WARNING
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและแสดงความคิดเห็น
หลังจากมีการเปิดเผยข่าวใหญ่เรื่องการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท SM Entertainment ของ HYBE เมื่อเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุด สำนักข่าวตัวแสบแห่งวงการบันเทิงเกาหลีอย่าง Dispatch ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายละเอียดสัญญาซื้อขายเขย่าวงการในครั้งนี้
ซึ่งดูเหมือนว่าบังชีฮยอกจะไม่ใช่พระเอกอัศวินขี่ม้าขาวผู้เข้ามาช่วยอีซูมานจากสงครามกลางเมืองกวังยาแต่อย่างใด
Dispatch ได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งค่ายจนถึงการเติบโตของบริษัท
อีซูมานได้บริหารงานของ SM ภายใต้แนวคิดที่ว่า "SM คืออีซูมาน, อีซูมานคือ SM"
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปนั้นกลับกลายเป็นว่า ตัวอีซูมานเองนั่นแหละคือผู้ฉุดรั้งการเติบโตและก้าวไปข้างหน้าของบริษัทที่เขาสร้างมากับมือ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) มีการรั่วไหลของสัญญาฉบับหนึ่งที่เปิดเผยว่าอีซูมานจะได้รับส่วนแบ่ง 6%
จากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับเพลงของ SM ระหว่างปี 2022 ถึง 2092 หรือเป็นเวลาถึง 70 ปี (แม้ตัวอีซูมานจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม)
รวมไปถึงส่วนแบ่งรายได้อีก 3% จากการบริหารจัดการจนถึงปี 2025 โดยสัญญาฉบับนี้ลงนามผ่านทางบริษัท Like Planning ของอีซูมานเอง
ซึ่งข้อมูลนี้ระบุว่าอีซูมานจะได้รับเงินรายได้ถึง 80.0 พันล้านวอน (ราวๆ 63.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตลอด 70 ปีแม้ Like Planning จะยุติการดำเนินงาน
เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเช่นนี้ ทาง HYBE จึงตัดสินใจว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะสานสัมพันธ์แบบนี้
HYBE จึงตัดสินใจยื่นข้อตกลงก่อนการซื้อขายหุ้นว่าว่าจะต้องมีการยกเลิกข้อตกลงในสัญญาส่วนนี้
โดยที่อีซูมานจะไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าวอีก ซึ่งตัวอีซูมานเองตัดสินใจตกลงยินยอมที่จะสละเงินรายได้กว่า 80.0 พันล้านวอน
ที่จะได้รับในระยะเวลา 70 ปีดังกล่าว เพื่อที่จะขายหุ้นของ SM ในส่วนที่เขาถือครองไว้ส่วนใหญ่ให้แก่ HYBE
"ในระหว่างการจัดทำข้อตกลงนี้ เราได้ตัดสินใจที่จะไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ระบุว่าจะมีการจ่ายค่าสิทธิ์นี้
ให้กับอดีตผู้อำนวยการสร้างอีซูมาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการปรับปรุงกรอบการทำงานขององค์กร
คุณอีซูมานตัดสินใจให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรโ
ดยการโอนหุ้นของบริษัทในเครือของ SM Entertainment ที่เขาถือครองเป็นการส่วนตัวให้กับ HYBE" - HYBE
โดยหุ้นบางส่วนของอีซูมานที่ได้มีการถ่ายโอนไปยัง HYBE นอกเหนือจาก SM Entertainment
เช่น Dream Maker Entertainment บริษัทผู้ดูแลการจัดคอนเสิร์ตและการแสดงสด และบริษัทการตลาดสำหรับแบรนด์
นอกจากนี้ อีกสำนักข่าวนึงอย่าง Invest Chosun ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า HYBE มีสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นที่เหลือของ SM Entertainment
เป็นจำนวน 3.66% ของบริษัทภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้ถือว่าอีซูมานเต็มใจให้ HYBE จัดการ
ด้วยวิธีที่จะปิดกั้นไม่ให้อีซูมานสามารถสร้างรายได้จาก SM ได้อีก
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีข้อสังเกตด้วยว่าความจริงแล้ว บังชีฮยอก (HYBE) ไม่ได้จับมือกับอีซูมาน แต่จับมือกับทาง SM ต่างหาก
โดยแหล่งข่าววงในระบุว่า อีซูมานติดต่อบังชีฮยอกอย่างเร่งด่วนซึ่งทางบังชีฮยอกเองก็ตอบตกลงในทันที
แต่กลับน่าสังเกตว่าความช่วยเหลือที่บังชีฮยอกยื่นให้นั้นยังเป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างอีซูมานกับ SM อีกด้วย
อีกทั้งระบุว่า "บทบาทของอีซูมานใน SM Entertainment นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว"
และรายได้ของอีซูมานจากกิจกรรมและการโปรโมทของ SM Entertainment หายไปเกือบหมดแล้ว
เงินนั้นกำลังเข้าสู่บริษัทและผู้ถือหุ้น และอีซูมานมอบส่วนแบ่งของเขาและหลบหนีไป
และจะมีใครยืนยันได้บ้างว่าอีซูมานจะกลับเข้ามาเป็นผู้บริหารของ SM Entertainment อีกครั้งได้อย่างไร
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าจากการประกาศปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ของ SM (SM 3.0) นั้นเป็นการผลักให้อีซูมานเข้าตาจน
จากการตรวจสอบสัญญาค่าสิทธิ์ดังกล่าวไปข้างต้น ซึ่งหนทางที่ดีที่สุดสำหรับอีซูมานคือเข้าขัดขวางการปรับปรุงโครงสร้างนี้
ทำให้อีซูมานตัดสินใจส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่ HYBE แต่ในขณะที่อีซูมานเข้าขัดขวางแผนการปรับปรุงโครงสร้างเล็กๆน้อยๆนั้น
เป้าหมายสุดท้ายที่ผู้นำองค์กรใหม่และ Align Partners ตั้งไว้ก็บรรลุได้ด้วยการตัดสินใจของตัวอีซูมานเอง
และเป้าหมายสูงสุดในตอนนี้ของ HYBE ก็คือ "การรักษาโครงสร้างองค์กรภายใน SM Entertainment"
[K-POP] Dispatch เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นระหว่างอีซูมานกับ HYBE "มันเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ของเขา"