20 ตัวเป็นเงิน 50,000 บาท ต้องเลี้ยงเป็นเวลา 4 เดือนจึงจะจับขายได้ เมื่อคิดค่าอาหารหมูแล้ว 1 ตัว ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ จะมีทุนทั้งค่าตัวและค่าอาหารรวม 8,000 – 8,500 บาท 20 ตัวจะมีต้นทุนรวม 160,000 บาท
และขณะนี้ถึงกำหนดขายแล้วและขายได้เพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น โดยหมูแต่ละตัวเฉลี่ยจะมีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม 1 ตัวจะมีราคา 8,800 บาท ถ้า 20 ตัว ราคารวมแล้ว ขายขายได้เพียง 176,000 บาท แต่มีต้นทุนถึง 160,000 บาท เหลือกำไรเพียง 16,000 บาท ค่าคิดเป็นตัวจะขายเฉลี่ยตัวละ 8,800 บาท ได้กำไรตัวละ 300 – 500 บาท ถือว่าไม่ได้กำไรเพราะต้องเสียค่าแรงและเสียเวลาถึง 4 เดือน หากเป็นราคาก่อนหน้านี้จับขายได้กิโลกรัมละ 110 – 115 บาท ต่อตัวจะขายได้เฉลี่ยตัว 12,000 – 12,500 บาท ซึ่งกำไรจากที่เคยได้ตัวละถึงตัวละ 3,500 – 3,700 บาท ถ้ารวม 20 ตัวที่เลี้ยงไว้จะจับขายได้รวมเฉลี่ย 240,000 – 250,000 บาท เท่ากับกำไรหายไป รวมไป กว่า 65,000 บาท
แต่จำเป็นต้องจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะราคามีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีก 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงไม่กล้าเสี่ยงจะรอราคาเนื่องจากต้องมีต้นทุนเป็นค่าอาหารสุกรอีก อยากจะวอนผู้เกี่ยวข้องรวมไปถึงรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศอย่างเร่งด่วนด้วย โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารสุกรต้องราคาต่ำกว่านี้อีกมาก เกษตรกรก็จะสามารถประกอบชีพเลี้ยงสุกรต่อไปได้ หากราคาอาหารสุกรยังแพงขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะต้องหยุดเลี้ยงสุกรไปก่อน
เอกชนเชียงรายขอเพื่อไทย แก้ค้าชายแดน-ส่งออกเมียนมาจีน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_507478/
ผู้ประกอบการ-ผู้บริหารท้องถิ่นเชียงราย ชงเพื่อไทย ดันแก้ปัญหาการค้าชายแดนแม่สาย เรียกร้องให้มีรถไฟเชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ แก้ปัญหาฝุ่นพิษเกินค่ามาตรฐาน พร้อมเปิดประตูส่งออกสินค้าไปสู่เมียนมา-จีน
พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทยในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย, นาย
อิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ดร.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รับฟังเสียงสะท้อน จากผู้ประกอบการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
โดยรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้สะท้อนปัญหาการค้าชายแดนของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่อยู่ติดรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และยังอยู่ติดกับประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีด่านทางบกที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีจุดรวมให้คนจีนสามารถเดินทางข้ามแดนมาได้ รวมทั้งยังมีปัญหาทะเลจีนใต้ ความมั่นคงยังต้องให้ความสำคัญแต่ทะเลจีนใต้ อาจส่งผลกระทบการค้าชายแดน โดยมีมูลค่ากว่า 150,000 ล้านต่อปี ส่วนการขึ้นเขื่อนในประเทศพม่า จะส่งผลต่อแม่น้ำลวกในเชียงราย และระดับจะสูงขึ้น
ด้านผู้ประกอบการใน อ.แม่สาย สะท้อนอีกว่า ปัญหากาสิโนในฝั่งประเทศเมียนมา เพราะจีนควบคุม จึงเคลื่อนตัวมาที่ท่าขี้เหล็ก โดยมีแนวคิดเสนอให้ส่งออกอาหารเป็นหลักและสินค้าอุปโภคบริโภคเพราะสินค้าไทยมีมาตรฐานที่ดีด้านนี้ ผู้ประกอบการยังเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยว่า การมี Visa on Arrival (VOA) และ Free Visa เป็นเรื่องจำเป็นเพราะประเทศเมียนมาทำเแล้ว และจะต้องส่งเสริมระบบราง รถไฟ เชื่อมโยง จ.เชียงราย-เชียงใหม่ ด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของเส้นทางการบิน ของนักท่องเที่ยว และส่งออกสินค้าได้ พร้อมทั้งเสนอให้ผลักดันเชียงรายจุดส่งออกสินค้าขายเมียนมา-จีน อยากให้ขยายประตูรองรับท่องเที่ยว ส่งออก
ด้านนายกองค์การตำบลต่างๆ ใน จ.เชียงราย เรียกร้องสวัสดิการในกลุ่มสตรี กลุ่มแม่บ้าน เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ เหมือนกลุ่มอื่นๆ เช่น อสม. รวมทั้งปัญหาตลิ่ง แม่สายมิตรภาพ เกาะช้างติดแนวชายแดนพม่ากว่า 18 กิโล ไม่สามารถทำการแก้ไขได้เนื่องจากติดประเทศเมียนมา เพราะไม่มีอำนาจแก้ปัญหาตลิ่งชายแดน และงบฯสนับสนุน ยังติดปัญหาในเรื่องมิติด้านความมั่นคง
ขณะเดียวกันยังสะท้อนปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ต้นทุนปุ๋ยสูงขึ้นช่วยดูแลเกษตร เจอกลไกแทรกแซงจากต่างประเทศ สินค้าเกษตรจากต่างประเทศเข้ามาขายแข่งขันกับเกษตรกรไทย รวมทั้งค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน พร้อมเสนอให้สร้างถนนคู่ขนานพหลโยธินเข้ามาสู่ จ.เชียงราย โดยมีรถไฟความเร็วปานกลางเชื่อมภาคเหนือ และส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะในจังหวัดเชียงราย
เพื่อลดการใช้รถส่วนตัว ช่วยลด PM 2.5 ด้วย ส่วนปัญหาชาติพันธุ์ 8 แสนกว่าคน แต่ทั้งประเทศมี 2 ล้านคน กลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีสิทธิในการเลือกตั้ง ทั้งที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ออกบัตร แต่กลับไม่ได้รับสิทธิ จึงอยากให้มีการรับรองสิทธิเลือกตั้งของคนที่ได้รับจากกระทรวงมหาดไทย ปัญหานี้จะส่งผลกระทบเรื่องสิทธิการรักษา 30 บาททุกโรคด้วย เพราะไม่ได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากไม่สัญชาติไทย แม้จะมีบัตรทองก็ตาม ส่วนสภาวัฒนธรรมถูกละเลย จึงอยากให้ส่งเสริมการอุดหนุนสภาวัฒนธรรม เพราะเป็นองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ
ชาวแม่กลอง ต้อนรับ ‘ก้าวไกล’ อบอุ่น ‘พิธา’ ยันชง กม.ประมง ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3843388
ชาวแม่กลอง ต้อนรับ ‘ก้าวไกล’ อบอุ่น ‘พิธา’ ยันชง กม.ประมง ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ จ.สมุทรสงคราม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนาย
วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมงที่สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาเกี่ยวกับการประมงและแนวทางแก้ไข หลังจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภามีมติผ่านวาระแรกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 ส่งผลให้รัฐสภาชุดหน้าหลังการเลือกตั้ง หากต้องการเดินหน้าเรื่องนี้ สามารถหยิบร่างกฎหมายมาพิจารณาต่อได้ทันที ช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงทำได้รวดเร็วขึ้น โดยมีชาวประมงในพื้นที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนและเสนอแนะความคิดเห็น พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม เขต 1 คือ นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย
นาย
พิธากล่าวว่า เหตุผลที่เดินทางมาจังหวัดสมุทรสงครามและต่อเนื่องไปสมุทรสาคร เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดนี้ เป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงรวมกันมากถึง 10% ของประเทศ ตั้งแต่ พ.ร.ก.การประมงฉบับดังกล่าวออกมาเมื่อปี 2558 ทำให้ภาคการประมงได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่ ตั้งแต่ชาวประมง ผู้ประกอบการ แม้กระทั่งประชาชนที่ซื้อสินค้าอาหารทะเล วันนี้จึงต้องการมารับฟังปัญหาและผลกระทบต่างๆ ที่ประชาชนได้รับ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและยืนยันจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวทันทีเมื่อพรรค ก.ก.เป็นรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเปิดเวทีรับฟังปัญหา ชาวประมงรายหนึ่งกล่าวว่า “
หวังว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่เข้าใจความทุกข์ร้อนของพี่น้องชาวประมง เพราะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยด่วน และต้องใช้วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน”
หลังจากพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องชาวประมง นาย
พิธาและคณะเดินทางไปยังวัดเพชรสมุทรวรวิหารและตลาดแม่กลอง มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายภาพและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นเดินทางต่อไปยังตลาดสดดอนหอยหลอด เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น พ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านค้าบริเวณดอนหอยหลอดให้การต้อนรับและเข้ามาสอบถามถึงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะปรับเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน
JJNY : 5in1 แพงสุดฉุดไม่อยู่!│แบกรับต้นทุนไม่ไหว!│เอกชนเชียงรายขอเพื่อไทย│ชาวแม่กลอง ต้อนรับ ‘ก้าวไกล’│สเปนผวา!
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/336197
เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่แผงขายมะนาว ในตลาดเมืองใหม่ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งรายใหญ่ของภาคเหนือ มีพ่อค้าแม่ค้าจากหลายจังหวัดนำสินค้ามาวางขาย โดยเฉพาะราคามะนาวปี นี้มีราคาแพงตั้งแต่ต้นฤดู มะนาวลูกเล็ก ราคาขายจำนวน 10 ลูกราคา 50 บาท หรือลูกลก 5 บาท มะนาวขนาดกลางจำนวน 10 ลูกราคา 60 บาท หรือลุกละ 6 บาท ส่วนมะนาวเบอร์ใหญ่จำนวน 10 ลูกขาย 75 บาท ลูกละ 7.5 บาท ส่วนมะนาวไร้เมล็ดราคา 10 ลูก 80 บาท ตกลูกละ 8 บาท
ส่วนน้ำมะนาวแท้ทั้งขวดเล็กขวดกลางและขวดใหญ่ปรับราคาขึ้นอีกขวดละ 20 บาท ทำให้ขวดเล็กราคา 40 บาท ปรับราคาเป็น 60 บาท / ขวดขนาดกลางขวดละ 80 บาท ปรับราคาเป็น 100 บาท ส่วนขวดใหญ่ราคา 160 บาท ปรับราคาเป็น 180 บาท
แบกรับต้นทุนไม่ไหว! เกษตรกรผู้เสียงสุกรน้ำตาตก ราคาหมูหน้าคอกลดฮวบเหลือ กก.ละ 80 บาท วอนรัฐช่วยเหลือ
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/336198
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดอุทัยธานีน้ำตากตกเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หลังราคาหน้าคอกลดฮวบจากกิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น และมีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีกถึง 70 บาทต่อกิโลกรัม แบกรับต้นทุนกันไม่ไหว เรียกร้องให้รัฐช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศด้วย
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่อำเภอสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรมากที่สุดทั้งรายเล็กรายใหญ่ หลังราคาสุกรเป็นหน้าคอกของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรราคาลดฮวบ จากราคากิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาท เท่านั้น
โดยเกิดจากกระแสข่าวจากปัญหาเนื้อสุกรเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้า ทำให้พ่อค้าที่เคยรับซื้อสุกกรหน้าคอกฉวยโอกาสกดราคาซื้อสุกกรของเกษตรกรลดลง จากเดิมถึงกิโลกรัมละ 30 – 35 บาท แต่เกษตรกรก็ต้องจำใจยอมจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากถึงกำหนดจับขายหากไม่ขายในตอนนี้ก็ต้องเลี้ยงไว้ต้องกินทุนค่าอาหารไปอีก และค่าอาหารหมู่ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายหนึ่ง กล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกร ว่าตนเองเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรเป็นอาชีพมาเป็นเวลา 12 ปี ปีนี้ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาอาหารสุกรแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหน้าคอกก่อนหน้านี้มีราคาสูงกิโลกรัมละ 110 – 115 บาทก็ถือว่ายังมีกำไรอยู่กันได้ แต่ราคาขณะนี้ลดฮวบลงมาเหลือกิโลกรัมละ 80 บาท และมีแนวโน้มลดต่ำดิ่งลงไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาท อีกส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
ต้องแบกรับต้นทุนและจำใจยอมขาดทุนกัน อย่างตนเองเลี้ยงสุกรครั้งละ 20 ตัวมีต้นทุนเป็นค่าพันธุ์หมูตัวละ 2,500 บาท 20 ตัวเป็นเงิน 50,000 บาท ต้องเลี้ยงเป็นเวลา 4 เดือนจึงจะจับขายได้ เมื่อคิดค่าอาหารหมูแล้ว 1 ตัว ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ จะมีทุนทั้งค่าตัวและค่าอาหารรวม 8,000 – 8,500 บาท 20 ตัวจะมีต้นทุนรวม 160,000 บาท
และขณะนี้ถึงกำหนดขายแล้วและขายได้เพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น โดยหมูแต่ละตัวเฉลี่ยจะมีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม 1 ตัวจะมีราคา 8,800 บาท ถ้า 20 ตัว ราคารวมแล้ว ขายขายได้เพียง 176,000 บาท แต่มีต้นทุนถึง 160,000 บาท เหลือกำไรเพียง 16,000 บาท ค่าคิดเป็นตัวจะขายเฉลี่ยตัวละ 8,800 บาท ได้กำไรตัวละ 300 – 500 บาท ถือว่าไม่ได้กำไรเพราะต้องเสียค่าแรงและเสียเวลาถึง 4 เดือน หากเป็นราคาก่อนหน้านี้จับขายได้กิโลกรัมละ 110 – 115 บาท ต่อตัวจะขายได้เฉลี่ยตัว 12,000 – 12,500 บาท ซึ่งกำไรจากที่เคยได้ตัวละถึงตัวละ 3,500 – 3,700 บาท ถ้ารวม 20 ตัวที่เลี้ยงไว้จะจับขายได้รวมเฉลี่ย 240,000 – 250,000 บาท เท่ากับกำไรหายไป รวมไป กว่า 65,000 บาท
แต่จำเป็นต้องจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะราคามีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีก 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงไม่กล้าเสี่ยงจะรอราคาเนื่องจากต้องมีต้นทุนเป็นค่าอาหารสุกรอีก อยากจะวอนผู้เกี่ยวข้องรวมไปถึงรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศอย่างเร่งด่วนด้วย โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารสุกรต้องราคาต่ำกว่านี้อีกมาก เกษตรกรก็จะสามารถประกอบชีพเลี้ยงสุกรต่อไปได้ หากราคาอาหารสุกรยังแพงขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะต้องหยุดเลี้ยงสุกรไปก่อน
เอกชนเชียงรายขอเพื่อไทย แก้ค้าชายแดน-ส่งออกเมียนมาจีน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_507478/
ผู้ประกอบการ-ผู้บริหารท้องถิ่นเชียงราย ชงเพื่อไทย ดันแก้ปัญหาการค้าชายแดนแม่สาย เรียกร้องให้มีรถไฟเชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ แก้ปัญหาฝุ่นพิษเกินค่ามาตรฐาน พร้อมเปิดประตูส่งออกสินค้าไปสู่เมียนมา-จีน
พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทยในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย, นายอิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รับฟังเสียงสะท้อน จากผู้ประกอบการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
โดยรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้สะท้อนปัญหาการค้าชายแดนของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่อยู่ติดรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และยังอยู่ติดกับประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีด่านทางบกที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีจุดรวมให้คนจีนสามารถเดินทางข้ามแดนมาได้ รวมทั้งยังมีปัญหาทะเลจีนใต้ ความมั่นคงยังต้องให้ความสำคัญแต่ทะเลจีนใต้ อาจส่งผลกระทบการค้าชายแดน โดยมีมูลค่ากว่า 150,000 ล้านต่อปี ส่วนการขึ้นเขื่อนในประเทศพม่า จะส่งผลต่อแม่น้ำลวกในเชียงราย และระดับจะสูงขึ้น
ด้านผู้ประกอบการใน อ.แม่สาย สะท้อนอีกว่า ปัญหากาสิโนในฝั่งประเทศเมียนมา เพราะจีนควบคุม จึงเคลื่อนตัวมาที่ท่าขี้เหล็ก โดยมีแนวคิดเสนอให้ส่งออกอาหารเป็นหลักและสินค้าอุปโภคบริโภคเพราะสินค้าไทยมีมาตรฐานที่ดีด้านนี้ ผู้ประกอบการยังเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยว่า การมี Visa on Arrival (VOA) และ Free Visa เป็นเรื่องจำเป็นเพราะประเทศเมียนมาทำเแล้ว และจะต้องส่งเสริมระบบราง รถไฟ เชื่อมโยง จ.เชียงราย-เชียงใหม่ ด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของเส้นทางการบิน ของนักท่องเที่ยว และส่งออกสินค้าได้ พร้อมทั้งเสนอให้ผลักดันเชียงรายจุดส่งออกสินค้าขายเมียนมา-จีน อยากให้ขยายประตูรองรับท่องเที่ยว ส่งออก
ด้านนายกองค์การตำบลต่างๆ ใน จ.เชียงราย เรียกร้องสวัสดิการในกลุ่มสตรี กลุ่มแม่บ้าน เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ เหมือนกลุ่มอื่นๆ เช่น อสม. รวมทั้งปัญหาตลิ่ง แม่สายมิตรภาพ เกาะช้างติดแนวชายแดนพม่ากว่า 18 กิโล ไม่สามารถทำการแก้ไขได้เนื่องจากติดประเทศเมียนมา เพราะไม่มีอำนาจแก้ปัญหาตลิ่งชายแดน และงบฯสนับสนุน ยังติดปัญหาในเรื่องมิติด้านความมั่นคง
ขณะเดียวกันยังสะท้อนปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ต้นทุนปุ๋ยสูงขึ้นช่วยดูแลเกษตร เจอกลไกแทรกแซงจากต่างประเทศ สินค้าเกษตรจากต่างประเทศเข้ามาขายแข่งขันกับเกษตรกรไทย รวมทั้งค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน พร้อมเสนอให้สร้างถนนคู่ขนานพหลโยธินเข้ามาสู่ จ.เชียงราย โดยมีรถไฟความเร็วปานกลางเชื่อมภาคเหนือ และส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะในจังหวัดเชียงราย
เพื่อลดการใช้รถส่วนตัว ช่วยลด PM 2.5 ด้วย ส่วนปัญหาชาติพันธุ์ 8 แสนกว่าคน แต่ทั้งประเทศมี 2 ล้านคน กลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีสิทธิในการเลือกตั้ง ทั้งที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ออกบัตร แต่กลับไม่ได้รับสิทธิ จึงอยากให้มีการรับรองสิทธิเลือกตั้งของคนที่ได้รับจากกระทรวงมหาดไทย ปัญหานี้จะส่งผลกระทบเรื่องสิทธิการรักษา 30 บาททุกโรคด้วย เพราะไม่ได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากไม่สัญชาติไทย แม้จะมีบัตรทองก็ตาม ส่วนสภาวัฒนธรรมถูกละเลย จึงอยากให้ส่งเสริมการอุดหนุนสภาวัฒนธรรม เพราะเป็นองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ
ชาวแม่กลอง ต้อนรับ ‘ก้าวไกล’ อบอุ่น ‘พิธา’ ยันชง กม.ประมง ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3843388
ชาวแม่กลอง ต้อนรับ ‘ก้าวไกล’ อบอุ่น ‘พิธา’ ยันชง กม.ประมง ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ จ.สมุทรสงคราม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวประมงที่สหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาเกี่ยวกับการประมงและแนวทางแก้ไข หลังจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภามีมติผ่านวาระแรกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 ส่งผลให้รัฐสภาชุดหน้าหลังการเลือกตั้ง หากต้องการเดินหน้าเรื่องนี้ สามารถหยิบร่างกฎหมายมาพิจารณาต่อได้ทันที ช่วยให้การแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงทำได้รวดเร็วขึ้น โดยมีชาวประมงในพื้นที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนและเสนอแนะความคิดเห็น พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม เขต 1 คือ นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย
นายพิธากล่าวว่า เหตุผลที่เดินทางมาจังหวัดสมุทรสงครามและต่อเนื่องไปสมุทรสาคร เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดนี้ เป็นพื้นที่ที่มีชาวประมงรวมกันมากถึง 10% ของประเทศ ตั้งแต่ พ.ร.ก.การประมงฉบับดังกล่าวออกมาเมื่อปี 2558 ทำให้ภาคการประมงได้รับผลกระทบเป็นห่วงโซ่ ตั้งแต่ชาวประมง ผู้ประกอบการ แม้กระทั่งประชาชนที่ซื้อสินค้าอาหารทะเล วันนี้จึงต้องการมารับฟังปัญหาและผลกระทบต่างๆ ที่ประชาชนได้รับ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและยืนยันจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวทันทีเมื่อพรรค ก.ก.เป็นรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเปิดเวทีรับฟังปัญหา ชาวประมงรายหนึ่งกล่าวว่า “หวังว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่เข้าใจความทุกข์ร้อนของพี่น้องชาวประมง เพราะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยด่วน และต้องใช้วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน”
หลังจากพบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องชาวประมง นายพิธาและคณะเดินทางไปยังวัดเพชรสมุทรวรวิหารและตลาดแม่กลอง มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้ามาขอถ่ายภาพและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นเดินทางต่อไปยังตลาดสดดอนหอยหลอด เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น พ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านค้าบริเวณดอนหอยหลอดให้การต้อนรับและเข้ามาสอบถามถึงนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ที่จะปรับเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า 3,000 บาทต่อเดือน