เจ้าศากยะ ๖ พระองค์ทรงผนวช
เรื่องพระเทวทัต พระศาสดาตรัสชาดกทั้งหมด ที่ทรงปรารภพระเทวทัตให้พิสดารแล้ว ตั้งแต่เวลาผนวชถึงถูกแผ่นดินสูบ.
ก็ความย่อในเรื่องพระเทวทัตนี้ ดังต่อไปนี้ :-
เมื่อพระศาสดา ทรงอาศัยนิคมชื่ออนุปิยะแห่งมัลลกษัตริย์ ประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวันนั่นแล, ในวันรับพระลักษณะแห่งพระตถาคตนั่นเทียว ตระกูลพระญาติแปดหมื่นมอบพระโอรสแปดหมื่นให้ ด้วยคำว่า “สิทธัตถกุมาร จงเป็นพระราชาก็ตาม เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม, จักมีกษัตริย์เป็นบริวารเที่ยวไป”, เมื่อพระโอรสเหล่านั้นผนวชแล้วโดยมาก, เหล่าพระญาติเห็นศากยะ ๖ พระองค์นี้ คือ ภัททิยราชา อนุรุทธะ อานันทะ ภคุ กิมพิละ เทวทัต ยังมิได้ผนวชจึงสนทนากันว่า “พวกเรายังให้ลูกๆ ของตนบวชได้, ศากยะทั้ง ๖ นี้ ชะรอยจะไม่ใช่พระญาติกระมัง? เพราะฉะนั้น จึงมิได้ทรงผนวช.”
ครั้งนั้น เจ้ามหานามศากยะเข้าไปหาเจ้าอนุรุทธะ ตรัสว่า “พ่อผู้ออกบวชจากตระกูลของเรายังไม่มี, น้องจักบวช หรือว่าพี่จักบวช.” ก็เจ้าอนุรุทธกุมารนั้นเป็นกษัตริย์ผู้สุขุมาล มีโภคะสมบูรณ์ แม้คำว่า “ไม่มี” พระองค์ก็ไม่เคยทรงสดับ.
จริงอยู่ วันหนึ่งเมื่อกษัตริย์ ๖ พระองค์นั้นทรงเล่นกีฬาลูกขลุบอยู่, เจ้าอนุรุทธะทรงปราชัยด้วยขนมแล้ว ส่ง (คน) ไปเพื่อต้องการขนม. คราวนั้น พระมารดาของท่านทรงจัดขนมส่งไป. กษัตริย์ทั้งหกเสวยแล้วทรงเล่นกันอีก. เจ้าอนุรุทธะนั้นแล เป็นฝ่ายแพ้ร่ำไป. ส่วนพระมารดา เมื่อพระองค์ส่งคนไปๆ ก็ส่งขนมไปถึง ๓ ครั้ง ในวาระที่ ๔ ส่งไปว่า “ขนมไม่มี.” พระกุมารทรงสำคัญว่า “ขนมแม้นี้ จักเป็นขนมประหลาดชนิดหนึ่ง” เพราะไม่เคยทรงได้ยินคำว่า “ไม่มี” จึงส่งคนไปว่า “จงนำขนมไม่มีนั่นแลมาเถอะ”
ฝ่ายพระมารดาของท่าน เมื่อเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าแม่ ได้ยินว่า พระองค์จงประทานขนมไม่มี”, จึงทรงพระดำริว่า “ลูกของเราไม่เคยได้ยินบทว่า ‘ไม่มี’, แต่เราจักให้รู้ความนั่นด้วยอุบายนี้” จึงทรงปิดถาดทองคำเปล่าด้วยถาดทองคำอื่นแล้วส่งไป.
เหล่าเทวดาที่รักษาพระนครคิดว่า “เจ้าอนุรุทธศากยะได้ถวายภัตอันเป็นส่วนตัวแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฏฐะ ในคราวที่ตนเป็นนายอันนภาระ ทรงทำความปรารถนาไว้ว่า ‘ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้สดับ คำว่า ‘ไม่มี’, อย่ารู้สถานที่เกิดแห่งโภชนะ’, ถ้าว่าเจ้าอนุรุทธะนี้ จักทรงเห็นถาดเปล่าไซร้, พวกเราก็จักไม่ได้เข้าไปสู่เทวสมาคม, ทั้งศีรษะของพวกเราก็จะพึงแตก ๗ เสี่ยง” ทีนั้น จึงได้ทำถาดนั้นให้เต็มด้วยขนมทิพย์ เมื่อถาดนั้นพอเขาวางลงที่สนามเล่นขลุบแล้วเปิดขึ้น, กลิ่นขนมก็ตั้งตลบไปทั่วทั้งพระนคร. ชิ้นขนม แต่พอกษัตริย์ทั้งหกหยิบเข้าไปในพระโอฐเท่านั้น ก็แผ่ซ่านไปทั่วประสาทรับรสทั้งเจ็ดพัน.
พระกุมารนั้นทรงพระดำริว่า “เราคงจะไม่เป็นที่รักของพระมารดา, พระมารดาจึงไม่ทรงปรุงชื่อขนมไม่มีนี้ประทานเรา ตลอดเวลาถึงเพียงนี้, ตั้งแต่นี้ไป เราจักไม่กินขนมอื่น”, ดังนี้แล้ว เสด็จไปสู่ตำหนัก ทูลถามพระมารดาว่า “เจ้าแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเจ้าแม่หรือไม่เป็นที่รัก?”
ม. พ่อ พ่อย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตาข้างเดียว และเหมือนดวงใจ (ของแม่) ฉะนั้น.
อ. เมื่อเช่นนั้น เหตุไร เจ้าแม่จึงไม่ทรงปรุงขนมไม่มี ประทานแก่หม่อมฉันตลอดเวลาถึงเพียงนี้เล่า เจ้าแม่.
พระนางรับสั่งถามมหาดเล็กคนสนิทว่า “ขนมอะไรๆ มีอยู่ในถาดหรือ พ่อ” เขาทูลว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า ถาดเต็มเปี่ยมด้วยขนม, ชื่อว่าขนมเห็นปานนี้ กระหม่อมฉันก็ยังไม่เคยเห็นแล้ว” พระนางทรงพระดำริว่า “บุตรของเราจักเป็นผู้มีบุญมีอภินิหารได้ทำไว้แล้ว, เทวดาทั้งหลายจักใส่ขนมให้เต็มถาดส่งไปแล้ว.” ลำดับนั้น พระโอรสจึงทูลพรมารดาว่า "เจ้าแม่ ตั้งแต่นี้ไป หม่อมฉันจักไม่เสวยขนมอื่น, ขอเจ้าแม่พึงปรุงแต่งขนมไม่มีอย่างเดียว” ตั้งแต่นั้นมา แม้พระนาง เมื่อพระกุมารนั้นทูลว่า “หม่อมฉันต้องการเสวยขนม” ก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นแล ด้วยถาดอื่น ส่งไปประทานพระกุมารนั้น. เทวดาทั้งหลายส่งขนมทิพย์ ถวายพระกุมารนั้นตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส.๑-
ที่มา : ความคิดเห็นที่ 4
สมาชิกหมายเลข 2428820
https://m.ppantip.com/topic/33854715?
----------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปความโดยย่อ : พระอนุรุทธะ ได้ทาน *ขนมไม่มี คือถาดทองคำที่เต็มไปขนมทิพย์
พระอนุรุทธะ - ขนมไม่มี
เรื่องพระเทวทัต พระศาสดาตรัสชาดกทั้งหมด ที่ทรงปรารภพระเทวทัตให้พิสดารแล้ว ตั้งแต่เวลาผนวชถึงถูกแผ่นดินสูบ.
ก็ความย่อในเรื่องพระเทวทัตนี้ ดังต่อไปนี้ :-
เมื่อพระศาสดา ทรงอาศัยนิคมชื่ออนุปิยะแห่งมัลลกษัตริย์ ประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวันนั่นแล, ในวันรับพระลักษณะแห่งพระตถาคตนั่นเทียว ตระกูลพระญาติแปดหมื่นมอบพระโอรสแปดหมื่นให้ ด้วยคำว่า “สิทธัตถกุมาร จงเป็นพระราชาก็ตาม เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม, จักมีกษัตริย์เป็นบริวารเที่ยวไป”, เมื่อพระโอรสเหล่านั้นผนวชแล้วโดยมาก, เหล่าพระญาติเห็นศากยะ ๖ พระองค์นี้ คือ ภัททิยราชา อนุรุทธะ อานันทะ ภคุ กิมพิละ เทวทัต ยังมิได้ผนวชจึงสนทนากันว่า “พวกเรายังให้ลูกๆ ของตนบวชได้, ศากยะทั้ง ๖ นี้ ชะรอยจะไม่ใช่พระญาติกระมัง? เพราะฉะนั้น จึงมิได้ทรงผนวช.”
ครั้งนั้น เจ้ามหานามศากยะเข้าไปหาเจ้าอนุรุทธะ ตรัสว่า “พ่อผู้ออกบวชจากตระกูลของเรายังไม่มี, น้องจักบวช หรือว่าพี่จักบวช.” ก็เจ้าอนุรุทธกุมารนั้นเป็นกษัตริย์ผู้สุขุมาล มีโภคะสมบูรณ์ แม้คำว่า “ไม่มี” พระองค์ก็ไม่เคยทรงสดับ.
จริงอยู่ วันหนึ่งเมื่อกษัตริย์ ๖ พระองค์นั้นทรงเล่นกีฬาลูกขลุบอยู่, เจ้าอนุรุทธะทรงปราชัยด้วยขนมแล้ว ส่ง (คน) ไปเพื่อต้องการขนม. คราวนั้น พระมารดาของท่านทรงจัดขนมส่งไป. กษัตริย์ทั้งหกเสวยแล้วทรงเล่นกันอีก. เจ้าอนุรุทธะนั้นแล เป็นฝ่ายแพ้ร่ำไป. ส่วนพระมารดา เมื่อพระองค์ส่งคนไปๆ ก็ส่งขนมไปถึง ๓ ครั้ง ในวาระที่ ๔ ส่งไปว่า “ขนมไม่มี.” พระกุมารทรงสำคัญว่า “ขนมแม้นี้ จักเป็นขนมประหลาดชนิดหนึ่ง” เพราะไม่เคยทรงได้ยินคำว่า “ไม่มี” จึงส่งคนไปว่า “จงนำขนมไม่มีนั่นแลมาเถอะ”
ฝ่ายพระมารดาของท่าน เมื่อเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าแม่ ได้ยินว่า พระองค์จงประทานขนมไม่มี”, จึงทรงพระดำริว่า “ลูกของเราไม่เคยได้ยินบทว่า ‘ไม่มี’, แต่เราจักให้รู้ความนั่นด้วยอุบายนี้” จึงทรงปิดถาดทองคำเปล่าด้วยถาดทองคำอื่นแล้วส่งไป.
เหล่าเทวดาที่รักษาพระนครคิดว่า “เจ้าอนุรุทธศากยะได้ถวายภัตอันเป็นส่วนตัวแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฏฐะ ในคราวที่ตนเป็นนายอันนภาระ ทรงทำความปรารถนาไว้ว่า ‘ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้สดับ คำว่า ‘ไม่มี’, อย่ารู้สถานที่เกิดแห่งโภชนะ’, ถ้าว่าเจ้าอนุรุทธะนี้ จักทรงเห็นถาดเปล่าไซร้, พวกเราก็จักไม่ได้เข้าไปสู่เทวสมาคม, ทั้งศีรษะของพวกเราก็จะพึงแตก ๗ เสี่ยง” ทีนั้น จึงได้ทำถาดนั้นให้เต็มด้วยขนมทิพย์ เมื่อถาดนั้นพอเขาวางลงที่สนามเล่นขลุบแล้วเปิดขึ้น, กลิ่นขนมก็ตั้งตลบไปทั่วทั้งพระนคร. ชิ้นขนม แต่พอกษัตริย์ทั้งหกหยิบเข้าไปในพระโอฐเท่านั้น ก็แผ่ซ่านไปทั่วประสาทรับรสทั้งเจ็ดพัน.
พระกุมารนั้นทรงพระดำริว่า “เราคงจะไม่เป็นที่รักของพระมารดา, พระมารดาจึงไม่ทรงปรุงชื่อขนมไม่มีนี้ประทานเรา ตลอดเวลาถึงเพียงนี้, ตั้งแต่นี้ไป เราจักไม่กินขนมอื่น”, ดังนี้แล้ว เสด็จไปสู่ตำหนัก ทูลถามพระมารดาว่า “เจ้าแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเจ้าแม่หรือไม่เป็นที่รัก?”
ม. พ่อ พ่อย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตาข้างเดียว และเหมือนดวงใจ (ของแม่) ฉะนั้น.
อ. เมื่อเช่นนั้น เหตุไร เจ้าแม่จึงไม่ทรงปรุงขนมไม่มี ประทานแก่หม่อมฉันตลอดเวลาถึงเพียงนี้เล่า เจ้าแม่.
พระนางรับสั่งถามมหาดเล็กคนสนิทว่า “ขนมอะไรๆ มีอยู่ในถาดหรือ พ่อ” เขาทูลว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า ถาดเต็มเปี่ยมด้วยขนม, ชื่อว่าขนมเห็นปานนี้ กระหม่อมฉันก็ยังไม่เคยเห็นแล้ว” พระนางทรงพระดำริว่า “บุตรของเราจักเป็นผู้มีบุญมีอภินิหารได้ทำไว้แล้ว, เทวดาทั้งหลายจักใส่ขนมให้เต็มถาดส่งไปแล้ว.” ลำดับนั้น พระโอรสจึงทูลพรมารดาว่า "เจ้าแม่ ตั้งแต่นี้ไป หม่อมฉันจักไม่เสวยขนมอื่น, ขอเจ้าแม่พึงปรุงแต่งขนมไม่มีอย่างเดียว” ตั้งแต่นั้นมา แม้พระนาง เมื่อพระกุมารนั้นทูลว่า “หม่อมฉันต้องการเสวยขนม” ก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นแล ด้วยถาดอื่น ส่งไปประทานพระกุมารนั้น. เทวดาทั้งหลายส่งขนมทิพย์ ถวายพระกุมารนั้นตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส.๑-
ที่มา : ความคิดเห็นที่ 4
สมาชิกหมายเลข 2428820
https://m.ppantip.com/topic/33854715?
----------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปความโดยย่อ : พระอนุรุทธะ ได้ทาน *ขนมไม่มี คือถาดทองคำที่เต็มไปขนมทิพย์