ดร.เสรี สื่อถึงใคร 'จิตใจได้พ่อ สมองได้อา ใบหน้าได้หมอ

16 ก.พ.2566 - ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
ถ้าจิตใจได้พ่อ
สมองได้อา
ใบหน้าได้หมอ
ขอคำที่สามารถอธิบายความหมาย 3 ได้นี้ ได้ละ 10 คำค่ะ
คำคุณศัพท์ 10 คำที่อธิบายลักษณะจิตใจที่ได้มาจากพ่อ....
คำคุณศัพท์ 10 คำที่อธิบายลักษณะสมองที่ได้มาจากอา....
คำนาม 10 คำที่อธิบายใบหน้าที่เป็นผลงานของหมอ...
 
https://www.thaipost.net/x-cite-news/325247/

เลือกตั้งครั้งนี้ ต้องคิดว่าเราเลือกนายกรัฐมนตรี

ปี่กลองการเลือกตั้งดังกระหึ่มแล้ว สิ่งที่เราเห็นในเวลานี้ก็คือ การย้ายพรรค การเปิดตัวผู้สมัคร การลงพื้นที่ปราศรัย การประกาศนโยบาย พรรคขนาดใหญ่และขนาดกลางต่างก็หวังจะเป็นผู้ชนะ สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นเวลานี้ก็คือ การประกาศตัวผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ และการปราศรัยหาเสียงด้วยการเล่าผลงานบ้าง ประกาศนโยบายบ้าง แสดงความเป็นพรรคยอดนิยมด้วยการบอกกล่าวว่ามีคนเด่นคนดังมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค มาลงเลือกตั้งในนามของพรรค และบางพรรคก็มีความชัดเจนแล้วว่าส่งชื่อใครเป็นผู้ที่ทางพรรคจะชูให้เป็นนายกรัฐมนตรี

บางพรรคแม้ว่าจะยังไม่ประกาศชัดเจนก็พอจะรู้ได้ว่าเขาจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ดูได้จากท่าทีและการพูดจาของคนที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง เรื่องนี้แหละเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการพิจารณา เพราะการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของเราไม่ใช่เป็นเพียงการเลือกให้ใครเป็น ส.ส. แต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี

การหาเสียงนั้นมีแนวทางที่ดีและไม่ดี แนวทางที่ดีคือ 1) บอกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาพรรคของตนมีผลงานอะไร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องบอกให้ประชาชนรู้ว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชน ถ้าเป็นฝ่ายค้านก็ต้องแสดงผลงานในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่ายับยั้งโครงการอะไรได้บ้าง จับทุจริตอะไรได้บ้าง เรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรได้บ้าง 2) บอกว่านโยบายที่ตั้งใจจะทำเมื่อได้เป็นรัฐบาลมีอะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน 3) คนที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเป็นใคร มีคุณสมบัติอย่างไร มีความเก่ง ความดีที่โดดเด่นอย่างไร โดยจะต้องนำเสนอเรื่องที่เป็นจริง ไม่เพ้อเจ้อ ไม่เพ้อฝัน ไม่นำเสนอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาหลอกลวงหรือเอาผลประโยชน์ (ที่เป็นจริงไม่ได้) มาหลอกล่อมอมเมาประชาชนให้หลงเชื่อและลงคะแนนให้

ส่วนแนวทางในการหาเสียงที่ไม่ดี ที่เราเรียกว่าเป็นการเมืองน้ำเน่าก็คือการสร้างวาทกรรมด้อยค่าคนอื่นด้วยความเท็จ การสาดโคลนใส่คนอื่นด้วยความเท็จและถ้อยคำที่หยาบคาย ต่ำตม ไร้รสนิยม การขายฝันด้วยการสัญญาในสิ่งที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้ การพูดจาข่มท่าน ดูถูกคนอื่น พูดจาปานประหนึ่งว่าตนเองเก่งอยู่คนเดียว หรือเก่งเหนือใครๆ หรือการพูดว่าจะทำอะไรบางอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันทำอยู่แล้ว แต่พูดจาปานประหนึ่งว่ารัฐบาลไม่ได้ทำ ต้องเลือกพรรคของเขาเข้ามา สิ่งที่หลายคนมองว่าทำไม่ได้ พรรคของเขาจะทำให้ดูว่าทำได้ หรือสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ต้องเลือกพรรคของเขาสิ แล้วสิ่งที่ยังไม่ได้ทำจะเกิดขึ้น เป็นการพูดจาบิดเบือนเสมือนหนึ่งว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้น รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำ การพูดแบบนี้มันคือการโกหก คนเราแค่เริ่มต้นตอนหาเสียงก็โกหกเสียแล้ว หากมาเป็นรัฐบาลบริหารบ้านเมืองจะซื่อสัตย์ได้อย่างไร ดังนั้นประชาชนจะต้องพิจารณาให้ดี อย่าให้นักการเมืองมอมเมาด้วยคำสัญญาว่าจะไห้ โดยต้องตั้งคำถามว่าสิ่งที่เขาสัญญานั้น ต้องใช้งบประมาณเท่าใด จะเอาเงินมาจากไหน และจะทำลายวินัยทางการเงินการคลังของประเทศหรือไม่

เรื่องการย้ายพรรค ก็ต้องสืบเสาะให้ดีว่าพวกเขาย้ายเพราะอะไร ถ้าหากย้ายเพราะมีอุดมการณ์ตรงกัน ชอบนโยบายของพรรค มั่นใจผู้บริหารพรรค ถือว่าเป็นเหตุผลในการย้ายพรรคที่ดี น่ายกย่อง แต่ถ้าหากย้ายเพราะผลประโยชน์ แปลงร่างจากความเป็นคนกลายเป็นงูกินกล้วย หรือมีคำสัญญาว่าจะได้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความสามารถที่จะดำรงตำแหน่ง หรือย้ายเพราะจะร่วมมือกันแสวงหาผลประโยชน์จากการคอร์รัปชันเชิงนโยบายที่ผลประโยชน์ทับซ้อน ถือว่าเป็นเหตุผลที่ไม่ดีสมควรถูกประณามและเราไม่ควรจะเลือกคนพวกนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้หลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็น “ธนาธิปไตย” คือ “เงินเป็นใหญ่” ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ “ประชาชนเป็นใหญ่” ถ้าหากมีการแจกกล้วยกันจริง เราก็ต้องตั้งคำถามว่าคนที่แจกกล้วย เขาไปเอากล้วยมาจากไหน แล้วเขาลงทุนแจกกล้วยไปทำไม เมื่อลงทุนไปแล้วเขาจะไม่มาถอนทุนคืนด้วยการโกงกินหรอกหรือ

สิ่งที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ เราต้องตระหนักว่าเราไม่ได้แค่เลือกให้ใครเป็น ส.ส. แต่เรากำลังเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเราจะต้องเปรียบเทียบคนที่พรรคส่งชื่อเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) บุคลิกที่สง่างาม 2) ความมีบารมีที่คนยกย่อง 3) ผลงานในสมัยที่กำลังจะจบสิ้นนี้ ทั้งในด้านการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศชาติเพื่อประชาชน 4) ความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5) ความซื่อสัตย์สุจริต และ 6) ความเป็นคนที่เราไว้ใจได้ว่าตั้งใจมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่